บทที่ 8 3.1

พริมาแอบปาดน้ำตาตัวเองเมื่อเห็นสภาพซูบผอมของบิดาที่เคารพรัก วันนี้หมออนุญาตให้คุณธำรงออกจากโรงพยาบาลหลังจากท่านมีอาการปวดหัวรุนแรงและเป็นลมในห้องนอนท่านเอง แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในสมองแต่อยู่ในระยะที่ยังมีทางรักษาให้หายขาด

“เราขายบ้านหลังเล็กดีไหมคะคุณพ่อ” ทั้งคุณธำรงและคุณวาสนาผู้ซึ่งนั่งเตรียมยาให้คนเป็นสามีถึงกับหันมอง พริมาเป็นตาเดียว ก่อนที่คนเป็นแม่จะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเด็ดขาด

“แม่ไม่อนุญาต”

“เราจะเป็นต้องใช้เงินอีกมาก ผิงคิดว่าถ้าขายบ้านหลังนั้นเรายังพอจะมีเงินมาจ่ายดอกเบี้ยธนาคารและรักษาคุณพ่อนะคะ”  อีกไม่นานธนาคารก็จะมายึดบ้านหลังใหญ่ที่เป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษและดูเหมือนว่าข้อตกลงที่ทำกับวรรธน์จะไม่คืบหน้าเพราะชายหนุ่มหายเข้ากลีบเมฆทั้งยังมีข่าวกับสาวๆ เป็นว่าเล่น  พริมาคิดว่าหากไม่ทำอะไรสักอย่างอาจจะเสียบ้านที่บิดารักไป และบ้านหลังเล็กที่เธออาศัยแม้จะไม่ใหญ่โตแต่หลังบ้านเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ทำเลดีขนาดนั้นขายไปคงได้ราคางาม

“มันเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ผิงมี แม่ไม่ยอม”

“พ่อเห็นด้วยกับแม่” คุณธำรงไม่ห่วงตัวเอง อย่างน้อยการที่พริมามีบ้านหลังนั้นอยู่ท่านก็พออุ่นใจว่าหากตายไปลูกสาวจะไม่ลำบาก พริมาได้แต่ยืนนิ่ง เจ็บลึกในหัวใจ ในยามคับขันเช่นนี้ท่านทั้งสองยังห่วงใยเธอมากกว่าตัวเอง

“แต่ว่า-”

“เลิกพูดเรื่องนี้เสียทีพริมา” น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวของคุณวาสนาทำให้หญิงสาวงับปากเสียทันที “ออกไปก่อนเถอะ แม่จะให้พ่อนอนพัก”

พริมาปาดน้ำตาแล้วเดินก้มตัวออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกเป็นทุกข์ไม่ต่างกันกับบิดามารดา คุณธำรงกุมมือภรรยาเบาๆ รับรู้และเข้าใจความรู้สึกของกันและกันดี

บ้านหลังนั้นเป็นสิ่งที่คุณวาสนาสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงอรดี หญิงคนสนิทที่ตนรักเหมือนน้องสาวและยังเป็นมารดาของพริมา ในอดีตคุณธำรงต้องการลูกชายไว้สืบสกุล ตนในฐานะเมียใหญ่ไม่สามารถมีลูกอีกคนให้ได้และเห็นว่าอรดีเป็นคนดีไว้ใจได้จึงยกให้สามี แต่โชคชะตากลับเล่นตลกเมื่อลูกที่เกิดจากหญิงสาวไม่ใช่ลูกชายและเจ้าหล่อนยังมาตายในวันคลอดลูก ทำให้คุณวาสนาเศร้าเสียใจและรู้สึกผิดคิดว่าที่อรดีต้องตายก็เพราะตนเป็นคนต้นคิดเรื่องทั้งหมดจึงเลี้ยงดูและทะนุถนอมพริมาเป็นอย่างดีชดเชยความรู้สึกผิดที่มีอยู่เต็มหัวใจ

เสียงหัวเราะสนุกสนานของวรรธน์เป็นต้องสะดุดเมื่อได้ยินชื่อของแขกที่มาในวันนี้ มือใหญ่ผลักร่างบอบบางของนางแบบสาวที่นั่งคร่อมในลักษณะหันหน้าเข้าหากันและเจ้าหล่อนกำลังก้มลงมาจูบเล้าโลมซอกคอร้อนระอุเพื่อจะหันไปถามแม่บ้านวัยชราที่เขาเรียกจนติดปากว่าป้าน้อม

“ใครนะป้าน้อม”

“หนูพริมาลูกสาวคุณธำรงค่ะ” ป้าน้อมก้มหน้าตอบไม่กล้ามองภาพตรงหน้าไม่ชินเสียทีที่มีเจ้านายโจ๋งครึ่ม ขนาดห้องรับแขกก็ไม่เว้น วรรธน์แทบไม่อยากเชื่อว่าพริมาจะมาพบตนที่บ้าน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้า

“เธอกลับไปก่อนไป” นางแบบสาวนิ่วหน้าทันที

“ต่อก่อนไม่ได้หรือคะ”

“ไม่”

“คุณวรรธน์ขา ต่ออีกหน่อยนะคะ รับรองว่า โอ๊ย!!!” หญิงสาวร้องลั่นเมื่อตั้งใจจะเล้าโลมต่อแต่ถูกชายหนุ่มจับข้อมือแล้วบิดออก สายตาของวรรธน์ทำให้ร่างบางสะท้าน

“กลับ ไป ซะ” วรรธน์ไม่ชอบผู้หญิงที่เข้าใจอะไรยาก และการที่เขาบอกว่าไม่...นั่นหมายถึงเขาจะไม่ใช้บริการหล่อนอีกแล้ว ร่างเพรียวลุกออกจากท่อนขาแกร่ง คว้ากระเป๋าสะพายแล้วกระฟัดกระเฟียดเดินออกไป วรรธน์เรียกไว้เพราะลืมบางอย่าง

“เอากลับไปด้วย”

“อะไร”

ชายหนุ่มใช้สองนิ้วคีบถุงยางอนามัยที่ตกอยู่ข้างกาย ฝ่ายนางแบบสาวเดินกลับมาเอาของที่เตรียมมาเพื่อใช้ในวันนี้ไปอย่างเสียไม่ได้

พริมายืนรอที่หน้าบ้านเพราะไม่กล้าเข้าไป ในใจเต็มไปด้วยความสับสน ตนคิดถูกหรือเปล่าที่ทำแบบนี้ วรรธน์จะยอมฟังหรือเปล่า หญิงสาวถอนหายใจแต่สายตาสะดุดกับเจ้าบีเกิลตัวจ้อยที่เดินกระดิกหางมาหาความน่ารักของมันทำให้พริมาลืมความทุกข์ไปชั่วครู่

“ไง...” มือบางลูบหัวเจ้าตัวเล็กใช้สีข้างถูกับหน้าแข้งหญิงสาวอย่างออดอ้อน แววตาขี้อ้อนของหมาน้อยเรียกรอยยิ้มอ่อนโยนของพริมา ดูเหมือนมันว่าจะถูกชะตาเธอเอามากๆ

สักพักป้าแม่บ้านก็เดินออกมาบอกว่าวรรธน์ให้เข้าพบ ระหว่างทางหญิงสาวเดินสวนกับสาวสวยที่เธอจำได้ว่ากำลังโด่งดังมีเอเยนซี่จากต่างประเทศมาทาบทามให้เซ็นสัญญาเป็นนางแบบในสังกัดหลายที่ด้วยกัน แต่ไม่เข้าใจท่าทางไม่เป็นมิตรและแววตาโกรธเคืองที่มองมาเลย และเพราะเหลียวมองฝ่ายนั้นเลยไม่ทันได้ดูทาง ร่างบางชนเข้ากับอกของวรรธน์จนเซแต่โชคดีที่วงแขนแกร่งตวัดรวบเอวคอดเอาไว้ทัน

“คิดถึงฉันจนทนไม่ไหวหรือ?”

พริมาตกใจจนตัวสั่นไม่คิดมาก่อนว่าจะถูกคุกคามขนาดนี้จึงพยายามบิดตัวออกจากอ้อมกอดขณะที่ชายหนุ่มกำลังโน้มใบหน้าลงมารุกรานพวงแก้มขาว

“อย่าค่ะ”

“โธ่โว้ย!”

สิ้นเสียงร่างเล็กก็ถูกผลักออกอย่างแรงจนล้มแปะลงกับพื้น รู้สึกเจ็บข้อมือข้างที่ใช้ดันกับพื้นไม่ให้ล้มลงไปทั้งตัวจนต้องยกขึ้นมาถูยิกๆ

วรรธน์นิ่วหน้ามองร่างเล็กอย่างไม่พอใจเมื่อกี้ชื่อของพริมาปลุกความพลุ่งพล่านในตัวเขาแต่พอเจ้าหล่อนร้องห้ามเขาก็อยากจะหักคอเธอให้ตายเสียเดี่ยวนี้

“ถ้าไม่ได้มาให้เอา แล้วต้องการอะไร”

หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ น้ำตาแห่งความเสียใจหลั่งไหลเป็นทาง เธอรู้ว่าวรรธน์เกลียดเธอแต่อยากให้มีสักครั้งที่เจอกันแล้วเขาจะไม่ทำร้ายให้เธอต้องบาดเจ็บแบบนี้ และที่มาถึงนี่ก็แค่ต้องการแน่ใจว่าข้อสัญญาที่เขาพูดเอาไว้มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ

“ก็ตอบมาสิโว้ยว่ามาทำไม!!!” วรรธน์ปราดเข้าไปจับไหล่บางทั้งสองข้างแล้วกระชากขึ้นมาอย่างแรง เขาแสนจะชิงชังมารยาสาไถยและความสำออยของผู้หญิงบ้านนี้ นั่นทำให้พริมากลัวมากจนหาเสียงของตัวเองไม่เจอ

“ผะ...ผิง”

“เธอคิดจะมายั่วโมโหฉันหรือพริมา”

แรงมหาศาลของวรรธน์ทำให้เธอเจ็บจนร้าวรานไปทั้งตัวได้แต่เบือนหน้าหนีสุ่มเสียงโหดห้าวที่พ่นออกมา

“ผิงมาหาคุณวรรธน์เพื่อจะคุยเรื่องที่คุณตกลงกับคุณพ่อเอาไว้” วรรธน์ชะงักไป หัวตาหรี่ลงมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของพริมาแล้วหัวเราะหยันเบาๆ

“มาทวงเงินค่าที่เสียซิงนี่เอง” เห็นหงิมๆ แบบนี้ไม่คิดเลยว่าจะกล้ามาหาผู้ชายถึงที่บ้าน วรรธน์เหยียดหยามคนตรงหน้าด้วยทั้งแววตาและความคิด

“มะ ไม่ใช่นะคะ”

“ตอแหล!”

หัวใจของพริมากระตุกวูบหนึ่งซึ่งเกิดจากความไม่คาดฝันว่าจะได้ยินเขาพูดคำนี้ แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยต่อก็ถูกฉุดกระชากเข้าไปไปเหวี่ยงลงกับโซฟาตัวใหญ่กลางห้องรับแขก ยังไม่ทันจะลุกก็ถูกร่างโคร่งกระโดดลงมาทาบทับเสียแล้ว

“คุณวรรธน์ ผิงมาเพื่อเจรจานะคะ”

“เจรจา? อยากหัวเราะ”

“ถ้าผิงไม่ใช่คนที่คุณต้องการก็อย่าทำกับผิงแบบนี้”

หนุ่มหล่อเลิกคิ้ว “มาเสนอตัวให้ถึงนี่ยังจะพูดแบบนี้หรือ โคตรมารยาเลยว่ะ”

พริมาพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่ไม่เป็นผล เธอเจ็บเหลือเกินที่วันหนึ่งได้มารู้ว่าคนที่ครอบครองทั้งทุกห้องใจกลายเป็นผู้ชายร้ายกาจทั้งวาจาและการกระทำ

“ผิงหมายความว่าถ้าผิงพอจะทดแทนพี่แพมได้ ผิงอยากจะขอร้องให้คุณช่วยครอบครัวผิงด้วยนะคะ ตอนนี้คุณพ่อกำลังป่ว...อื้อ” วรรธน์ไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้พูดจนจบเพราะความต้องการของเขามันกำลังคุกรุ่น ริมฝีปากบอบบางถูกครอบครองอย่างเร่าร้อนลมหายใจของพริมาราวจะถูกสูบออกไปจนหมดต่อเมื่อเขาคลายจูบถึงได้หอบหายใจยกใหญ่

“ฉันจะไม่คุยอะไรทั้งนั้นจนกว่าฉันจะอารมณ์ดี” พริมาพยายามดันแผ่นอกหนาของคนที่กำลังจะก้มลงมาจูบอีกครั้ง วรรธน์รั้งมือน้อยเอาไว้อย่างแรง “ยังไม่เข้าใจอีกหรือ”

“ผิงจะกลับบ้าน” การมาหาวรรธน์ที่นี่ไม่ใช่ความคิดที่เข้าท่า ตอนนั้นความบ้ามาจากไหนพริมาเองก็ไม่รู้

“ความอยู่รอดของครอบครัวเธอขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของฉัน” มือใหญ่สอดประสานกับฝ่ามือเล็กทั้งสองข้างแล้วกดลงแนบศีรษะของหญิงสาว พริมาเบือนหน้าหลบสายตาน้ำตาไหลเป็นทาง วรรธน์ไม่ต้องการเธอ ข้อนี้หญิงสาวจำได้ขึ้นใจแล้วเขาจะพอใจได้อย่างไร

“คุณวรรธน์ไม่ได้ต้องการผิง”

“ตอนนี้ฉันพูดหรือ” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาข้างพวงแก้มเปื้อนน้ำตา หัวใจของพริมาคล้ายกำลังพองโต ใบหน้าชื้นเหงื่อหันกลับมาสบตาวรรธน์ช้าๆ

“ผิงเป็นตัวแทนพี่แพมได้ใช่ไหมคะ” พูดออกไปหัวใจก็เจ็บ...แม้จะมีค่าเป็นแค่เงาในสายตาของวรรธน์พริมายอมได้ขอเพียงแค่ชายหนุ่มรักษาข้อตกลงและจะไม่โหดร้ายกับเธอเหมือนที่ผ่านมา

“ได้ไม่ได้เดี๋ยวก็รู้” แววเจ้าเล่ห์ฉายชัดในดวงตาคมปลาบแต่พริมาไม่ทันได้เห็นเพราะความโล่งใจและความหวังที่ก่อตัวในหัวใจดวงน้อยบดบังไปเสียหมด

ริมฝีปากบอบบางได้รับจูบนุ่มนวลซาบซ่านใจจากคนตัวใหญ่ในช่องท้องคล้ายกับมีดวงไฟนับล้านวิ่งพล่าน ริมฝีปากล่างของพริมาถูกวรรธน์กัดเบาๆ ส่งความรู้สึกวาบหวามแล่นสู่ใจกลางความเป็นอิสตรี นิ้วมือสวยดั่งลำเทียนงอเกร็งปลายเล็บจิกลงไปบนหลังมือของชายหนุ่ม ขณะที่ใบหน้าแดงจัดด้วยความละอายใจ

“คุณจะช่วยครอบครัวผิ...” เขามอบจุมพิตเร่าร้อนรุนแรงจนริมฝีปากสวยแสบร้อนราวกับจะบอกว่าไม่ต้องการได้ยินเสียงของเธอ พริมาเจ็บจนน้ำตาไหลไม่เข้าใจว่าวรรธน์เป็นคนอย่างไร เมื่อกี้เขานุ่นนวลแต่เพียงเดี๋ยวเดียวก็โหดร้ายกับเธออีกแล้ว

“หน้าที่เธอคือครางชื่อฉันเท่านั้น” ดวงตาดุกร้าวจ้องลึกเข้าไปในดวงตาไหวระริก พริมาได้แต่กล้ำกลืนความน้อยใจเอาไว้ในอกขณะที่นอนนิ่งปล่อยให้คนเอาแต่ใจจูบเอาๆ วรรธน์ตะโบมจูบพวงแก้มแดงระเรื่อแล้ววกกลับมาครอบครองเรียวปากบวมเจ่อ กัดริมฝีปากเธอแรงขึ้นคราวนี้พริมาแทบลืมหายใจ มือใหญ่ปล่อยมือบางให้เป็นอิสระแล้วเลื่อนลงมาสอดไซ้ในเรือนผมหอมนุ่มสลวย ออกแรงรั้งให้ศีรษะเล็กอยู่นิ่ง เล่นงานสาวสวยด้วยจุมพิตเร่าร้อนไม่ผ่อนปรนจนคนตัวเล็กพยายามผละออกเพื่อหายใจ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป