บทที่ 5 5
“เปล่า สงสัยกินเยอะเกินทำให้นอนไม่หลับไง”
“หรือยะ มีแต่กินมากนอนหลับสนิท ฉันว่าแกต้องคิดถึงคุณวิลเลียมแน่ ๆ” นลินเดาทางข้าวปั้นออก เพราะตอนที่เธอแอบชอบตุลาการ อาการของเธอก็เป็นแบบข้าวปั้นในตอนนี้
“นลิน ฉันต้องบ้าแน่ ๆ เลย เอาแต่คิดถึงตานั่นไม่ยอมหยุดเพราะเธอเอารูปมาให้ฉันดู” ในที่สุดข้าวปั้นก็ยอมรับออกมาแล้วโยนความผิดให้นลินที่เอารูปผู้ชายคนนั้นให้เธอดู ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นแบบนี้
“บ้าไปกันใหญ่แล้ว ฉันง่วงนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์”
นลินล้มตัวลงนอนแล้วเอื้อมมือไปกดปิดโคมไฟหัวเตียง ทิ้งให้อีกหนึ่งสาวนั่งอยู่ในความมืด ก่อนจะปลงตกคิดได้ว่าตัวเองเพ้อพกไปคนเดียว ต้องข่มตาหลับ จนในที่สุดก็หลับสนิทตามนลินไป
แต่เธอคงไม่รู้ว่าตัวเองนั้นได้ตามไปหลอกหลอนใครบางคนอยู่ในฝัน
เสียงร้องเรียกชื่อหวานหยดสดใสกระซิบแผ่วดังขึ้นมาข้างหู พร้อมกับสัมผัสคล้ายปีกนกบนแผงอกกว้าง เรียกเสียงร้องอืออาจากลำคอหนา ขนอ่อนสีเทาลุกเกรียวไปทั่วร่างเมื่อได้ยินคำกระซิบ ใบหน้านวลลอยเด่นชัดขึ้นทุกขณะ ลมหายใจแรงขึ้น ร่างกายบอบบางในชุดนอนสายเดี่ยวสีชมพูอ่อนเดินกรีดกรายย่างก้าวเข้าหาชายหนุ่มที่นอนหายใจหอบสะท้านบนเตียง ก่อนเจ้าหล่อนจะก้าวเท้าขึ้นคร่อมร่างใหญ่ ส่งทั้งสายตาและนิ้วมือเล็กเข้าสัมผัสร่างกายแน่น ใบหน้าสวยก้มลงใกล้จนจมูกแทบสัมผัสกับหน้าหล่อเหลา ก่อนจะเลื่อนลงต่ำไปยังแผงอกกว้าง หน้าท้องแข็งที่มีลอนกล้ามสวย ชายหนุ่มก้มลงมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างลุ้น ๆ หัวใจเต้นถี่รัว แต่พลันสวรรค์ก็ล่มเมื่ออยู่ ๆ เสียงมือถือก็กรีดร้องแทรกเข้ามาจนร่างใหญ่ตกใจสะดุ้งตื่น
“ฝันหรือเนี่ย ให้ตาย!” วิลเลียมยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองพลางหันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบเที่ยงคืน แล้วเอื้อมมือไปหยิบมือถือบางเฉียบเครื่องหรูมากรอกเสียงห้วนลงไปอย่างไม่สบอารมณ์ โดยไม่รู้สาเหตุว่ามันเป็น
เพราะอะไร
“มีอะไร ตอนนี้มันกี่โมง หัดดูนาฬิกาด้วย”
(“อะไรกัน ที่นี่ยังไม่ดึกเท่าไรเลย พี่ชาย”)
ลิซานเดอร์ ดอว์สัน บุตรคนที่สองของตระกูลดอว์สัน กำลังรับช่วงต่อกิจการนำเข้าทุกอย่าง ซึ่งบริษัทของเขาเป็นบริษัทเดียวที่ได้สิทธิ์
“หุบปากแล้วพูดมา ไม่อย่างนั้นฉันจะนอน”
ลิซานเดอร์หัวเราะเบา ๆ ตามสายก่อนจะพูดธุระสำคัญที่ต้องใช้ความกล้าโทร.ข้ามประเทศมาหาคนเจ้าอารมณ์อย่างวิลเลียม และดูท่าตอนนี้หากเขาไม่พูด มีหวังโดนยำเละแน่นอน
(“ช่วยเข้าไปเจรจากับบริษัทคู่ค้าให้หน่อย จะแบ่งกำไรให้สี่สิบเปอร์เซ็นต์”)
“ไม่ใช่ธุระของฉัน นั่นมันธุรกิจของนาย” วิลเลียมตอบเสียงเรียบ เพราะตอนนี้น้องชายของเขากำลังเข้าเรียนรู้งานในบริษัท และแน่นอนว่างานบางอย่างต้องให้คนอื่นช่วย
(“ห้าสิบก็ได้ ขอร้องนะครับคุณวิลเลียม”) ลิซานเดอร์ติดธุระด่วนกะทันหันจึงอยู่เคลียร์งานที่โน่น ทำให้ไม่มีโอกาสเดินทางมาเมืองไทยเพื่อติดต่อกับคู่ค้า มันจึงเป็นโอกาสเหมาะที่เขาจะพึ่งวิลเลียม เพราะไม่เคยมีคำว่าพลาดสำหรับคนผู้นี้
“หกสิบขาดตัว ส่งข้อมูลมาให้ด้วย” วิลเลียมที่มีชั้นเชิงทางธุรกิจมากกว่าต่อรองอีกฝ่าย เขาไม่ได้ต้องการส่วนแบ่ง เพราะไม่ว่าอย่างไรบริษัทของเขาก็ทำกำไรได้มหาศาลอยู่แล้ว แค่อยากจะดัดหลังน้องชายบ้างเท่านั้น
(“ตกลง ข้อมูลส่งให้ทางอีเมลเรียบร้อยแล้ว จะรอฟังข่าวดีนะพี่ชาย”)
ลิซานเดอร์ชิงวางสายก่อนวิลเลียมจะเปลี่ยนใจ ทำให้เขาได้แต่มอง
หน้าจอมือถือถูกตัดสายไป ก่อนจะล้มตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผาก ในสมองก็คิดถึงแต่ภาพของสาวน้อยที่กล้ามาเข้าฝันของเขา เพราะตั้งแต่เกิดจนอายุจะสามสิบห้าเขายังไม่เคยเก็บเอาผู้หญิงคนไหนมาฝันได้อย่างเธอ แค่เพียงเจอกันโดยบังเอิญ
“อย่าให้เจอตัวแล้วกัน! พ่อจะเอาให้น่วมเลย”
วิลเลียมพึมพำเสียงเข้ม ขัดใจที่ถูกกระตุ้นความต้องการบางอย่างให้ลุกโชนแม้ในความฝัน และสังหรณ์ใจว่าจะต้องได้เจอกับเธออีกครั้งในไม่ช้านี้
งานนี้วิลเลียมจะต้องทำตามความต้องการของตัวเองให้สำเร็จ ไม่ว่าจะต้องใช้เล่ห์กลอะไรก็ตาม
เช้าวันทำงานยังคงดำเนินต่อไปตามหน่วยวัดของเวลา แต่วันนี้กลับกำลังมีสิ่งพิเศษมาเยือนแผนกของข้าวปั้น เมื่อแขกกิตติมศักดิ์ของบริษัทเดินทางเข้ามาเจรจาธุรกิจถึงบริษัท และต้องการดูข้อมูลบางอย่างก่อนการทำสัญญา
ตุลาการกดสั่งเลขาฯ ให้เข้าไปเอางานที่ข้าวปั้นรับผิดชอบมาให้วิลเลียม ทว่าชายหนุ่มกลับอยากเดินไปดูเองมากกว่า เพราะเริ่มเกิดความเบื่อหน่ายจนต้องหาอะไรสนุกทำ
“ข้าวปั้น เอกสารที่ให้เตรียมเรียบร้อยหรือยัง” คำถามดังขึ้นมาตามสายจากโต๊ะทำงานของข้าวปั้นขณะกำลังจะเดินไปห้องผู้จัดการแผนก
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวข้าวปั้นเอาไปให้”
เมื่อตุลาการตอบรับ ข้าวปั้นก็รีบซอยเท้าเดินไปเคาะห้องทำงานของประธานบริษัทแล้วเปิดประตูเข้าไป แต่กลับสะดุดเข้ากับนัยน์ตาคมเข้มแต่เยือกเย็นของชายที่เธอไม่คิดว่าจะได้เจอเขาในวันนี้
“ข้าวปั้นรีบเอามาให้คุณวิลเลียมเร็วเข้า” ตุลาการเห็นข้าวปั้นยืนนิ่งไม่ขยับเข้ามาก็พูดขึ้น
“ค่ะ” ข้าวปั้นเดินเข้าไปใกล้โต๊ะที่ทั้งสองกำลังนั่งหารือกันอยู่ ก่อนจะวางแฟ้มข้อมูลลง แต่วิลเลียมกลับยกมือขึ้นจับแฟ้มอย่างจงใจกุมมือเล็กของอีกฝ่าย กระแสไฟแล่นปราดเข้าสู่ร่างของทั้งสองจนเผลอปล่อยแฟ้มลงพื้น
