บทที่ 6
สิ่งที่ญาสุมินทร์ทำได้มีเพียงยืนนิ่งและรอคำสั่งของเขาตามหน้าที่
อีกด้านหนึ่งของห้อง เศรษฐเสถียรกำลังนอนอยู่บนเตียงของเขาอย่างสบายอารมณ์
“คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมเลือกเอง มีแนวโน้มว่าครอบครัวของผมจะมาดูเรา ดังนั้นคุณต้องอยู่ในห้องนี้”
“อยู่ในห้องนี้ ให้ยืนอยูแบบนี้น่ะเหรอคะ” ญาสุมินทร์มองเขาอย่างงุนงง
จิตใจเขาทำด้วยอะไร เธอพึมพำภายใต้เสียงหายใจของเธอ
คู่บ่าวสาวเขาอยู่ด้วยกันแบบนี้ที่ไหนกันเล่า
“คุณเศรษฐเสถียร อย่างน้อยคุณควรให้ฉันนั่งไม่ได้เหรอคะ” ญาสุมินทร์ชี้ไปที่โซฟาแล้วถามอย่างระมัดระวัง “ขอฉันนั่งตรงนั้นได้ไหม”
เมื่อเห็นว่าเศรษฐเสถียรไม่คัดค้าน เธอจึงหันหลังเดินไปที่โซฟา
แต่พอเธอจะก้าวขา ก็รู้สึกว่ามีแขนมากระชากเอวของเธอไปกอดอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกหัวหมุนติ้วๆไปชั่วขณะ
เมื่อรู้สึกตัว เธอก็เห็นว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงโดยมีเศรษฐเสถียรนอนทับอยู่บนตัวเธอ
ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายผู้นี้อยู่ห่างจากเธอเพียงสองนิ้ว ใกล้จนพวกเขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
“นี่ นี่คุณคิดจะทำอะไร” เลือดในกายญาสุมินทร์สูบฉีด ใบหน้าของเธอแดงก่ำ
“ผมบอกว่าครอบครัวของผมอาจจะมาดูเรา” เศรษฐเสถียรตอบชัดเจน
ญาสุมินทร์พูดเสียงต่ำอย่างโกรธเคืองว่า “ถึงพวกเขาจะมา เราก็นั่งกันได้ คุณทำแบบนี้ หมายความว่ายังไง คุณเพิ่งบอกฉันว่าคุณไม่ชอบผู้หญิง แต่มาตอนนี้คุณกลับฉวยโอกาส... คุณเศรษฐเสถียร นี่คุณกลับคำอย่างนั้นเหรอ”
"ดูนั่นสิ" เขากระซิบที่ข้างหูเธอ แขนยังคงกอดรัดตัวเธอ
เศรษฐเสถียรขยับไปทางขวาเล็กน้อย
ญาสุมินทร์มองตามไปและพบว่าประตูซึ่งเดิมปิดอยู่นั้นถูกเปิดออกเล็กน้อย โดยมีตาคู่หนึ่งกำลังแอบมองอยู่...
“นี่เรียกว่ามาดูเหรอคะ”
ไม่ใด้มานับจำนวนคน แต่เป็นการจับผิดว่าพวกเขาสนิทสนมกันจริงหรือไม่
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอรู้สึกราวกับว่าเธอถูกจับได้ว่ากำลังมีชู้ ญาสุมินทร์รู้สึกอับอายมากและอยากหาที่ซ๋อน
ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้าเธอยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นไปอีก ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้ ริมฝีปากอันเย็นเยียบของเศรษฐเสถียรก็สัมผัสกับริมฝีปากเธอ เขาจูบเธอแผ่วเบา
นี่คือจูบแรกของเธอ...
คนที่เธอเรียกว่า"สามี" กลับไม่มีความรู้สึกแม้แต่นิดเดียว เขาทำสิ่งนี้เพียงเพื่อเป็นการแสดงเท่านั้น
ดวงตาของญาสุมินทร์เบิกกว้าง ท่าทางที่นิ่งสงบและความใจเย็นที่เธอภาคภูมิใจมาตลอดหายไปอย่างสิ้นเชิง
หากทำได้ เธอก็ปรารถนาที่จะได้รับความรักและมีงานแต่งงานที่โรแมนติกเช่นเดียวกับผู้หญิงคนอื่นๆ
โชคดีที่การแอบดูจากด้านนอกประตูนั้นหยุดลง อีกทั้งประตูก็ถูกปิดลงอย่างแผ่วเบา เศรษฐเสถียรจึงปล่อยเธอและลุกขึ้นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “การแสดงจบลงแล้ว คุณไปได้แล้ว”
“...คุณทำแบบนี้มาตลอดเลยเหรอคะ" ญาสุมินทร์ถามแล้วยกมือปิดแก้มโดยไม่รู้ตัว
“คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมเลือกให้ตัวเอง” เศรษฐเสถียรพูดอย่างเย็นชา “โปรดอย่าให้ผมพูดซ้ำเป็นครั้งที่สาม”
"..." ยาสมีนยิ้มแหยๆ แล้วพูดว่า "เป็นเกียรติอย่างสูงค่ะ"
“ก็คุณเต็มใจทำเอง” เศรษฐเสถียรโต้กลับเยาะเย้ยคำพูดของเธอ
"..." ญาสุมินทร์พูดไม่ออก
การสนทนาหยุดลงเพียงแค่นั้น
เธอปรับชุดนอนที่ยู่ยี่แล้วเดินไปที่ห้องของเธอ
เดินไปได้ครึ่งทาง เธอก็หันกลับมาเตือนเขาว่า "เอ่อ... ดูเหมือนว่าฉันจะแตะเตียงคุณ"
“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ผมจะเอาไปทิ้ง” เศรษฐเสถียรพูดอย่างไม่แยแส
ถ้าเขาจะทิ้งมันก็หมายความว่า...
เขารู้สึกรังเกียจเธอจริงๆงั้นเหรอ
ญาสุมินทร์ไม่ใช่คนขี้เล่น แต่เมื่อเธอได้ยินดังนั้น เธอจึงถามว่า “โยนเตียงทิ้งไป แล้วริมฝีปากของคุณล่ะ? ฉันคิดว่าฉันก็เคยสัมผัสมันเหมือนกันนะ”
ทันใดนั้น สีหน้าของเศรษฐเสถียรก็มืดลง “แล้วผมควรโยนคุณทิ้งด้วยไหม” เขาขู่
“ก็ดี ถ้าคุณทำได้ก็จะดีมาก!”
ญาสุมินทร์แกล้งทำเป็นร่าเริงเพียงเพื่อพูดเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นรีบเข้าไปในห้องของเธอก่อนที่เศรษฐเสถียรจะทำอะไรที่เป็นอันตรายได้
สองวันที่ผ่านมา เธอหมดแรงทั้งร่างกายและจิตใจ เธอพลิกตัวไปมาแต่ก็ยังไม่อาจข่มตาไม่ให้หลับลงได้
นี่ไม่ใช่เตียงนอนของเธอ เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยบนเตียงที่ไม่คุ้นเคย
ญาสุมินทร์ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะอาบน้ำ แต่กลัวว่าจะรบกวนเศรษฐเสถียร เธอจึงต้องรอจนถึงรุ่งสาง
ในฐานะลูกสะใภ้ที่เพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ เธอต้องเสิร์ฟชาและอาหารเช้าให้แก่พ่อและแม่สามีในเช้าวันรุ่งขึ้น ตามธรรมเนียมของตระกูลศรีอมรรัตน
เช้าตรู่ ญาสุมินทร์เตรียมอาหารกับคนใช้และเสิร์ฟให้กับพ่อแม่บุญธรรมคนใหม่ของเธอ
“ดื่มชาหน่อยนะคะ คุณพ่อ”
