บทที่ 1 บทนำ [1]

Intro…

“ฉันกับฮานะกลับก่อนนะโทโมะ” ฉันหันไปบอกโทโมะ เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่กำลังเก็บหนังสือเรียนใส่กระเป๋าเป้ใบโตของเขาอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ จนฉันอดจะคิดไม่ได้ว่าเขาออกจะตั้งใจจนเกินไปด้วยซ้ำ

เสียงของฉันทำให้โทโมะหันกลับมามองหน้าฉันนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้าตอบกลับมาแค่เบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ หน้าตาเขาเหมือนไม่เต็มใจยิ้มให้ฉันสักเท่าไหร่ และที่สำคัญคือเขาไม่ได้หันกลับมามองที่ฉันเลยสักนิด

สายตาคู่นั้นของโทโมะเอาแต่เหม่อมองไปที่ผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันมากกว่าที่จะสนใจฉันที่กำลังพูดกับเขาอยู่ด้วยซ้ำ และเมื่อเห็นว่าเขาอุตส่าห์สละเวลาส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ทั้งที่ไม่ได้มองมา ฉันก็พลอยต้องยิ้มเจื่อนกลับไปให้เขาอย่างเลี่ยงไม่ได้

เฮ้อ~ช่วยไม่ได้นี่นา ชอบใครไม่ชอบ เขาดันไปชอบฮานะ ผู้หญิงของคุณโอยามะ ผู้ชายที่มีอิทธิพลที่สุดในย่านมารุ การชอบผู้หญิงคนสำคัญของคนที่สำคัญถึงขนาดสามารถพลิกขาวให้กลายเป็นดำ หรือพลิกดำให้กลายเป็นขาวแค่เพียงเอ่ยปาก เรื่องมันก็จะเศร้าๆ หน่อยนั่นแหละ

คุณโอยามะเป็นถึงหัวหน้ากลุ่มแบล็กสกอร์เปี้ยน ซึ่งเป็นกลุ่มมาเฟียที่มีอิทธิพลที่สุดในย่านมารุ

ทุกอย่างในย่านมารุล้วนแล้วแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแบล็กสกอร์เปี้ยนทั้งสิ้น ถ้าไม่เกี่ยวกันทางตรงก็ต้องทางอ้อม ถ้าไม่มีเบื้องหน้าที่เกี่ยวกันตรงๆ ก็ต้องมีเบื้องหลังที่เกี่ยวโยงถึงกันอยู่ดี ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ฮานะจะกลายเป็นผู้หญิงที่มีอิทธิพลที่สุดในโรงเรียน เธอเป็นผู้หญิงที่คนทั้งโรงเรียนต้องก้มหน้าหลบสายตาทั้งที่ฉันไม่เคยเห็นว่าเธอจะเคยหาเรื่องใครเลยด้วยซ้ำ บางคนไม่กล้าแม้แต่จะพูดกับเธอเพราะทั้งกลัวและเกรงในอิทธิพลและอำนาจของคุณโอยามะ

และนอกจากเรื่องที่ฉันอธิบายมาทั้งหมดแล้ว คุณโอยามะก็ยังถือเป็นผู้มีพระคุณของฉันอีกด้วย ถ้าไม่ได้คุณโอยามะช่วยเอาไว้ในตอนนั้น ป่านนี้ฉันเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะเป็นยังไง หรือบางทีฉันอาจตายไปแล้วก็ได้

เมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว ฉันถูกพ่อกับแม่พามาขายเพื่อนำเงินไปใช้หนี้การพนันที่พ่อไปกู้หนี้ยืมสินมาจากแบล็กซิโน (หนึ่งในธุรกิจของบล็กสกอร์เปี้ยน) เพราะพ่อของฉันติดการพนันเข้าขั้นหนักมาก และคนที่ซื้อฉันไว้ก็คือคุณโอยามะ

สารภาพตามตรงว่าแรกๆ ฉันก็แอบกลัวเขาอยู่เหมือนกัน และตอนนี้ก็ยอมรับว่ายังกลัวอยู่ เพียงแต่ไม่ได้กลัวว่าเขาจะทำอะไรฉันเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว แต่แค่กลัวเพราะคุณโอยามะเป็นคนดุและค่อนข้างเข้มงวดมากก็เท่านั้นเอง

“นี่ริโกะ วันนี้เราเดินไปรอคิราวะที่หน้าโรงเรียนกันมั้ย” ฮานะหันมาถามเมื่อเธอเก็บของใส่กระเป๋าเป้เรียบร้อย ปกติแล้วเธอกับฉันจะต้องเดินลงบันไดไปรอคุณคิราวะที่กำลังขับรถมารับที่ชั้นล่างด้านหน้าตึกเรียนน่ะ

คุณคิราวะที่ฮานะพูดถึงเมื่อครู่ หรือก็คือคนที่กำลังขับรถมารับฮานะกับฉัน ก็คือบอดี้การ์ดมือขวาของคุณโอยามะที่มีหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยของฮานะอย่างใกล้ชิด ยกตัวอย่างหน้าที่หลักๆ เลยก็คือการขับรถรับส่งเธอซึ่งก็พลอยทำให้ฉันได้รับความสะดวกสบายและเหมือนจะได้รับการดูแลไปด้วย เพราะหน้าที่สำคัญที่ฉันได้รับมอบหมายมาจากคุณโอยามะโดยตรงคือการเป็นเพื่อนของฮานะยังไงล่ะ!

ตลอดสามปีที่ผ่านมา หลังจากที่คุณโอยามะซื้อฉันมาจากพ่อและแม่แท้ๆ เขาก็ดูแลฉันเป็นอย่างดี ทั้งส่งฉันเรียนหนังสือ ให้ที่พัก รวมถึงยังให้ฉันได้ทำงานอีกด้วย ดังนั้นฉันถึงได้ยอมทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนเขาอย่างเต็มที่

อย่างเช่นเรื่องการต้องย้ายจากโรงเรียนเดิมมาเรียนที่นี่เพื่อเป็นเพื่อนกับฮานะก็เป็นเรื่องที่ฉันเต็มใจ แม้จะมีบางทีที่ฉันแอบคิดว่าเธองี่เง่าไปบ้าง และบางครั้งก็ต้องยอมรับว่าฉันก็คิดว่าฉันกับเธอ ไม่เหมาะจะเป็นเพื่อนกันเลยสักนิดก็ตาม

“เธออยากโดนคุณโอยามะลงโทษรึไง” ฉันถามออกไปพลางชะงักฝีเท้าลงที่หน้าตึก รู้ดีว่าถ้าเดินออกไปถึงหน้าโรงเรียน มีหวังโดนคุณคิราวะดุแหงๆ หนักสุดถ้าคุณคิราวะเอาเรื่องนี้ไปรายงานให้โอยามะรู้เข้า ฉันก็อาจโดนคุณโอยามะลงโทษเพราะพาฮานะเดินตากแดดแถมยังอาจจะต้องเบียดเสียดกับคนอื่นจนทำให้เธอได้รับอันตรายก็ได้ ถึงแม้ลึกๆ แล้วฉันเองก็อยากจะทำแบบนั้นมากแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่กล้าพอจะเสี่ยงหรอก ถ้าเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นมาฉันไม่มีปัญญารับผิดชอบแน่ๆ

“นั่นสินะ ขืนทำแบบนั้นได้โดนโอยามะเล่นงานแหงเลย” ฮานะว่าเสียงอ่อยพลางยิ้มเจื่อนใส่ฉันอีกคน

ฉันได้แต่ยืนมองเธอแล้วแอบยิ้มจางๆ บางทีก็นึกอิจฉาที่เธอได้เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวของคุณโอยามะที่เขาทั้งรักทั้งหวง ทั้งเป็นห่วงถึงขนาดไม่เคยปล่อยให้เธอคลาดสายตา แต่บางทีก็รู้สึกสงสารที่เธอไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้เลย ทั้งที่ยังอยู่ในวัยอยากรู้อยากลองแท้ๆ

ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่เธออยากจะเดินไปกินบะหมี่เย็นที่ร้านฝั่งตรงกันข้ามกับโรงเรียน เธอยังไม่สามารถข้ามไปได้เลยเพราะคุณโอยามะไม่อนุญาต ซึ่งถึงฉันจะคิดว่ามันไม่น่ามีอะไร แต่อย่างที่บอกนั่นแหละว่าไม่กล้าพอจะเสี่ยงพาเธอเดินออกไป เพราะฉันเองก็ทำงานให้คุณโอยามะมานาน ก็เลยเข้าใจว่าคนที่ต้องการจะล้มเขามีอยู่มาก ดังนั้นก็เลยพอเข้าใจว่าคงเป็นเพราะเขาเป็นห่วงเธอมาก และกลัวว่าจะมีคนที่คิดไม่ดีกับเขามาลอบทำร้ายเธอนั่นแหละ เขาถึงต้องออกคำสั่งแบบนั้น

สรุปเลยแล้วกันว่าฉันก็เลยอดกินบะหมี่เย็นร้านนั้นไปด้วย น่าเบื่อชะมัด!

บทถัดไป