บทที่ 3
"คุณชื่ออะไร" เศรษฐเสถียรถาม
"ญาสุมินทร์"
“คุณออกไปได้แล้ว”
ญาสุมินทร์ไม่ได้ออกไปในทันที
เธอจ้องหน้าเขาตรงๆ แล้วถามว่า "คุณจะเลือกฉันไหม"
“ทำไมผมต้องเลือกคุณ บอกเหตุผลมาสิ” ริมฝีปากของเศรษฐเสถียรโค้งได้รูป และดูเหมือนเขาจะสนใจในความมั่นหน้าของเธอ
“ฉันมั่นใจมากว่าฉันสามารถเป็นภรรยาคนที่เจ็ดและคนสุดท้ายของคุณได้”
“ภรรยาคนสุดท้ายของผมงั้นเหรอ” เศรษฐเสถียรยิ้มเยาะ “ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าอวดดีกับผมขนาดนี้”
“ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูสิ เว้นแต่คุณจะกลัวว่าฉันจะทำได้จริงๆ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เศรษฐเสถียรก็หัวเราะเยาะออกมา ฟังดูน่ากลัว “ในเมื่อคุณแน่ใจ ผมก็จะให้โอกาสคุณเพราะเห็นว่าคุณมีความกล้าหาญ แต่จำไว้ ว่าไม่ว่าผมจะเลือกใคร ผมก็จะไม่มีทางรักผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด”
หลังจากพูดจบ เศรษฐเสถียรก็ลุกขึ้นเดินออกประตูไป
ญาสุมินทร์ ถอนหายใจยาว ขอบคุณดาวนำโชคของตนเอง เธอลุกขึ้นและตามเขาไป
เมื่อพวกเขาปรากฏตัว ทุกคนที่อยู่นอกประตูต่างจับจ้องมาที่เธอและเศรษฐเสถียร
“นายน้อย ตัดสินใจได้แล้วหรือครับ” ผู้ดูแลงานเลี้ยงพูดอึกอักเมื่อเห็นเศรษฐเสถียรออกมาจากห้องรับแขก
“ใช่ คนนี้แหละ” เศรษฐเสถียร พยักหน้าเล็กน้อย ชี้ไปที่ญาสุมินทร์
เท่านั้นแหละ ในห้องนั่งรอก็เกิดความโกลาหลขึ้นมาแทบจะทันที ญาสุมินทร์ ทำให้เหล่าบรรดาหญิงสาวทั้งหลายตื่นตระหนกและโกรธเคือง
“หล่อนมีดีอะไร คุณเศรษฐเสถียรถึงได้เลือกหล่อน” หนึ่งในนั้นคร่ำครวญออกมา
“นั่นญาสุมินทร์ ธารธาราไม่ใช่เหรอ หล่อนจะดีไปกว่าฉันได้ยังไง ถ้าฉันเข้าไปก่อน ฉันต้องเป็นคนที่ถูกเลือกแน่” อีกคนเยาะเย้ย
"นั่นน่ะสิ ทำไมหล่อนถึง..." อีกคนก็ตกใจจนพูดไม่จบประโยค
“สิ่งที่นายน้อยเลือก ไม่ควรจะเป็นที่สงสัยหรือถูกตั้งคำถาม” ผู้ดูแลงานเลี้ยงยิ้มและกล่าวว่า "ขอเชิญทุกท่านเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงครับ"
จากนั้น ก็หันไปพูดกับเศรษฐเสถียรและญาสุมินทร์ว่า "นายน้อยครับ คุณหญิงบอกว่าหากนายน้อยเลือกคู่หมั้นได้แล้ว ให้พาไปที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพบคุณหญิงได้เลยครับ”
เศรษฐเสถียรหันหลังกลับและเดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่
ญาสุมินทร์ พยักหน้าให้กับผู้ดูแลงานเลี้ยงเพื่อขอบคุณ จากนั้นก็ค่อยๆเดินตามเขาไป สูดหายใจลึกๆ
เธอไม่กลัวคำถามหรือความท้าทายใดๆ เพราะเธอมีจุดประสงค์ชัดเจน
ในห้องโถงใหญ่ มีหญิงชราผู้สง่างามรอพวกเขาอยู่
เช่นเดียวกับเศรษฐเสถียร หญิงชราผู้นี้มีราศรีของผู้สูงศักดิ์ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้นกลับดูใจดีและจริงใจ
สร้างความแปลกใจให้ญาสุมินทร์ยิ่งนัก ช่างแตกต่างจากภาพลักษณ์ของแม่บุญธรรมผู้ชั่วร้ายของเธออย่างสิ้นเชิง
“นี่ก็คือผู้หญิงที่ลูกเลือกใช่ไหม” มิลาถามเศรษฐเสถียร
เศรษฐเสถียรตอบอย่างไม่ใยดีว่า "ใช่ครับ" พร้อมกับนั่งลง
มิลาดึงมือญาสุมินทร์ให้นั่งลงข้างๆเธอ และถามด้วยความเมตตาว่า "หนูมาจากครอบครัวไหน"
“หนูเป็นลูกสาวคนโตของคุณเหมราช ธารธาราชื่อ ญาสุมินทร์ ธารธาราค่ะคุณหญิง” ญาสุมินทร์ตอบด้วยความเคารพ
"หนูอายุเท่าไหร่แล้วลูก" มิลาถามอย่างสุภาพ
"ยี่สิบสี่ค่ะ" ญาสุมินทร์ ยิ้มเขิน เธอไม่รู้สึกประหม่าอีกแล้ว
“เมื่อกี้หนูกลัวลูกชายฉันไหม” มิลาหัวเราะคิกคัก
“ไม่ค่ะ คุณเศรษฐเสถียรไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด” ขณะที่ญาสุมินทร์พูด เธอตั้งใจมองไปที่เศรษฐเสถียรเพื่อสังเกตอากัปกิริยาของเขา
เศรษฐเสถียรพ่นลมหายใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ไม่ได้ตอบโต้
ดวงตาของมิลาเบิกกว้างและตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เธอมองญาสุมินทร์ และ เศรษฐเสถียรสลับกันไปมา พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "ฉันจะปล่อยให้หนูดูแลลูกชายของฉันครอบครัวของเราจะปฏิบัติต่อหนูเป็นอย่างดี ฉันรับรองได้"
"ขอบพระคุณค่ะคุณหญิง" ญาสุมินทร์ พยักหน้าอย่างสุภาพ
“พรุ่งนี้ เราจะจัดงานแต่งงานของลูกทั้งสองคนที่โรงแรมเอ็มเพอเรอร์” มิลากล่าวเสริม
“ขอบคุณ —” ญาสุมินทร์ กำลังจะตอบ
"อย่าเลยครับ" เศรษฐเสถียรขัดจังหวะ "ผมจัดงานแต่งงานทุกครั้งที่มีภรรยา มันวุ่นวายเกินไป"
"'วุ่นวายเกินไป? นี่ลูกหมายความว่ายังยัง นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกของญาสุมินทร์! เราต้องจัดพิธีให้เหมาะสมกับเขา! เป็นหน้าที่ของเรา!" มิลาถึงจะแก่แต่ก็ยังคงดื้อรั้น เธอยังคงยืนยันคำเดิม
เศรษฐเสถียรเงียบไป เขาไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เหลือบมองญาสุมินทร์ก่อนจะจากไป
มิลามองตามหลังเขาไปและปลอบญาสุมินทร์ "เขาเป็นคนอารมณ์ร้าย แต่ลึกๆแล้วเขาเป็นคนจิตใจดี อย่าไปถือสาเขาเลยนะ"
