บทที่ 3 3
เวลาเกือบเย็นพอตะวันใกล้ตกลงสู่พื้นและแทนที่ด้วยพระจันทร์ดวงใหญ่ก็ถึงเวลาที่นลินต้องกลับบ้านพักของตัวเอง ข้าวปั้นที่ไม่อยากให้ผู้หญิงน่ารักอย่างนลินต้องขึ้นรถไปคนเดียวก็พยายามพูดจาให้เจ้าตัวอยู่เป็นเพื่อนเธอ
“นลิน มันอันตรายนะ แล้วตอนนี้มันก็เริ่มมืดแล้วด้วย นอนที่นี่เถอะ”
“เป็นห่วงบ้าน เธอก็รู้ว่าแถวนั้นโจรขโมยเยอะจะตาย” สองสาวยืนเถียงกันอยู่ตรงบริเวณหน้าบ้านของข้าวปั้นที่อยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ เขตหนึ่งของกรุงเทพฯ
“ยิ่งให้กลับไม่ได้ กลับพรุ่งนี้เถอะนะ”
เสียงของสองสาวที่กำลังถกเถียงกันทำให้ชายหนุ่มข้างบ้านที่กำลังเดินออกมาจากฟิตเนสภายในสวนบ้านของเขาได้ยินเข้าก่อนจะมองส่องตามรอยของรั้วไม้
“มีอะไรกันหรือเปล่า เสียงดังเชียว”
เสียงของตุลาการที่ดังข้ามรั้วมาทำให้ทั้งคู่หันไปมอง คนหนึ่งมองด้วยรอยยิ้มตามแบบของเธอเมื่อเจอกันที่บ้าน แต่อีกคนกำลังอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอเขาวันนี้ ทุกทีที่มาเที่ยวบ้านของข้าวปั้น เธอมักจะแอบมองไปทางบ้านของตุลาการอยู่บ่อยครั้ง จนบางครั้งถูกข้าวปั้นจับได้ และนาน ๆ ทีจะได้เจอกับตุลาการสักครั้งหนึ่ง
“นลินดื้อจะกลับบ้านทั้งที่มันก็มืดแล้วด้วย และแถวบ้านของนลินก็มีโจรเยอะ ข้าวปั้นเป็นห่วง ไม่อยากให้กลับค่ะพี่ตุลา” ข้าวปั้นได้โอกาสรีบเล่าให้ตุลาการฟัง เพราะรู้ดีว่านลินนั้นขัดใจตุลาการไม่ได้สักครั้ง
หากทั้งสองได้รักกันคงจะดีมากเลย ข้าวปั้นคิดแบบนั้น
“ก็นอนพักที่นี่เลยสิ เห็นมานอนอยู่บ่อย ๆ ไม่ใช่หรือ”
นลินตาโตจ้องมองตุลาการ ไม่คิดว่าเขาจะสนใจการมาของเธอด้วย
“ท่านประธานรู้ด้วยหรือคะ” นลินยืนบิดตัวเองไปมาแก้เขินเพราะถูกตุลาการสนใจ แต่หัวใจที่กำลังพองก็แฟบลงเพราะประโยคที่ตุลาการพูด
“ข้าวปั้นเล่าให้ฟัง”
“อ้อ ค่ะ”
“นอนที่นี่เถอะนลิน” ข้าวปั้นหันไปอ้อนวอนตามแบบที่เธอเคยทำ และมันคงเป็นสิ่งเดียวเธอทำแล้วสำเร็จทุกครั้ง จนนลินพยักหน้ารับเบา ๆ อย่างจำยอม
“ก็ได้ นอนก็นอน”
ข้าวปั้นยิ้มดีใจที่วันนี้เธอจะได้มีเพื่อนนอน หลังจากนอนเหงามาตลอดทั้งอาทิตย์
“งั้นเดี๋ยวเย็นนี้พี่พาไปเลี้ยงข้าว อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกัน” ตุลาการเห็นท่าทีของทั้งสองก่อนจะพูดชวน เพราะนาน ๆ ทีเขาจะได้เจอกับเพื่อนของข้าวปั้นที่ช่วยเหลือเธอตอนทำงาน ทั้ง ๆ ที่เพื่อนร่วมงานคนอื่นไม่เคยคิดสนใจ แม้เขาอยากจะช่วยเหลือเธอ แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียการปกครอง
“รับทราบค่ะ เข้าบ้านกัน” ข้าวปั้นพูดเสร็จก็เดินเข้าบ้านทันที ทิ้งให้ทั้งสองยืนสบตากัน ก่อนที่นลินจะเป็นฝ่ายหลบตา
“ขอบคุณค่ะ ท่านประธาน” นลินพูดเสร็จก็เตรียมก้าวเดิน แต่เสียงของตุลาการห้ามไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องเรียกท่านประธานก็ได้ จะเรียกตามข้าวปั้นผมก็ไม่ว่า”
ตุลาการและนลินยืนคุยกันอีกไม่กี่คำก่อนจะขอตัวไป นลินเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เข้ามาด้านในบ้าน แล้วก็มาสะดุดกับสายตาล้อเลียนของข้าวปั้นที่ยืนมองตรงบันไดบ้าน
“ยิ้มอะไร ยังไม่ไปอาบน้ำอีก ไม่งั้นฉันอาบก่อนนะ” นลินเดินเข้าไปใกล้เตรียมจะวิ่งแข่งกันแย่งห้องน้ำ ทำราวกับเด็กแย่งกันอาบน้ำก็ไม่ปาน เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานดังขึ้นก่อนจะเงียบลงเพราะนลินเป็นฝ่ายอาบน้ำก่อน
ข้าวปั้นเดินกลับมานั่งลงบนเตียงนอนขนาดห้าฟุตลายคิตตี้สีชมพูของตัวเองพร้อมกับหยิบนิตยสารที่นลินเอามาเปิดอ่านฆ่าเวลาระหว่างรอ และก็ต้องสะดุดสายตาเข้ากับบทสัมภาษณ์ของมหาเศรษฐีหนุ่มคนนั้นอีกครั้ง
“ข่าวลือที่ว่าคุณวิลเลียมสนุกกับการกลั่นแกล้งผู้หญิงที่รักจริงหรือแปล่าคะ?”
“เรื่องนั้นผมก็อยากรู้เหมือนกัน”
“คนอะไร ชอบให้คนรักร้องไห้หรือยังไงกัน”
ข้าวปั้นพึมพำกับรูปภาพของวิลเลียมแล้วล้มตัวลงนอน ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับผู้ชายที่คงไม่มีวันรู้ว่าเธอยังมีตัวตนอยู่บนโลกนี้ แล้วถอนหายใจออกมาแรง ๆ เป็นเวลาเดียวกับนลินเดินออกจากห้องน้ำท่าทางอารมณ์ดีผิดจากเมื่อสักครู่ ก่อนที่ข้าวปั้นจะเดินเข้าไปอาบน้ำบ้าง
เวลาไม่ขาดไม่เกินชั่วโมง รถสปอร์ตคันหรูสีดำรุ่นใหม่ล่าสุดคันละหลายสิบล้านก็แล่นเข้ามาจอดตรงด้านหน้าสองสาวที่เดินออกจากบ้านมาพอดี ตุลาการอยู่ในชุดไปรเวทเสื้อยืดคอกลมสีเทาเข้มกับยีนส์ ยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น คนที่คิดว่าอีกฝ่ายเปรียบเสมือนพี่ชายเมื่อเห็นก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร ผิดกับอีกคนที่ยืนตะลึงงันอยู่กับที่เพราะเพิ่งเคยเห็นตุลาการแต่งชุดธรรมดานอกจากชุดสูทหรู
ข้าวปั้นรีบเดินไปเปิดประตูรถด้านหลังขึ้นไปนั่ง ก่อนจะปิดประตู ทิ้งให้นลินยืนมองประตูด้านข้างคนขับกับด้านหลังสลับไปมาอย่างไม่รู้จะขึ้นไปนั่งตรงไหนดี ข้าวปั้นจึงโผล่หน้าผ่านเบาะข้างคนขับเรียกให้นลินขึ้นรถ ประเดี๋ยวจะเสียเวลาไปมากกว่านี้
“นลินเข้ามานั่งได้แล้ว ไม่หิวข้าวหรือ” ข้าวปั้นพยักหน้าให้เธอนั่งตรงด้านข้างคนขับคล้ายสั่งกลาย ๆ
“ก็...ได้”
