บทที่ 8
เมื่อเห็นอาหารเช้าอันโอชะที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย ญาสุมินทร์ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ
เธอไม่เคยมีโอกาสได้ร่วมทานอาหารบนโต๊ะอาหารในบ้านธารธาราเลย
ญาสุมินทร์ถูกพาเข้ามาอยู่ในตระกูลธารธารา ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ พวกเขามองเธอเหมือนผีไม่มีญาติ ไม่เคยชวนเธอทานอาหารร่วมกัน และในทางกลับกัน เธอก็จะไม่เคยเข้าร่วมกับพวกเขาด้วยมีศักดิ์ศรีของตัวเอง หลายปีต่อมา หลังจากที่เธอเติบโตขึ้นและได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะอย่างรุนแรง เธอจึงตระหนักได้ว่าศักดิ์ศรีไม่ใช่สิ่งที่ควรค่าแก่การปกป้อง เพราะจะไม่มีใครรู้สึกเห็นใจเธอเลย
เธอเก็บทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมดไว้คนเดียว
มิลาเห็นญาสุมินทร์ตัวแข็งทื่อจึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ทำไมหนูไม่กินล่ะ ไม่สบายหรือเปล่า”
"ปะ...เปล่าค่ะ" ญาสุมินทร์ดึงตัวเองกลับมาและเริ่มตักอาหารทาน
อาหารนั้นยังอุ่นและน่ารับประทาน อุ่นพอๆ กับความรักที่ครอบครัวศรีอมรรัตนมอบให้เธอ
มิลาหันไปหาเศรษฐเสถียรและพูดว่า "เดี๋ยวลูกก็ต้องไปเยี่ยมครอบครัวของญาสุมินทร์กับน้องแม่ได้บอกให้พ่อบ้านเตรียมของบางอย่างที่จะนำไปฝากทางโน้นไว้แล้ว"
"ผมไม่มีเวลา" เศรษฐเสถียรรีบปฏิเสธอย่างไม่แยแส
ไททัส ศรีอมรรัตนขมวดคิ้ว “แกไม่ควรเอาเวลายุ่งเป็นข้ออ้างและเสียมารยาทแบบนี้!”
“คุณพ่อครับ นี่เป็นการแต่งงานครั้งที่เจ็ดของผม เราไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามประเพณีทุกอย่างเหมือนการแต่งงานครั้งแรกก็ได้นี่ครับ ถ้าเขาอยากไปเยี่ยมครอบครัวของเขา เขาก็ไปเอง มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่ครับ"
"นี่แก... ." ไททัส วางช้อนส้อมแล้วตะคอกเศรษฐเสถียรอย่างโกรธจัด "นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกของญาสุมินทร์ แกทำกับเขาแบบนี้ได้ยังไง"
“คุณพ่อคะ ไม่เป็นไรค่ะ” เมื่อเห็นว่าการถกเถียงเริ่มรุนแรง ญาสุมินทร์ก็พยายามคลี่คลายสถานการณ์ทันที “ครอบครัวของหนูเขาไม่สนใจหรอกค่ะ ไม่เป็นไร อีกอย่างหนูต้องไปทำงานด้วยค่ะ”
"ทำงาน?" มิลาถามด้วยความสงสัย “หนูทำงานอะไร”
ญาสุมินทร์อยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เธอลืมไปว่ามีกฎมากมายในครอบครัวที่ร่ำรวยที่เธอเกี่ยวข้องด้วยนี้ ดังนั้นมิลาอาจจะรับอาชีพของลูกสะใภ้ไม่ได้
เธอควรปรึกษาเรื่องนี้กับเศรษฐเสถียรก่อน
ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอจึงทำได้เพียงตอบตามความจริงว่า "หนูเป็นครูมัธยมปลายค่ะ"
“อ๋อ เป็นครู มิน่าล่ะ หนูถึงดูเป็นคนมีการศึกษาและสุภาพ” มิลาพูดด้วยรอยยิ้มเธอไม่สะทกสะท้านเลย
ญาสุมินทร์โล่งอกแล้วพูดว่า "ไม่มีอะไรค่ะ คุณแม่"
“หนูสอนอยู่ที่โรงเรียนไหน ให้เศรษฐเสถียรไปส่งหนูที่ทำงานหลังอาหารเช้าสิ”
“มันลำบากเกินไป ผมต้องใช้ทางอ้อม” เศรษฐเสถียรตอบโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ
มิลาจ้องเขาและพูดว่า “ลูกรู้ได้ยังไง ญาสุมินทร์ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
“ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน มันก็ลำบากหมดแหละครับ” เศรษฐเสถียรไม่ยอมแพ้ตอบกลับทันที
ญาสุมินทร์คลี่คลายสถานการณ์อีกครั้ง "ไม่เป็นไรค่ะ หนูสะดวกขึ้นรถเมล์มากกว่า"
"รถเมล์?" มิลาตกใจมาก "ลูกสะใภ้ตระกูลศรีอมรรัตนจะไปเบียดตัวเองในรถเมล์ที่แออัดได้อย่างไร ไม่เป็นไร แม่จะจัดรถรับ-ส่งให้"
"ยะ...อย่าเลยค่ะ" ญาสุมินทร์ ส่ายหัว "หนูไม่ชอบความหรูหรา แค่อยากทำตัวปกติ"
"แต่ว่า - "
ไททัสขัดจังหวะขึ้นมาพอดี “เอาล่ะ ในเมื่อลูกสะใภ้ของเรามีความคิดเห็นของตัวเอง ก็อย่าทำให้เขาต้องลำบากใจเลย”
มิลาเงียบไม่พูดอะไรอีก
ญาสุมินทร์รู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาของครอบครัวสามีมาก
ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
จุดประสงค์ที่เธอแต่งงานกับครอบครัวศรีอมรรัตนก็คือ...
หลังอาหารเช้า ญาสุมินทร์ตามเศรษฐเสถียร ออกจากบ้าน
“คราวหน้า ออกจากบ้านหลังผมสิบนาที ผมไม่คุ้นเคยกับการมีคนเดินตามหลัง” เศรษฐเสถียรงอแขนขณะพูดกับญาสุมินทร์ เขาดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
"คุณอารมณ์เสียที่ฉันยังทำงานแม้ว่าจะแต่งงานกับคุณแล้วเหรอคะ" ญาสุมินทร์ถามด้วยความสงสัย
“ฮะ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย” เศรษฐเสถียรจ้องในตาเธอและเตือนว่า “จำไว้ คุณจะทำอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับผมเลย เว้นแต่คุณไปเป็นชู้กับคนอื่น!”
