บทที่ 2
"ก็ดี ดีละ"
ดารณีรู้สึกโล่งใจ เธอจึงพาญาสุมินทร์ไปแปลงโฉมในห้องนอนของเธอ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ญาสุมินทร์ กลับมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างน่าทึ่ง ดูสง่างามอย่างยิ่ง
"ถ้าทำไม่สำเร็จก็จะไม่เป็นที่ยอมรับ จำไว้ว่าเธอจะต้องไม่ยอมแพ้จนกว่าจะทำสำเร็จ!" ดารณีพูดเตือนญาสุมินทร์ขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
ญาสุมินทร์ตอบรับแบบไม่ทันตั้งตัว จากนั้นก็ขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของตระกูลศรีอมรรัตน
คฤหาสน์หลังนี้ดูหรูหราด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว มีขนาดใหญ่โตมโหฬารและใช้พื้นที่มากกว่า 1,000 ตารางเมตร
มีรถเข้าออกประตูหน้านับไม่ถ้วน
แม้ว่าเศรษฐเสถียรจะขึ้นชื่อเรื่องความแข็งกระด้างและเลือดเย็น แต่รางวัลเงินสดที่ได้จากการแต่งงานนั้นมีมูลค่าถึง 540 ล้านบาท พ่วงด้วยฐานะลูกสะใภ้ตระกูลศรีอมรรัตน แค่นี้ก็เพียงพอที่จะดึงดูดผู้คนเข้าร่วมงานจำนวนมาก
และญาสุมินทร์ก็คือหนึ่งในนั้น
ญาสุมินทร์รายงานตัวและจุดประสงค์ในการมาแก่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดเลี้ยงก็พาเธอไปรอในห้องซึ่งมีหญิงสาวหลายคนรออยู่ก่อนแล้ว
“การประชุมอย่างเป็นทางการใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ขอให้ทุกท่านโปรดเตรียมตัวให้พร้อม หลังจากการคัดเลือกก็อย่าเพิ่งรีบกลับ เพราะคุณหญิงมิลามีความประสงค์อยากจะเลี้ยงอาหารกลางวันทุกท่าน ไม่ว่าคุณจะได้รับการคัดเลือกหรือไม่ก็ตาม "
หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดเลี้ยงสรุปตารางการจัดงานของเขาแล้ว จึงหยิบรายชื่อผู้ลงทะเบียนขึ้นมาอ่าน "คุณสุธีรา โอวาทนันต์ เชิญตามผมมาครับ"
เด็กสาวหน้าหวานลุกขึ้นและถูกพาไปที่ห้องรับแขก
เธอเดินเร็วมาก ดูเหมือนเธอจะตื่นเต้นมาก
ผ่านไปสิบนาที เธอกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเครื่องสำอางเพราะน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
หญิงสาวคนหนึ่งถามเธอว่า "สุธีรา คุณเศรษฐเสถียรทำอะไรเธอ"
สุธีราเหลือบมองหญิงสาว แล้วคว้ากระเป๋าวิ่งหนีไปด้วยความพ่ายแพ้
หญิงสาวต่างพากันถอนหายใจ
ไม่นานนัก เหล่าหญิงสาวก็ถูกพาตัวไปมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่พวกเธอทั้งหมดกลับมาทั้งน้ำตา
เสียงซุบซิบและบ่นพึมพำเริ่มดังขึ้นในห้องนั่งรอ
ญาสุมินทร์ที่มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างใจเย็นรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความถึงโย่ง คนขับรถประจำตระกูลของเธอ
ไม่นานนัก โย่งก็นำถุงพลาสติกใบเล็กๆ มาให้เธอ เธอจึงนำถุงนั้นไปที่ห้องรับแขก
ห้องรับแขกมีขนาดใหญ่โตและกว้างขวาง แต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอย่างประหลาด
เศรษฐเสถียรนั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง
คิ้วของเขาเอียงคล้ายรูปดาบ นัยน์ตาดำขลับพร้อมสายตาคมกริบ ริมฝีปากบางเป็นรูปกระจับ รูปร่างสูงแต่แข็งแรง...
เขาดูเหมือนกับที่เขียนไว้ในข่าวทุกอย่าง หล่อเหลาเหมือนกับที่นักข่าวบรรยายไม่มีผิด
จะว่าไป คำบรรยายในข่าวเป็นเพียงหนึ่งในสิบของรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาด้วยซ้ำ
คำว่าหล่อก็ยังไม่น่าจะพอ เขาดูเหมือนเทพบุตร สง่างามราวกับเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ ทำให้ผู้คนคุกเข่าและยอมจำนนต่อเขา
เป็นอย่างนี้นี่เอง
ญาสุมินทร์สูดหายใจเข้าลึก ๆ และนั่งลงต่อหน้าเขาอย่างใจเย็น เธอเปิดถุงพลาสติกและหยิบกระดาษทิชชู่ห่อใหญ่ออกมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าเธอ
"คุณทำอะไรน่ะ" เศรษฐเสถียรเลิกคิ้วอันดกดำของเขาแล้วถามเธอ
“เอาไว้เช็ดน้ำตาค่ะ” ญาสุมินทร์ตอบอย่างใจเย็น
เศรษฐเสถียรถึงกับอึ้ง สักพักก็หัวเราะออกมา “คุณคิดว่าผู้หญิงทุกคนที่มาที่นี่ต้องกลับออกไปพร้อมน้ำตายังนั้นเหรอ”
"แต่ก็ไม่มีใครออกไปพร้อมกับรอยยิ้มเลยนะคะ" ญาสุมินทร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นั่นเป็นเพราะผมตั้งคำถามแต่ต้องผิดหวังกับคำตอบของพวกเขาอย่างมาก”
“ผู้หญิงทุกคนที่นี่จำเป็นต้องตอบคำถามของคุณใช่ไหมคะ” ญาสุมินทร์ถาม
"ใช่"
ญาสุมินทร์ พยักหน้าและพูดว่า "งั้น เริ่มเลยดีกว่าค่ะ"
“คุณรู้ไหมว่าผมหย่ามากี่ครั้งแล้ว” เศรษฐเสถียรถาม
"หกครั้งค่ะ" ญาสุมินทร์ตอบ มันเป็นความลับที่ไม่ลับ ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้
“แล้วคุณคิดว่าผู้ชายที่แม้แต่ครอบครัวของตัวเองยังจัดการไม่ได้ จะสามารถบริหารบริษัทได้ดีหรือไม่” เศรษฐเสถียรถามคำถามถัดมา
“อ๋อ ได้แน่นอนค่ะ ข้อพิพาทส่วนตัวไม่เกี่ยวกับความสามารถของบุคคลในที่ทำงาน” ญาสุมินทร์ ตอบอย่างใจเย็นโดยไม่ติดขัด
เศรษฐเสถียรอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเธอแล้วยิ้มเยาะ
ช่างเป็นคำตอบที่เฉียบขาด ฟังดูจริงใจ เธอช่างแตกต่างกับพวกผู้หญิงก่อนหน้านี้ที่รู้แค่วิธีปัดขนตาและให้คำตอบโง่ๆ เท่านั้น
