บทที่ 1 อัศวินที่รัก ภรรยาของท่านได้จากไปแล้ว โปรดทำใจ

บทที่ 1 ผู้หญิงโชคร้าย

ทิพย์พารักษ์รู้สึกว่า หากมีการจัดอันดับผู้หญิงที่โชคร้ายที่สุดในโลกแล้วล่ะก็ เธอจะต้องติดอันดับอย่างแน่นอน

ครอบครัวล้มละลาย สามีนอกใจ ลูกเสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก พ่อป่วยหนักจนโคม่า และตอนนี้ทิพย์พารักษ์ยังตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้ายอีกด้วย

เมื่อใบรายงานผลการวินิจฉัยถูกส่งมาถึงมือของทิพย์พารักษ์ เธอก็รู้สึกว่าทุกสิ่งรอบตัวกำลังหมุนคว้าง นี่เป็นสัญญาณว่าเธอกำลังหน้ามืด ความตกใจอย่างรุนแรงทำให้เธอร่วงลงจากเก้าอี้ คุณหมอที่ตรวจให้เธอถึงกับตกใจ

"ฉันไม่เป็นไรค่ะ" ทิพย์พารักษ์ห้ามภัทรพลที่กำลังจะเข้ามาพยุงเธอ เธอเกาะเก้าอี้แล้วค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นจากพื้น ราวกับว่าต้องการระบายความรู้สึกไม่ยุติธรรมของโชคชะตาผ่านการกระทำนี้

ภัทรพลมองใบหน้าที่ซีดขาวของทิพย์พารักษ์แล้วถอนหายใจ "ตอนนี้ทางที่ดีคุณควรรีบทำเรื่องนอนโรงพยาบาลนะครับ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาคุณ แบบนี้โอกาสที่จะมีชีวิตรอดก็ยังสูงอยู่"

ภัทรพลไม่ได้พูดความจริงออกไปทั้งหมด ดูเหมือนว่าเขาอยากจะให้ความหวังกับทิพย์พารักษ์อยู่บ้าง ที่จริงแล้วในมุมมองของเขา โอกาสรอด 10% กับ 15% ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

สิ่งที่ทำให้ภัทรพลประหลาดใจก็คือทิพย์พารักษ์ปฏิเสธแผนการรักษาของเขา

"ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงนะคะรุ่นพี่ แต่ฉันไม่คิดจะรักษาค่ะ" ทิพย์พารักษ์ส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เตรียมจะจากไป

ภัทรพลและทิพย์พารักษ์จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ทั้งคู่เรียนวิชาเอกการแพทย์เหมือนกัน เพียงแต่ภัทรพลเป็นรุ่นพี่ของทิพย์พารักษ์

ภัทรพลมองแผ่นหลังที่ซูบผอมของทิพย์พารักษ์ ในใจก็รู้สึกเจ็บปวด ครั้งหนึ่งรุ่นน้องคนนี้เคยเป็นดาวเด่นที่สุดในมหาวิทยาลัย ถึงขนาดที่ว่าพรสวรรค์ด้านการแพทย์ของเธอนั้นเหนือกว่าเขาที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะจากศาสตราจารย์เสียอีก น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร เธอถึงได้พักการเรียนไปก่อนกำหนด

ทิพย์พารักษ์เดินไปถึงประตูแล้วก็หยุดกะทันหัน เธอหันกลับมามองภัทรพลแล้วพูดว่า "รบกวนคุณอย่าบอกเรื่องของฉันกับครอบครัวของฉันเลยนะคะ คุณก็รู้ว่าอาการของคุณพ่อฉันเป็นยังไง ฉันไม่อยากให้ครอบครัวต้องมาเป็นห่วงฉันอีกแล้ว"

แววตาของทิพย์พารักษ์แฝงไปด้วยความวิงวอน ภัทรพลพยักหน้าเงียบๆ

ในอดีตครอบครัวของทิพย์พารักษ์ก็เคยเป็นที่รู้จักในเมืองนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมครอบครัวของพวกเขาถึงได้ล้มละลาย แม้แต่พ่อของทิพย์พารักษ์ก็ทนรับความเสียใจไม่ไหวจนป่วยหนักและหมดสติไป

ทิพย์พารักษ์ใช้เงินก้อนสุดท้ายของบ้านเพื่อรักษาพ่อของเธอ และยังต้องออกไปทำงานพิเศษอีก นั่นจึงทำให้ตอนนี้เธอดูซูบผอมมาก

หลังจากกำชับภัทรพลเสร็จ ทิพย์พารักษ์ก็ออกจากโรงพยาบาล เธอมองใบวินิจฉัยในมือ ขยำมันจนเป็นก้อนแล้วโยนทิ้งลงถังขยะ

ทิพย์พารักษ์รู้สึกว่าชีวิตช่างมืดมน เธอต้องการอ้อมกอดใครสักคนเพื่อเป็นที่พึ่งพิง เธอนึกถึงสามีของเธอ จึงโทรหาอัศวินผู้เป็นสามี

ในตอนนั้นทิพย์พารักษ์ลืมไปว่า สามีของเธอกำลังอยู่กับผู้หญิงอีกคน พร้อมกับลูกของเธอกับผู้หญิงคนนั้นที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย

"คุณอัศวินครับ คุณไพลินครับ นี่คือใบวินิจฉัยของลูกๆ นะครับ ตอนนี้ยังไม่พบปัญหาอะไร ดูเหมือนว่าการรักษาของเราได้ผลดีมาตลอด" แพทย์เจ้าของไข้ยื่นใบรายงานผลให้อัศวินพร้อมกับรอยยิ้ม

เมื่อหลายปีก่อน ทิพย์พารักษ์และไพลินประสบอุบัติเหตุพร้อมกัน บังเอิญว่าตอนนั้นผู้หญิงทั้งสองคนกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่สิ่งที่ทำให้ทิพย์พารักษ์รู้สึกเหมือนถูกหักหลังอย่างแท้จริงคือสามีของเธอ อัศวินไม่ได้เลือกที่จะช่วยเธอเป็นคนแรก แต่กลับเลือกที่จะช่วยไพลิน

ผู้หญิงทั้งสองคนถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และผลคือลูกของทั้งคู่คลอดก่อนกำหนด

ความไม่ยุติธรรมของโชคชะตาได้มาเยือนนับตั้งแต่ตอนนั้น

ลูกของทิพย์พารักษ์เสียชีวิตตั้งแต่แรกเกิด ในขณะที่ไพลินกลับคลอดลูกแฝดออกมา

เนื่องจากเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ร่างกายของเด็กทั้งสองจึงไม่ค่อยแข็งแรงนัก และต้องมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเป็นประจำ

อัศวินมองใบวินิจฉัยในมือแล้วยิ้มออกมา เขามองทารกน้อยทั้งสองที่กำลังหลับอยู่ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยอกล้อกับจมูกของพวกเขา เด็กน้อยที่กำลังหลับอยู่ดูเหมือนจะรู้สึกคัน จึงครางออกมาอย่างไม่พอใจและขยับตัวไปมา อัศวินยิ่งยิ้มกว้างขึ้น

ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าของอัศวินก็ดังขึ้น เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ที่โทรเข้า รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไปในทันที

"ผมออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกนะ" อัศวินกระซิบกับไพลิน แล้วหันหลังเดินออกไปที่โถงทางเดินของโรงพยาบาล

อัศวินไม่ทันสังเกตว่าไพลินมองตามหลังเขาไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาและความโกรธ เธอเดาได้แล้วว่าเป็นใครที่โทรหาอัศวิน

'ทั้งๆ ที่ฉันต่างหากคือผู้หญิงที่อัศวินรักที่สุด แต่ทำไมเขาถึงแต่งงานกับทิพย์พารักษ์? นังสารเลวนี่เมื่อไหร่จะตายๆ ไปสักทีนะ?' ไพลินสาปแช่งทิพย์พารักษ์ในใจอย่างร้ายกาจ

ที่โถงทางเดิน อัศวินรับสาย เขาไม่รอให้ทิพย์พารักษ์ได้พูด แต่ชิงพูดขึ้นก่อนว่า "เธอน่าจะรู้นะว่าตอนนี้ฉันกำลังทำอะไรอยู่ อารมณ์ดีๆ ที่มีอยู่ของฉันถูกเธอทำลายหมดแล้ว"

ปลายสายของทิพย์พารักษ์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากพูดว่า "คุณจะทำอะไรฉันไม่สนใจหรอก คุณอยากจะหย่าไม่ใช่เหรอ? ฉันเซ็นใบหย่าให้แล้ว"

อัศวินที่ถือโทรศัพท์อยู่ถึงกับนิ่งอึ้งไป ที่ผ่านมาเขาพยายามบีบบังคับให้ทิพย์พารักษ์หย่า เพื่อที่เขาจะได้แต่งงานกับไพลิน แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เคยยอม แต่ตอนนี้เธอกลับยอมตกลงง่ายๆ ทำให้อัศวินรู้สึกประหลาดใจ ที่สำคัญคือดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ดีใจอย่างที่คิดไว้

"ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" อัศวินถาม

"อยู่ที่บ้าน ถ้าคุณไม่เชื่อก็มาดูที่บ้านได้" น้ำเสียงของทิพย์พารักษ์ฟังดูเนือยๆ ทำให้อัศวินรู้สึกหงุดหงิดใจ เพราะเขารู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเคารพ

"ได้ เธอก็รออยู่ที่บ้านแล้วกัน ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้" อัศวินหรี่ตาลง วางสายด้วยความโมโห เขาบอกไพลินสั้นๆ แล้วรีบออกจากโรงพยาบาลไป

จริงๆ แล้วอัศวินเข้าใจทิพย์พารักษ์ผิดไป เธอไม่ได้ไม่เคารพเขา เพียงแต่เธอเพิ่งกินยาแก้ปวด และผลข้างเคียงของยาก็ทำให้สติของเธอเลื่อนลอย อยากจะนอนเท่านั้นเอง

กว่าอัศวินจะกลับถึงบ้าน ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว

ฟืนในเตาผิงลุกโชน ทำให้บ้านดูอบอุ่นขึ้นมาบ้าง แต่ทิพย์พารักษ์กลับห่มผ้าห่มผืนหนาขดตัวอยู่บนโซฟา

ภายใต้ผ้าห่มนั้นคือร่างที่ผอมบาง แก้มที่ถูกเส้นผมบดบังดูเหมือนจะมองเห็นโหนกแก้มได้ลางๆ

'ผู้หญิงคนนี้ทำไมดูผอมลงกว่าเมื่อก่อนอีกนะ?' อัศวินละสายตาจากทิพย์พารักษ์แล้วมองไปที่โต๊ะกาแฟ บนนั้นมีเอกสารหย่าที่เซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ววางอยู่

อัศวินหยิบเอกสารหย่าขึ้นมาดู เนื้อหาข้างในเหมือนกับที่เขาเคยพูดไว้ แต่มีข้อเรียกร้องเพิ่มขึ้นมาหนึ่งข้อ คืออัศวินจะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดู 10 ล้านบาท

เมื่ออัศวินเห็นข้อเรียกร้องค่าเลี้ยงดูข้อสุดท้าย เขาก็หัวเราะออกมาด้วยความโมโห คว้าแก้วบนโต๊ะขึ้นมาแล้วขว้างลงบนพื้นอย่างแรง

เสียงแก้วแตกทำให้ทิพย์พารักษ์สะดุ้งตกใจ ตื่นขึ้นจากการหลับใหล

"ฉันว่าแล้วว่าทำไมเธอถึงยอมหย่า ที่แท้ก็เพื่อเงินสินะ?" อัศวินมองทิพย์พารักษ์ที่ลุกขึ้นนั่งบนโซฟาด้วยรอยยิ้มเย็นชา

บทถัดไป