บทที่ 10 ค่าตัวหนึ่งล้าน
แล้วคฑาจะรออะไร เงินหนึ่งล้านบาทสำหรับเขามันแค่เศษฝุ่น ชายหนุ่มโอนเข้าบัญชีธนาคารให้กับเธอในทันที เพราะนั่นมันหมายถึงการผูกมัดเธอเพื่อที่จะเก็บไว้ใช้งาน
พอได้เงินรรรรรรก็ขอไปทำธุระให้เสร็จก่อน แล้วค่อยจะกลับมาหาเขา ซึ่งคฑาก็ยอม ในที่สุดผู้หญิงทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนที่หยิ่งผยองแบบเธอก็ยังต้องการเงินของเขาอยู่ดี
โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง..
นี่แหละเหตุผลที่เธอต้องใช้เงินถึงหนึ่งล้านบาท เพราะพี่สาวของเธอถูกส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน และค่าใช้จ่ายก็สูงลิบลิ่ว
ที่รรรรรรเลือกโรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะเธอเหลือพี่สาวแค่คนเดียว ถึงแม้ว่าตอนนี้เด็กจะถูกผ่าคลอดออกมา แต่ก็ต้องได้อยู่ห้องอบสำหรับเด็กทารกแรกเกิด เพราะได้รับความกระทบกระเทือนตอนที่แม่ประสบอุบัติเหตุ
"พี่สาวของฉันปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะคุณหมอ" หญิงสาวถามขึ้นเมื่อเห็นคุณหมอออกมาจากห้องผ่าตัด
"ใช่แล้วครับ แต่ต้องรอให้เธอฟื้นตัวให้ได้ก่อน คงใช้เวลาอีกสักระยะ"
"ฝากคุณหมอดูแลพี่สาวและก็หลานของฉันด้วยนะคะ" ตอนนี้ยิ่งกว่ายกภูเขาออกจากอกเมื่อรู้ว่าพี่สาวปลอดภัยแล้ว แต่ด่านต่อไปที่เธอจะเจอมันคงหนักหนาเอาการ เพราะเธอเห็นฤทธิ์เดชของแม่และพี่สาวของเขาแล้ว
วันต่อมาที่บริษัท..
"ลาคลอด?" คฑามองดูเอกสารที่เลขาคนใหม่เพิ่งจะยื่นมาให้ เพราะมันเป็นเอกสารการคลอดบุตรของพี่สาวเธอเอง
"ใช่แล้วค่ะ พี่รินคลอดก่อนกำหนด" หญิงสาวถือโอกาสลาคลอดให้พี่สาวไปในตัว อุบัติเหตุที่เกิดกับพี่สาวไม่ได้เกี่ยวกับงาน ถึงแม้เธอจะบอกเขาไปก็คงได้รับแต่ความสงสารและเห็นใจ เธอเลยไม่บอกดีกว่าเพราะถึงยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว
"ส่วนเรื่องงาน ดิฉันจะเริ่มรับผิดชอบส่วนของพี่รินทั้งหมดค่ะ"
"แล้ว?" เรื่องลาคลอดผ่านไป เรื่องงานเลขาก็ผ่านไป แต่ยังเหลือข้อตกลงระหว่างเธอกับเขา ซึ่งเธอก็รับค่าจ้างไปแล้วด้วย
"เรื่องนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะทำงานให้คุณสุดความสามารถ"
"ดี" งานที่เขาอยากให้เธอทำก็มีแค่กีดกันผู้หญิงทุกคนที่แม่จัดหามาให้ เพราะเขาไม่อยากปวดหัวกับเรื่องพวกนี้ แต่ถ้ามีนอกเหนือจากนั้นเขาก็จะแจ้งเธออีกทีซึ่งเธอก็ตอบตกลง
"คนรวยนี่ก็แปลก" หญิงสาวเอ่ยพูดขึ้นในขณะที่เดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง วันนี้เธอต้องได้จัดการงานทั้งหมดคนเดียวโชคดีที่เรียนมาทางด้านนี้ แต่งานบางอย่างก็ไม่ค่อยเข้าใจ
พอเลิกงานรรรรรรต้องรีบไปที่โรงพยาบาล เธอค้างอยู่ที่นี่เพื่อดูแลพี่สาวที่ยังไม่ได้สติ ส่วนหลานสาวมีพยาบาลดูแลอีกทีเพราะยังไม่ออกจากตู้อบ
"เมื่อไรพี่จะตื่น พี่มาดูหนูรักสิ พี่สงสัยใช่ไหมล่ะว่าใครชื่อรัก ก็ลูกสาวของพี่ไงแกเป็นความรักของเราทั้งสอง" รรรรรรตั้งชื่อให้หลานสาวว่ารักนรินทร์ เพราะชื่อนี้คล้ายกับชื่อของแม่และน้าด้วย
ผ้าชุบน้ำเย็นๆ ถูกลูบไล้ตามเนื้อตัวของรรินธร ..เธอเช็ดตัวและคุยกับพี่เพื่อให้พี่สาวฟื้นตัวได้เร็ว แต่ก็ผ่านมาสามวันแล้วรรินธรยังไม่ได้สติเลย
หมอบอกไม่ต้องเป็นห่วงมากถ้าพี่สาวของเธอพร้อมที่จะตื่นเดี๋ยวก็ตื่นเอง เพราะทั้งชีพจรและความดันเป็นปกติหมดแล้ว
ครืนนน ครืนนนนน
ในค่ำคืนเดียวกันนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รรรรรรที่กำลังจะหลับก็ได้ลุกขึ้นมารับโทรศัพท์สายนั้นก่อน
"นอนหรือยัง"
"ยังค่ะ"
"คืนนี้มีงานเลี้ยงที่โรงแรม เดี๋ยวจะให้คนไปรับ" ที่เขาโทรมาบอกดึกขนาดนี้ เพราะทีแรกคิดว่าจะไม่ไป แต่แม่ก็โทรมาตามอยู่นั่นแหละ
"โรงแรมไหนคะเดี๋ยวฉันไปเองได้"
"แต่เธอต้องได้แต่งตัว"
"ที่ไหนนัดมาได้เลยค่ะ" ถ้าเธอให้คนของเขามารับที่โรงพยาบาลก็ต้องมีคำถามอีกนั่นแหละว่าทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่
พอรู้สถานที่แน่ชัดแล้ว เธอก็ไม่รีรอรีบออกมาจากโรงพยาบาลแล้วเรียกแท็กซี่
ซอยใกล้โรงแรมของกัลยา
หญิงสาวร่างระหงที่อยู่ในชุดราตรีสีสดใสได้ก้าวลงจากรถที่มีคนขับรถเป็นผู้ช่วยคนสนิทของเขา แล้วเดินไปขึ้นรถอีกคันซึ่งรถคันนี้คฑาเป็นคนขับเอง
ความสวยของเธอไม่สามารถที่จะดึงดูดสายตาของเขาได้ ..พอเข้ามาในโรงแรมทั้งสองก็ควงกันเดินเหมือนคู่รักที่รักกันแทบจะกลืนกิน
"ดู..ดูมันทำ" คนที่พูดก็คือกัลยาพี่สาว และก็พูดกับสามีของตัวเอง
"น้องก็บอกแล้วว่านั่นเป็น..."
"หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!" สามียังไม่ทันได้พูดจบประโยคเลยด้วยซ้ำก็ถูกภรรยาตะคอก
สันติก็เลยเดินไปคุยกับแขกของโรงแรมที่มาร่วมงานเพื่อเลี่ยงที่จะมีเรื่อง
วันนี้ที่จัดงานขึ้นอัญชัญอยากจะแนะนำลูกสะใภ้ให้คนในแวดวงสังคมได้รู้จัก แต่ไม่คิดว่าลูกชายจะตลบหลังด้วยการควงผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาด้วยแบบนี้
"คุณ.." ถึงแม้จะเก่งแค่ไหนแต่เจอสายตาทุกคู่ที่เพ่งมา มันก็สร้างความประหม่าให้กับเธอ
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้วเดินตามฉันมา" ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงไปกระซิบพูดใกล้หูของคนตัวเล็กด้วยใบหน้าที่อมยิ้ม แต่เธอก็รู้แหละว่านั่นมันคือการแสดงละครของเขา
"ว่าไงครับคุณแม่"
"ลูกทำอะไร!" อัญชัญคิดว่าลูกชายจะไว้หน้าของนางบ้าง
"ไม่คิดว่าคุณแม่จะจัดงานใหญ่ขนาดนี้"
"ให้มันออกจากงานไปเดี๋ยวนี้เลยนะ" สายตาของนางมองจิกมาที่คู่ควงลูกชาย
"สวัสดีค่ะคุณแม่" หญิงสาวพนมมือไหว้แบบนอบน้อม และส่งยิ้มหวานให้กับแม่สามี
"เอากองไว้ตรงนั้นแหละ แล้วก็ไสหัวไปซะ" นางแค่พูดออกมาเบาๆ ให้แค่ผู้หญิงคนนี้ได้ยิน
"แรงส์" รรรรรรก็อุทานออกมาเบาๆ เช่นกัน
"คฑาพี่ว่ามานั่งตรงนี้ดีกว่า" กัลยาเดินมาแยกทั้งสองออกจากกัน แล้วลากแขนน้องชายให้มานั่งที่เก้าอี้
เธอกำลังจะเดินตามไป แต่ถูกแม่ของเขายืนขวางหน้าไว้ก่อน ส่วนผู้หญิงที่แม่จัดหาให้นางได้กระซิบบอกอะไรสักอย่าง แล้วเธอคนนั้นก็รีบเดินตามเข้าไปนั่งข้างๆ
"ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ"
"เรื่องอะไรคะ"
"ตามมา" ว่าแล้วอัญชัญก็เดินนำหน้าไปที่ประตู เพราะคิดว่าเธอจะตามมา แต่พอหันกลับมาอีกที ตอนนี้รรรรรรกำลังเดินตรงไปโต๊ะที่มีลูกชายของนางนั่งอยู่






































































































