บทที่ 8 เปลี่ยนเสื้อผ้า

นาโอมิเดินฉุนเฉียวออกจากห้องทำงานของโจนาธาน เธอโกรธจนแทบระเบิดแต่เก็บงำไว้เงียบๆ

โดยนิสัยแล้วเธอไม่ใช่คนหัวอ่อนยอมใคร แต่เธอรู้ดีว่าไม่ควรระเบิดอารมณ์ใส่คนระดับโจนาธาน

แต่การที่เขากล่าวหาว่าเธอ "โลภ" ก็ทำให้ความอดทนของเธอขาดสะบั้น

โลภงั้นเหรอ? เธอแทบจะหัวเราะให้กับความไร้สาระนี่ เขาบังคับให้เธอแต่งงานกับเขา แล้วตอนนี้ยังมีหน้ามาว่าเธอโลภอีกเหรอ?

ขณะที่เธอเดินจ้ำอ้าวไปตามโถงทางเดิน เสียงพูดคุยเป็นช่วงๆ เกี่ยวกับสัญญาพรีเซนเตอร์ตัวใหม่ของออโรร่าก็ลอยเข้าหู

"จริงเหรอที่ว่าเธอได้เป็นโกลบอลแอมบาสเดอร์คนใหม่ของแบรนด์หรูนั่น?"

"ใครเป็นคนดีลงานนี้มาได้? นาโอมิเหรอ?"

"ไม่มีทาง ต้องเป็นคุณคาเวนดิชแน่ๆ ใครกันจะมีอิทธิพลขนาดนั้น?"

"สองคนนั้นต้องมีความสัมพันธ์พิเศษกันแน่ๆ..."

เสียงซุบซิบเงียบลงทันทีเมื่อออโรร่าเดินเลี้ยวตรงหัวมุมมาพอดี รอยยิ้มของเธอเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจในตัวเอง หล่อนมองสำรวจนาโอมิตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาจับผิด

"ชุดนั่นมันห่วยแตกชะมัด" หล่อนประกาศ "ไปเปลี่ยนซะก่อนคืนนี้ เธอต้องไปงานเน็ตเวิร์กกิงกับฉัน"

การที่ผู้จัดการต้องไปร่วมงานอีเวนต์ในวงการกับศิลปินเป็นเรื่องปกติ บางครั้งก็เพื่อพูดคุยธุรกิจอย่างจริงจัง แต่บางครั้งก็เพื่อไปเอาอกเอาใจโปรดิวเซอร์เพื่อโอกาสในการได้รับบทใหม่ๆ

แต่งานพวกนี้เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีการดื่ม และนาโอมิรู้ดีว่าเมื่อยังไม่ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับออโรร่า เธอก็จะต้องกลายเป็นเป้าหมายให้คนอื่นมอมเหล้าอย่างแน่นอน

อีกอย่าง คืนนี้เธอต้องพาโจนาธานไปแนะนำให้พ่อแม่ของเธอรู้จัก

"ขอโทษค่ะ คืนนี้ฉันมีนัดแล้ว" นาโอมิพูดอย่างหนักแน่น

สีหน้าของออโรร่ามืดครึ้มลงทันที "ว่าไงนะ? เวลาที่ฉันชวนเธอไปไหนด้วยน่ะ มันเป็นเกียรติ ไม่ใช่คำขอร้อง อะไรจะสำคัญไปกว่าเรื่องงานของบริษัทได้อีก?"

ทั้งโถงทางเดินเงียบกริบ เพื่อนร่วมงานและศิลปินคนอื่นๆ เริ่มเข้ามามุงดูการเผชิญหน้า

นาโอมิรู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาที่เธออย่างกระหายดราม่า คนส่วนใหญ่ต่างก็เคยอยากได้ตำแหน่งผู้จัดการของออโรร่า และเห็นได้ชัดว่าพวกเขายินดีที่ได้เห็นนาโอมิพลาดท่าตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงาน

นาโอมิกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง ก่อนจะยืดไหล่ให้ตรง "ใช่ค่ะ ฉันมีนัดที่เลื่อนไม่ได้จริงๆ เราเลื่อนงานเน็ตเวิร์กกิงไปเป็นวันพรุ่งนี้แทนได้นะคะ เดี๋ยวฉันจะติดต่อฝ่ายอื่นๆ ให้เอง"

"เธอเสียสติไปแล้วรึไง" ดวงตาของออโรร่าเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ "ถ้าเธอไม่ฟังฉัน เดี๋ยวก็มีคนอื่นมาจัดการเธอเอง คอยดูแล้วกัน"

เมื่อทิ้งคำขู่นั้นไว้กลางอากาศ ออโรร่าก็เดินตรงไปยังห้องทำงานของโจนาธานทันที เสียงส้นสูงของหล่อนกระทบพื้นดังตอกย้ำคำพูดของตัวเอง

เหล่าไทยมุงหันมามองนาโอมิด้วยสายตาที่หลากหลาย ตั้งแต่สงสารไปจนถึงสมน้ำหน้า

"ทำไมถึงไปขัดใจเธอแบบนั้นล่ะ"

"คุณคาเวนดิชต้องเข้าข้างเธออยู่แล้ว ใครๆ ก็รู้ว่าพวกเขาสนิทกัน...เป็นพิเศษ"

"จะมีอะไรสำคัญไปกว่าการทำให้ออโรร่าพอใจอีกล่ะ"

นาโอมิส่งยิ้มฝืดๆ ให้พวกเขาโดยไม่คิดจะอธิบายอะไร ถ้าคืนนี้เธอไม่พา "สามี" คนใหม่กลับบ้าน แม่ของเธอต้องบุกมาถึงออฟฟิศและอาละวาดจนอาชีพการงานของเธอพังพินาศแน่ สองปีที่เธอพยายามสร้างคอนเน็กชันในวงการมาอย่างดีจะหายวับไปกับตา เธอจะยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้

เธอชำเลืองมองไปทางห้องทำงานของโจนาธาน ก่อนจะหันหลังกลับเพื่อจะเดินจากไป ฝูงชนที่มุงดูอยู่ต่างพากันคิดว่าอาชีพของเธอจบสิ้นลงแล้วอย่างแน่นอน

ทันใดนั้น ออโรร่าก็เดินออกมาจากห้องทำงานของโจนาธาน ใบหน้าของหล่อนแดงก่ำด้วยความโกรธ

ขณะที่เดินผ่านนาโอมิ หล่อนตวัดสายตาอาฆาตมาให้ "ทำงานวันแรกแท้ๆ แต่คุณคาเวนดิชบอกว่าเธอไม่ต้องไปร่วมงานอีเวนต์ไหนทั้งนั้น ก็ดี... อย่าได้คิดจะเหยียบไปที่นั่นอีกเลยล่ะ เด็ดขาด!"

พอออโรร่าเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงพ่วงไลราออกไป นาโอมิก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้จะไม่ได้รู้สึกขอบคุณโจนาธานเลยสักนิด

การที่เขาเข้ามาแทรกแซงไม่ได้เกี่ยวกับเธอเลย เขาแค่ต้องการให้เธอว่างพอที่จะไปปลอบใจคุณปู่ของเขาเท่านั้น

เมื่อเลิกงาน นาโอมิก็เดินลงไปชั้นล่าง โดยคาดว่าจะเจอโจนาธานเพื่อขับรถไปบ้านพ่อแม่ของเธอด้วยกัน พวกท่านอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่อยู่ติดกัน ซึ่งต้องขับรถไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมง

แต่ทันทีที่เธอไปถึงทางเข้า เธอก็เห็นออโรร่าก้าวขึ้นไปบนรถมายบัคของโจนาธาน ซึ่งแล่นออกไปทันที

นาโอมิมองตามรถหรูคันนั้นไปอย่างตกตะลึง ถ้าโจนาธานไปส่งออโรร่าที่งานเลี้ยงของหล่อน แล้วใครจะไปส่งเธอกลับบ้านล่ะ

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหาเขา แต่แล้วก็ล้มเลิกความคิด

คนอย่างโจนาธาน คาเวนดิช จะมาฟังคนอย่างเธอทำไมกัน

ขณะที่เธอยืนครุ่นคิดว่าจะอธิบายเรื่องการหักหลังครั้งนี้กับครอบครัวอย่างไรดี เสียงแตรที่ดังแสบแก้วหูก็ดังแทรกความคิดของเธอขึ้นมา

ฝั่งตรงข้ามถนนมีรถโฟล์กสวาเกนเก่าคร่ำคร่าคันหนึ่งจอดอยู่ กระจกติดฟิล์มกรองแสง กระจกรถเลื่อนลงต่ำพอให้เธอเห็นใบหน้าที่บึ้งตึงของโจนาธาน

"ขึ้นมา" เขาออกคำสั่ง

เธอเดินเข้าไปใกล้รถ เคาะกระจกที่สั่นไหวตามแรงสัมผัสของเธอ "ทำไมคุณถึงขับ...เอ่อ...รถคันนี้ล่ะคะ"

ริมฝีปากของโจนาธานเม้มเป็นเส้นตรง "ฉันบอกเธอแล้วไงว่าการแต่งงานของเราต้องเป็นเรื่องส่วนตัว เธอคาดหวังให้ฉันประกาศตัวตนที่แท้จริงกับครอบครัวของเธอหรือไง"

เขาเหลือบมองพวงมาลัยด้วยความรังเกียจ

เมื่อนึกถึงรถมายบัคที่หรูหราจนเป็นที่สังเกตของเขา นาโอมิก็ต้องยอมรับว่าเขามีเหตุผล

ถ้าพ่อแม่ของเธอรู้เรื่องความร่ำรวยของโจนาธาน การหย่าร้างจะยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก พวกท่านอาจจะพยายามหาประโยชน์จากความสัมพันธ์นี้ด้วยซ้ำ รถบุโรทั่งคันนี้อย่างน้อยก็ช่วยสร้างภาพลวงตาว่าโจนาธานเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง

พวกเขาขับรถไปท่ามกลางความเงียบที่น่าอึดอัด ซึ่งถูกขัดจังหวะเป็นครั้งคราวด้วยเสียงถอนหายใจอย่างหงุดหงิดของโจนาธาน ขณะที่รถกระตุกและส่งเสียงครืดคราด เห็นได้ชัดว่ามันแตกต่างจากรถหรูที่เขาคุ้นเคยราวฟ้ากับเหว

หลายครั้งที่นาโอมิอยากจะชี้ให้เห็นว่าท่าทีสูงศักดิ์ของเขาทำให้การปลอมตัวเป็น 'คนจน' ของเขาดูไม่สมจริงเลย แต่เธอก็ห้ามปากตัวเองไว้

เมื่อพวกเขาขับรถผ่านย่านร้านค้า นาโอมิก็กระแอม "จอดรถก่อนค่ะ ฉันต้องซื้อของบางอย่าง"

โจนาธานจอดรถแต่ไม่ได้ขยับตัวจะลงจากรถ

"คุณใส่รองเท้าเบอร์อะไรคะ" เธอถามอย่างลังเล

"ทำไม" น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ

แทนที่จะตอบ นาโอมิกลับลงจากรถแล้วหายเข้าไปในร้านค้าแห่งหนึ่ง ห้านาทีต่อมา เธอกลับมาพร้อมกับถุงชอปปิงพลาสติกใบหนึ่ง

"คุณคาร์เวนดิชคะ คุณต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ" เธอยื่นถุงให้เขา ซึ่งเขามองมันด้วยความขยะแขยงอย่างไม่ปิดบัง

ข้างในมีชุดวอร์มโพลีเอสเตอร์สีดำที่ดูแล้วรู้เลยว่า 'ราคาถูก' และรองเท้ากีฬาของก๊อปคู่หนึ่งที่ยังมีป้ายราคา 99 ดอลลาร์ติดอยู่

ทุกอณูในร่างกายของโจนาธานปฏิเสธมัน เขาผลักถุงออกไป "ไม่มีทางเด็ดขาด"

"คุณคาร์เวนดิชคะ เห็นได้ชัดว่าคุณไม่เคยใช้ชีวิตแบบประหยัดเลยสินะคะ" นาโอมิพูดขณะหยิบของออกจากถุง "คุณขับรถเก่าอายุเป็นสิบปี แต่กลับใส่สูทสั่งตัดกับรองเท้าที่แพงกว่าค่าเช่าห้องของฉันทั้งเดือนเสียอีก พี่ชายฉันมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นคนรวย"

เธอวางเสื้อผ้าพาดไว้บนเบาะหลัง "ฉันกำลังปกป้องคุณอยู่นะคะ ถ้าพ่อแม่ฉันพยายามจะเอาเปรียบคุณล่ะคะ ชุดวอร์มนี้ราคาห้าสิบดอลลาร์ ส่วนรองเท้านี่เก้าสิบเก้า ตอนนี้เงินในบัญชีฉันเหลือแค่สามหลักแล้ว นี่คือดีที่สุดที่ฉันทำได้แล้วค่ะ ได้โปรดให้ความร่วมมือด้วยค่ะ"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป