บทที่ 4 chapter 4

“ถ้าฉันไม่ปล่อยล่ะ” ถามพลางยิ้มใส่ดวงตากลมโตสุกใสที่ฉายแววสีเพลิง

ความโกรธพุ่งขึ้นดั่งเธอก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนปล่องภูเขาไฟแต่ต้องกัดฟันข่มใจเอาไว้ก่อน เมื่อรู้ว่าตัวเองเสียเปรียบ “แล้วคุณจะเอายังไงกับฉัน!”

แม้โกรธจนหน้าแดง แต่เสียงของเธอก็ยังกังวานหวานใส จนอยากได้ยินซ้ำหลายครั้ง เขาเลยโปรยเสน่ห์ด้วยรอยยิ้มทั้งปากและดวงตา ฝ่ามือหนานวดคลึงไต่ไล่บนแผ่นหลังบางอย่างแผ่วเบา เมื่อหญิงสาวขัดขืนเขาก็โอบกระชับรัดร่างเพรียวบางแนบชิด จนรับรู้ถึงกล้ามเนื้อที่ไหวกระเพื่อม ใบหน้าแกร่งโน้มลงไปบนแก้มนุ่ม

“อืม...หอม”

มธุรสข่มกลั้นความโกรธกรุ่นไว้ภายใน ด้วยเทียบกันด้านรูปร่าง ลางแพ้ของเธอลอยมาแต่ไกล แต่ก็ยังไม่ละความพยายามทำให้ตัวเองหลุดออกจากคีมเหล็กที่รัดแน่นจนหายใจติดขัด

ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อจอมฉวยโอกาสดึงรั้งชายเสื้อที่หลุดลุ่ยอยู่ออกจากขอบกางเกง สอดแทรกปลายนิ้วยาวร้อนผ่าวล่วงล้ำเข้าไปลูบไล้ผิวเนื้อนวลเนียนนุ่ม กายสาวสั่นสะท้านไหววูบจากสัมผัสที่ร้อนผ่าวซึ่งไม่เคยจะพานพบเจอ

“ปล่อยฉันดีกว่านะคุณ!” ข่มกัดฟันบอกเสียงขุ่น ดวงตาเขียวปั้ด แก้มนุ่มใสแดงปลั่งด้วยเพลิงอารมณ์โทสะที่พุ่งลิ่วเหมือนกับลูกโป่งลอยขึ้นฟ้า ควันแทบออกจากใบหู เมื่อชายหนุ่มไม่ยอมทำตามคำสั่ง มิหนำซ้ำยังยิ้มตาวาว วาดมือลากไล้เคลื่อนไหวหนักขึ้น ไหนจะหมวกใบโปรดที่คนเก็บได้ไม่คิดมอบคืน ปล่อยให้ลอยปลิวไปตามกระแสลมแรงและค้างอยู่บนต้นไม้ที่เธอเก็บไม่ถึง

“คุณ...!!”

“โอ๊ะโอ...มือไวไปหน่อยมั้งสาวน้อย” ดวงตาเข้มเป็นประกาย ขณะจับมือนุ่มนิ่มเอาไว้และบีบกระชับเบาๆ ก่อนนำมาแนบที่ริมฝีปากซึ่งคลี่ยิ้ม

“รู้ไหมคนที่คิดทำร้ายฉันจะต้องเจอกับอะไร” แนบจมูกโด่งคลอเคลียแก้มใสซับสีเลือดฝาดอย่างไม่สนใจอาการขัดขืนเบือนหน้าหนีของสาวเจ้า แล้วยังขบเม้มจูบซับเรื่อยไปจนถึงปากอิ่ม

“ตัวเธอหอมจัง” กลิ่นกายก็หอมจรุงใจจนอยากสูดดมให้ชุ่มฉ่ำใจ หลังนิ้วไกล่เกลี่ยร่องแก้ม “จนฉันอดใจไม่ไหว ขอจูบหน่อยนะ” ทั้งที่รอบกายเขามีผู้หญิงเสนอตัวมาให้ลิ้มลองมากมาย แต่ทำไมถึงได้มาติดใจผู้หญิงที่วิ่งเข้ามาในอ้อมกอดคนนี้นักก็ไม่รู้ ชักแปลกใจตัวเองเสียแล้วสิ...

แต่ก็ไม่แปลกด้วยแม่เนื้อนุ่ม ช่างน่ารักน่าใคร่ แก้มใสเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยเลือดฝาดสาวไล่ลงไปถึงลำคอระหง ดวงตายามโกรธจัดเหมือนดวงตาแมวสะท้อนกับแสงไฟชวนมอง รูปกายอรชรอ้อนแอ้นที่น่ากลัวจะปลิวจนหาไม่เจอหากเจอลมพัดแรง แต่พอแตะต้องจริงๆ กลับรับรู้ถึงส่วนเว้าส่วนโค้งเต็มไม้เต็มมือ

กลิ่นกายเธอหอมจรุงใจที่เพียงสัมผัสแนบชิด กายแกร่งก็สำแดงเดชแห่งความปรารถนาขึ้นมาอย่างฉับพลัน เลือดในกายเดือดพล่านราวกับลาวาใต้พื้นดินจนแทบกักเก็บเอาไว้ไม่ได้ แต่ถึงทำได้เขาก็ไม่อยากทำอยู่ดีนั่นแหละ ด้วยใคร่อยากลิ้มรสปากอิ่มจะนุ่มหวานสักเพียงใด แวบหนึ่งรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนมุมปากหนา ในดวงตาคมเข้มกลับเฉยเมย เมื่อเขาอยากได้ แล้วจะรออะไรเล่า...

ไม่ทันได้ตั้งตัวห้าม ไอ้คนฉวยโอกาสจับรั้งปลายคางให้หน้านวลแหงนขึ้น และฉกปากร้อนลงมาบนเรียวปากอวบอิ่มนุ่มอย่างรวดเร็ว ราวกับจะช็อตเธอด้วยไฟหมื่นโวลต์ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หัวใจสั่นไหววูบราวกับเรือลำน้อยที่ลอยล่องอยู่ในนที เจอกับคลื่นพายุลมแรงโหมกระหน่ำพัดจนสั่นสะท้านไหวไปทั่วทั้งร่าง ความอ่อนเยาว์ไร้เดียงสาทำให้รับมือกับความช่ำชองไม่ได้ กลายเป็นโอกาสให้ถูกเอาเปรียบโดยโต้ตอบไม่ได้

“อือ...” อยากห้ามปรามแต่มธุรสก็ทำได้เพียงแค่เปล่งเสียงกระอึกกระอักออกมา มือเล็กระดมทุบไปบนกายแกร่งแรงๆ ก็เหมือนทุบหิน ด้วยชายหนุ่มไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนและเธอก็เจ็บมือด้วย

‘อืม...หวานจริงๆ หวานกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก’ ชายหนุ่มร้องครางในลำคอเมื่อได้ลิ้มรสหวานปานน้ำค้างเกาะอยู่บนปลายยอดหญ้า ปากหนาบดคลึงพลางเม้มกัดปากบนล่าง สลับกับซอกซอนเรียวลิ้นไปเที่ยวท่องในโพรงปากนุ่ม กวาดไล้ไปถ้วนทั่วเกี่ยวกระหวัดพลิกพลิ้วกับปลายลิ้นเล็กนุ่มที่พยายามขับไล่ผลักไสสิ่งแปลกปลอมออกไป

“อือ...อื้อ...” เบี่ยงศีรษะหนีแต่ก็ทำไม่ได้ เมื่อมือใหญ่ลูบไล้จากแผ่นหลังเคลื่อนขึ้นมาจับรั้งท้ายทอยให้รองรับจุมพิตหวานแผดร้อนแผดเผาอารมณ์ ทำเอาสาวน้อยไม่ประสาถึงกับตัวอ่อนระทวยกลายเป็นขี้ผึ้งถูกลนไฟ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมธุรสก็ไม่คิดยอมแพ้ ให้ถูกลวนลามง่ายๆ ยังต่อต้านและขัดขืนอย่างสุดความสามารถ ทว่าไฟร้อนผ่าวที่ลามเลียเผาไหม้เรือนกายอยู่ทำให้กายสั่นสะท้าน สองขาสั่นเทาและอ่อนแรงลงเรื่อยๆ

ประกายในดวงตาคมกริบไหวระริกอย่างพึงพอใจ สอดแทรกมือลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่ม เคลื่อนลงไปขยำนวดบั้นท้ายกลมกลึงแผ่วเบาสลับหนักหน่วง ลากย้อนกลับขึ้นลากไล้ไปตามสีข้าง หน้าท้องแบนราบเรียบไร้ไขมันส่วนเกินเรื่อยไปจนได้พบเจอกับทรวงอกกลมกลึง ที่เมื่อแรกเห็นคิดว่าเล็กกะทัดรัด ทว่าพอได้จับต้องเข้าจริงๆ กลับอวบอัดและเต็มไม้เต็มมือที่ตอบสนองอย่างดีด้วยสิ

“อ๊ะ...” ขนตายาวงอนไม่กระดิก ดวงตาเบิกกว้าง สติและอาการขัดขืนต่อต้านเริ่มจางหายจากพิษเพลิงไฟที่นำเอาความเสียวซ่านวาบหวามไหลพล่านปั่นป่วนในช่องท้อง แรงบดเบียดเว้าวอนเรียกร้องให้ตอบสนอง ด้วยความไม่ประสาก็ทำให้มธุรสเผลอตัวจูบตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ

นิ้วยาวเรียวทาบบนอกกว้าง เผลอขยำดึงทึ้งเสื้อผ้า พร้อมศีรษะทุยแหงนหงายไปด้านหลัง ใจอยากขัดขืนแต่ร่างกายกลับโอนอ่อนตามเพลิงไฟร้ายที่เหมือนจะเผากายให้มอดไหม้ มธุรสรู้สึกเหมือนตัวเองก้าวลงไปเล่นในคุ้งน้ำวน ที่ดูดเอาร่างกายให้ค่อยๆ จมลงไปทีละน้อย ลึกลงไป...

“อือ...” ปากอิ่มอ้ากว้าง เพื่อสูดเอาลมหายใจเข้าปอด แต่สิ่งที่ทำลงไปกลับผิดมหันต์ กายาสั่นสะท้านไหววูบเหมือนนั่งรถไปบนถนนที่มีลูกคลื่นสูงต่ำลดหลั่นกันไป ชวนให้วาบหวามปั่นป่วนกึ่งกลางท้องน้อย

เสียงหวานพร่าหลุดจากกลีบปากบวมเป่ง ลำตัวกลมกลึงแอ่นโค้งให้ได้สัมผัสกับฝ่ามือร้อนผ่าวที่คลึงเคล้นปทุมอวบอิ่มอย่างหนักหน่วง จนผลิบานเหมือนดอกไม้ชูช่อรับแสงตะวัน ลำขากลมกลึงสั่นและอ่อนยวบ จำใจใช้กายใหญ่เป็นหลักพึ่งพิงไม่ให้ร่วงลงไปกองกับพื้น

บทก่อนหน้า
บทถัดไป