บทที่ 6 บทที่ 3 แรกพบ 50%
บทที่ 3 แรกพบ
“คุณแก้วกัลยาใช่ไหม?” แก้วกัลยาเลิกลั่กเมื่อคนมาใหม่แสดงออกชัดเจนว่ารู้จักเธอ ริมฝีปากบางเม้มแน่นชั่งใจว่าจะตอบดีหรือไม่ หญิงสาวกลัวว่าชายหนุ่มจะเป็นพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดที่ตามมาทวงหนี้เธอเหมือนคราวก่อน
“ค่ะ นี่แก้วกัลยาคนที่คุณอยากพบ ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันขอตัวนะคะ แก้วดูแลเขาดีๆ นะ เพราะเขามีอิทธิพลมากๆ เลยนะ” ท้ายประโยคเจ้านายสาวกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู แก้วกัลยากระอักกระอ่วนใจกับคำข้อร้องกึ่งคำสั่งที่ได้รับ ทำไมพนักระดับล่างอย่างเธอต้องมาดูแลผู้บริหารระดับสูงอย่างเขาด้วย งานแบบนั้นเธอไม่เคยทำและคิดว่าตัวเองไม่น่าจะถนัด
“พักกลางวันแล้วหนิ ถ้างั้นลงไปคุยกันที่ร้านอาหารข้างล่างนะ” คยองซูเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ท่าทางเหมือนหนูกลัวแมวทำให้เขาเริ่มสนุก ชายหนุ่มเดินนำออกมาจากออฟฟิศ แต่ต้องชะงักเมื่อหญิงสาวยังไม่ยอมขยับขาก้าวตามออกมา “ตามมาสิ ไม่ได้ยินที่เจ้านายเธอสั่งเหรอ ดูแลฉันให้ดีๆ น่ะ”
แก้วกัลยาถอนหายใจแล้วเดินคอตกตามหลังคนแปลกหน้าออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ด้านหลังมีผู้ชายหน้าตาดีสวมชุดดำเดินตามมาด้วย เขาพาเธอลงลิฟต์ของผู้บริหารมาที่ชั้น G ซึ่งเป็นส่วนของร้านอาหารที่ผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่ชอบมาทาน ราคาอาหารภายในร้านแต่ละอย่างเท่าเงินเดือนของเธอทั้งเดือน
“สั่งสิ อยากกินอะไรก็สั่ง” เขายื่นเมนูมาให้ แก้วกัลยามองเมนูตรงหน้าด้วยความวิตกชั่งใจอีกครั้งว่าจะรับมาหรือว่าปฏิเสธไปดี
“ไม่หิวเหรอ” เขาถามพร้อมวางเมนูลงตรงหน้า แก้วกัลยาไม่กล้าขยับตัวหรือพูดอะไร หญิงสาวก้มหน้าบีบมือบนตักแน่น เมื่อกดดันกับสายตาของคนในร้านที่ส่วนมากจะเป็นพนักงานระดับสูงของบริษัทอื่นๆ ในตึกเดียวกัน
“ถ้างั้นฉันสั่งให้แล้วกัน สเต็กเนื้อแกะสองที่” ผู้ชายตรงหน้าสั่งอาหารที่เธอคิดว่าราคาคงแพงกว่าเงินเดือนของเธอสองเดือนได้ พนักงานของร้านที่เธอรู้จักคุ้นเคยส่งยิ้มมาให้แต่เธอกลับทำเพียงส่งยิ้มแห้งๆ กลับไปเพราะหลังจากทานอาหารมื้อนี้เสร็จข่าวที่เธอมาทานอาหารร้านหรูกับผู้ชายหล่อแปลกหน้าคนนี้คงดังไปทั่วทั้งตึก ทุกคนคงแห่กันมาสอบถามเรื่องนี้กันนานเป็นอาทิตย์แน่นอน
“เธอจะนั่งเป็นหนูกลัวแมวอีกนานไหม?” คำถามห้วนๆ ของเขาทำให้แก้วกัลยาสะดุ้งแล้วเงยหน้ามองก่อนจะหลุบตาลงมองมือตัวเองอีกครั้ง แววตาเรียบนิ่งทว่าน่าเกรงขามจนไม่น่าเข้าใกล้ รัศมีรอบกายของเขาก็ดูอันตรายและน่ากลัว
“นี่ฉันถามเธอได้ไม่ได้ยินเหรอ?” เสียงของเขาเข้มขึ้นจนแก้วกัลยาต้องกลั้นใจเอ่ยตอบด้วยเสียงตะกุกตะกัก “เอ่อ ได้ยินค่ะ”
“กลัวฉันหรือไง?” เขาถามเสียงราบเรียบและแก้วกัลยาก็ตอบในใจได้ทันที
ไม่กลัวก็บ้าแล้ว!
“หึ” คยองซูมองท่าทางกวางน้อยเนื้อหวานที่กำลังจะถูกราชสีห์ขย้ำด้วยสายตาพอใจ สิ่งที่คาดการณ์ไว้ถูกต้องทุกอย่าง นิสัยของเธอจากข้อมูลที่ได้มาคือเรียบร้อย มองโลกในแง่ดีและยอมคน ท่าทางของแก้วกัลยาตอนนี้จึงไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจอะไรนัก ชายหนุ่มกระตุกยิ้มแล้วเริ่มแผนการที่วางเอาไว้ทันที
“อ่านซะ” ชายหนุ่มวางเอกสารสัญญาหนี้ที่เพิ่งสั่งให้ลูกน้องไปจัดการเสร็จเมื่อวานลงตรงหน้าเธอ
“อะไรเหรอคะ?” แก้วกัลยาเงยหน้าพร้อมขมวดคิ้วสวยหม่น สายตามองซองเอกสารสีน้ำตาลเข้มเขม็งหรือว่าเขาจะเป็นเจ้าหนี้ของพ่ออีกราย
“ก็อ่านดูสิ” แก้วกัลยาหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลขึ้นมาเปิดด้วยความกังวล มือเรียวค่อยๆ ดึงแผ่นกระดาษสีขาวสองแผ่นออกมาช้าๆ ใบหน้าเจื่อนสีเหงื่อผุดซึมเต็มหน้าผากเมื่อเริ่มอ่านข้อความในกระดาษสีขาวในมือ
“นะ นี่ มันอะไรกันคะ?” แก้วกัลยาเงยหน้าถามอีกฝ่ายเสียงเครียด เธออ่านข้อความในกระดาษทุกตัวและอ่านมันถึงสามรอบ ใบหน้าหวานซีดลงเมื่อกระดาษสีขาวสองแผ่นในมือคือสัญญาหนี้ของบิดา
“เธออ่านภาษาไทยไม่ออกเหรอ ภาษาอังกฤษก็มีนะ มีสองฉบับเลยหนิ” เขาตอบเสียงเรียบพร้อมเอนกายพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางเรียบเฉย
แก้วกัลยากำมือแน่นเมื่อสิ่งที่เขาแสดงออกมันสร้างความไม่พอใจให้เธอ หญิงสาวแน่ใจว่าเขารู้ความหมายของคำถามแต่กลับทำเป็นไม่เข้าใจ
“ทำไมคุณมีสัญญาหนี้ของพ่อฉัน แล้วคุณเอามาให้ฉันดูทำไม?” คยองซูขยับตัวขึ้นนั่งตัวตรงวางศอกบนโต๊ะแล้วประสานมือไว้ที่ใต้ค้างก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก กวางตัวน้อยกำลังจะติดกับดักราชสีห์หนุ่มที่สวมบทนายพรานเจ้าเล่ห์แล้ว
“เธออยากฟังข่าวดีหรือข่าวร้ายก่อนล่ะ” น้ำเสียงราบเรียบที่เอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มหยันทำให้แก้วกัลยาต้องกัดริมฝีปากตัวเองแล้วเอ่ยถามเสียงกระด้าง
“คุณต้องการอะไร?”
“หึ งั้นเอาข่าวดีก่อนแล้วกัน…” คยองซูเว้นช่วงในประโยคต่อไปไว้ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบกระดาษสองแผ่นในมือเหยื่อชิ้นหวานขึ้นมาแล้วฉีกมันทิ้ง
แควก!
“ฉันจะจ่ายหนี้พวกนี้ให้เธอ” แก้วกัลยาเบิกตากว้างตกใจกับประโยค ‘ฉันจะจ่ายหนี้พวกนี้ให้เธอ’ เขาพูดราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนรวยทั่วไปชอบทำกัน
“คุณหมายความว่ายังไง?” แก้วกัลยาเอ่ยถามอย่างแคลงใจ ความรู้สึกข้างในบอกเธอว่าเขาไม่ใช่คนใจดีที่จะมาจ่ายหนี้ให้คนที่ตัวเองไม่รู้จักแถมเพิ่งเคยเห็นหน้ากันครั้งแรกแบบนี้ เพราะเธอมั่นใจว่าไม่รู้จักเขาและคิดว่าไม่อยากรู้จักอีกด้วย
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนเข้าใจอะไรยากขนาดนี้นะ” เขาบอกพร้อมผ่อนลมหายใจราวกับเบื่อหน่าย แก้วกัลยาขมวดคิ้วแน่นไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อ
หญิงสาวมีเพียงคำถามเดียวในหัว เขาเป็นใครและต้องการอะไรจากเธอ?
“เธอคงคิดว่าทำไมฉันจะต้องมาจ่ายหนี้พวกนี้ให้เธอด้วยเพราะเราไม่รู้จักกัน ใช่เธอคิดถูก ฉันไม่ได้คิดจะจ่ายหนี้พวกนั้นให้เธอฟรีๆ” คำพูดของคยองซูทำให้แก้วกัลยารู้สึกขนลุก แววตาดุร้ายเหมือนราชสีห์ที่กำลังจะขย้ำเหยื่อทำให้เธอกลัวมากขึ้น สายตายามทองมองเธอเหมือนเขาเห็นเธอเป็นเพียงอาหารไม่ใช่คน!
“ข่าวดีคือฉันจะจ่ายหนี้พวกนี้ให้เธอ แต่…” คยองซูหยุดคำพูดด้วยการกระชับเสื้อสูทตัวนอกแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อีกครั้งแล้วเอ่ยต่อ “ข่าวร้ายคือเธอต้องมาทำงานเป็น ‘ภรรยาว่าจ้าง’ ให้ฉันหนึ่งปี!”
“คุณพูดบ้าอะไรของคุณ!” แก้วกัลยาตะเบ็งเสียงกร้าวเมื่อคำพูดที่ถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับคนพูดไม่ได้รู้สึกรู้สากับคำพูดร้ายกาจของตัวเอง มันทำให้ความอดทนของเธอหมดลง ดวงตาคู่สวยจ้องคนตรงหน้าเขม็ง
“หรือเธอคิดว่าจำนวนเงินมันน้อยไป ฉันไม่ได้ให้เธอแค่นั้นหรอกนะ เงินเดือนๆ ละสองหมื่นบาทและค่าเสียเวลาหลังจากหมดสัญญาอีกสิบล้านบาทแต่ถ้าเธอยังบอกว่ามันน้อยไปอีกก็บอกฉันมาว่าเธอต้องการเท่าไหร่”
พึ่บ ซ่า!
แก้วกัลยาลุกพรวดขึ้นพร้อมยกแก้วน้ำเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะสาดไปยังใบหน้าหล่อเหลาดเรียบนิ่งที่ดูเย้ยหยันด้วยความโกรธ “คุณมันทุเรศ กล้าดียังไงมาดูถูกฉันด้วยการเอาเงินมาฟาดหัวฉันแบบนี้ ถ้าคุณลำบากในการหาผู้หญิงมากนักฉันแนะนำให้ไปหาที่อื่น เพราะที่นี่ไม่มีผู้หญิงอย่างที่คุณต้องการและฉันไม่มีวันรับข้อเสนอบ้าๆ ของคุณเด็ดขาดเพราะฉะนั้นอย่ามายุ่งฉันอีก!”
แก้วกัลยาตะเบ็งเสียงกร้าวด่ากราดออกมาเป็นครั้งแรกในชีวิต หญิงสาวโกรธจนระเบิดอารมณ์ออกมาต่อหน้าคนอื่น
คยองซูหลับตาแน่นกับความอดทนที่หมดลง ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นแล้วเดินไปกระชากท่อนแขนของคนอวดดีอย่างแรงจนร่างเล็กถลาตาม
“ปล่อยนะ ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ!” แก้วกัลยาตะโกนร้องด้วยความตกใจจนพนักงานในร้านที่รู้จักคุ้นเคยกับเธอพยายามจะเข้ามาช่วยแต่ก็ถูกสายตาทรงอำนาจของเขาหยุดทุกการกระทำเอาไว้
“มานี่!” คยองซูออกแรงกระชากร่างผู้หญิงอวดดีที่กล้าสาดน้ำใส่หน้าเขาออกมาจากร้านเพื่อไปที่รถด้วยอารมณ์คุกรุ่น
“ปล่อยฉันนะ กรี๊ด ไอ้เลว ไอ้บ้า ปล่อยนะ!”
ผลัก!
ชายหนุ่มผลักร่างของแก้วกัลยาเข้าไปยังเบาะด้านหลังของรถเต็มแรงก่อนที่ทิ้งตัวตามเข้าไปประชิด
“โอ๊ย!” แก้วกัลยาเบ้หน้าเมื่อข้อมือเล็กถูกกระชากอย่างแรงจนร่างลอยถลาเขปะทะแผงอกแกร่ง อึดอัดกับบรรยากาศรอบข้างและแววตาวาวโรจน์ของยิ่งทำให้หญิงสาวหวาดกลัวขึ้น
“กล้าดียังไงสาดน้ำใส่หน้าฉัน!” คยองซูตวาดลั่นเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือเล็กจนแดงก่ำ แก้วกัลยากัดริมฝีปากกลั้นเจ็บแล้วบังคับมือสั่นเทาอีกข้างแกะมือหนาราวคีบเหล็กของเขาออกต้องแต่ยิ่งเธอดิ้นรนขัดขืนร่างกายยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น
“ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง ห๊ะ!” คยองซูตวาดลั่นอีกครั้งจนร่างเล็กสะดุ้งตาม หัวใจแทบหลุดกระเด็นออกมาเมื่อที่เขาตะโกนใส่หน้า เขาน่ากลัวราวสัตว์ป่าดุร้าย
“ปล่อยฉันนะ คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้!” หญิงสาวใช้มืออีกข้างดันแผงอกของเขาให้ออกห่างจากตัว หัวใจดวงน้อยเต้นตุบราวกับกลองมโหรี เหงื่อซึมผุดขึ้นเต็มดวงหน้า “ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ฉันบอกให้ปล่อย!”
“ปล่อยเหรอ หึ ไม่มีวันแล้วนี่กำลังพยายามโก่งค่าตัวอยู่หรือไง!”
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือเล็กฟาดลงที่ข้างแก้มสากเต็มแรงจนใบหน้าข้างขอบชายหนุ่มชาวาบ คยองซูใช้ลิ้นกระทุ่งแก้มข้างที่ถูกตบแรงๆ จากที่แค่หงุดหงิดตอนนี้กลายเป็นความโกรธไปแล้ว คนอย่างเขาไม่เคยถูกใครเหยียบย่ำศักดิ์ศรีขนาดนี้!
“นี่เธอกล้าตบฉันเหรอห๊ะ!” ริมฝีปากหนาฉกจูบลงมาบนริมฝีปากเล็กอย่างรุนแรง บดเบียดเข้าหาอย่างเอาแต่ใจ ไร้ความอ่อนโยนราวสัตว์ป่าดุร้ายที่หิวโหย คยองซูกดริมฝีปากลงไปหนักขึ้นพยายามควานหาช่องทางเข้าไปตักตวงความหวานราวน้ำผึ้งเดือนห้าภายในโพรงปากของเธอ ชายหนุ่มครางในลำคอเมื่อได้สัมผัสเรียวปากแสนเสน่หา ความรู้สึกบางอย่างตื่นตัวขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็น
“อือ” ร่างกายของแก้วกัลยานิ่งค้างราวถูกสาป หญิงสาวตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกหลังจากถูกฉกจูบไปโดยไม่ทันตั้งตัว สติสัมปชัญญะถูกตีจนแตกกระเจิง
“อือ” แก้วกัลยาสะกดใจดึงสติที่ถูกทำลายให้กลับเข้าที่ แต่ทุกอย่างก็สูญเปล่าเมื่อเขาเพิ่มแรงกอดแน่นขึ้น ลิ้นร้ายแตะไต่ควานหาช่องทางเข้ามาในโพรงปากเล็กๆ ของเธออย่างเอาแต่ใจ แก้วกัลยากัดฟันแน่นปกป้องตัวเองจนถึงที่สุด
คยองซูใช้มืออีกข้างบีบปลายคางเล็กเบาๆ จนเธอหมดแรงต้านแล้วเผยอปากขึ้นเล็กน้อยทำให้ลิ้นร้ายของเขาลุกล้ำเข้ามาชิมน้ำหวานในโพรงปากเล็กได้
“อะ อืม” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เมื่อร่างกายถูกรุกรานมากขึ้น มือข้างที่เขาใช้บีบปลายค้างเลื่อนลงมากอบกุมทรวงอกของเธอแล้วบีบเค้น ส่วนมือข้างกำลังลูบไล้ต้นขาจนไปถึงสะโพกกลมกลึง แก้วกัลยาขยะแขยงสัมผัสแปลกใหม่ที่ได้รับการยัดเหยียด สติที่พยายามควานหาเริ่มเลือนหาย เปลือกตาหนักอึ้งกระทั่งดวงตาคู่สวยค่อยๆ ปิดลง ในที่สุด แก้วกัลยาสิ้นฤทธิ์หมดสติไปในอ้อมกอดของเขา
คยองซูถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง เสียดายความหอมหวานและรสจูบน่าหลงใหลของเธอ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อจูบของเขาทำให้เธอถึงขั้นหมดสติ ใบหน้าหล่อเหลาส่ายไปมาให้คนอวดดีที่เมื่อห้านาทีที่แล้วยังทำปากเก่งด่าทอเขาปาวๆ แต่พอโดนจูบปิดปากไปครั้งเดียวถึงกับสลบไสลไม่ได้สติ ชายหนุ่มหันไปมองใบหน้าวิตกของจีซูที่กำลังยืนกระสับกระส่ายอยู่ข้างรถแล้วเลื่อนกระจกลงไปเอ่ยสั่งงานเสียงเรียบ “กลับโรงแรม”
“เอ่อ แล้ว” จีซูเลิกคิ้วสูง คำสั่งที่กำกวมยากจะเข้าใจทำให้ลูกน้องคิ้วชนกัน
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปดึงร่างไร้สติของคนตัวเล็กให้มาก่ายเกยบนอกก่อนจะจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมของเธอให้เรียบร้อยแล้วหันไปอธิบายต่อ
“ฉันจะพาเธอไปด้วย ส่วนเรื่องงานแกไปจัดการให้เธอด้วยก็แล้วกัน”
คยองซูพาร่างเล็กในอ้อมกอดกลับมายังห้องพักภายในโรงแรมของหุ้นส่วนทางธุรกิจคนใหม่ ชายหนุ่มวางร่างเล็กลงบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะกระชับผ้าห่มขึ้นคลุมร่างของเธอเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มออกมา เธอสวยจนเขาละสายตาไม่ได้ ปากเล็กจิ้มลิ้มที่เคยขยับด่าทอเมื่อไม่กี่นาทีก่อนกลับทำให้เขาแทบคลั่งเมื่อได้ทาบทับ จูบหอมหวานราวน้ำผึ้งเดือนห้าช่างเป็นผลกำไรที่คุ้มค่าแก่การลงทุนก่อนจะเดินออกมาที่ห้องรับแขกเพื่อสั่งงานลูกน้องสำหรับซึงโฮ เขาสั่งให้ไปดูแลสัญญาร่วมหุ้นของโรงแรมที่ยังมีปัญหา ส่วนจีซูเขาสั่งให้ไปจัดการเรื่องของเธอ
“จีซูหาคนไปทวงหนี้แก้วกัลยาด้วยเข้าใจไหม?”
