บทที่ 3 บทนำ [3]
“เขาน่าส่งสารมากจริงๆ นะริโกะ ร่างกายผอมโซแล้วก็หน้าตาอิดโรยมาก ตอนเขาบอกฉันว่าเขาเป็นพ่อของเธอฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลย แต่เขามีหลักฐานเป็นรูปถ่ายตอนเด็กๆ ของเธอให้ดู ฉันเลยจนปัญญา พยายามจะโทรบอกเธอแล้ว แต่ติดต่อเธอไม่ได้ ฉันก็เลยต้องเดินมา” โทโมะอธิบายยาวเหยียดและยังคงพูดเร็วปร๋อ เสียงยังคงสั่นทั้งประโยคเหมือนเดิม
น่าจะเป็นเพราะว่าโทรศัพท์ของฉันแบตฯ หมดไปตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายแล้ว โทโมะถึงติดต่อไม่ได้ จริงๆ ฉันก็ชาร์จมาเต็มแล้วนะ แต่เหมือนว่าแบตฯ มันน่าจะเสื่อมน่ะ และฉันเองก็ยังไม่อยากจะเสียเงินซื้อมันใหม่ เพราะปกติฉันเองก็ไม่ค่อยได้ใช้ติดต่อกับใครอยู่แล้ว ช่วงนี้ก็มีแค่ฮานะที่โทรมาปรึกษาเรื่องการบ้าน แต่ก็ยังไม่บ่อยอยู่ดี ฉันก็เลยไม่ได้ใส่ใจ
“ฉันว่าตอนนี้ฉันเริ่มสงสารตัวเองแล้วนะริโกะ ผู้ชายคนนั้นยังมองอยู่เลย เขาจะไม่ฆ่าฉันใช่มั้ย เธอไม่ใช่ผู้หญิงของคุณโอยามะเหมือนฮา เอ่อ เหมือนคุณฮานะใช่มั้ย” เสียงของโทโมะเริ่มสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันฟังแทบไม่รู้เรื่อง และตอนนี้ฉันเองก็เริ่มรู้สึกสงสารเขาแล้วเหมือนกัน
“ไม่ใช่สถานะนั้นหรอก” ฉันตอบอ้อมๆ
ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทั้งฮานะและคุณคิราวะมองอยู่ แต่บอกตามตรงว่าไม่รู้จะต้องทำยังไงเหมือนกัน
ฟึ่บ!
แต่แล้วอยู่ๆ โทโมะก็ผละตัวออกไป สายตาของเขาสั่นระริกเพราะคงกลัวคุณคิราวะมาก ซึ่งฉันเองก็กลัว เพราะถึงคุณโอยามะไม่ได้คิดอะไรกับฉัน แต่ฉันก็ไม่ควรทำอะไรที่มันไม่สมควร ดังนั้นถ้าคุณคิราวะเอาเรื่องนี้ไปรายงานคุณโอยามะ ฉันก็คงต้องเดือดร้อนเหมือนกัน ถึงจะไม่ถึงขั้นกับถูกลงโทษ แต่ก็ต้องถูกซักถาม และการตอบคำถามของคุณโอยามะไม่ใช่เรื่องที่น่าลองทำเลย
ยิ่งเป็นเรื่องที่โทโมะเพิ่งจะมาบอกด้วยแล้วล่ะก็ ฉันยิ่งไม่อยากพูดถึง
พ่อเหรอ? เขาอยากเจอฉันทำไมในเมื่อเขาขายฉันมาแล้ว และฉันจำได้ดีว่าในข้อตกลงสัญญาการซื้อขายฉันให้กับคุณโอยามะ มีข้อนึงที่ระบุไว้เอาว่าชัดเจนว่าพวกเขาไม่มีสิทธิใดๆ ในตัวฉันอีก ห้ามข้องแวะ ติดต่อ หรือพบเจอกันอีกเด็ดขาด ไม่ว่าจะมีเหตุผลใดๆ ก็ตาม และฉันจำได้ดีว่าวันนั้นเขาเป็นคนเซ็นชื่อลงในเอกสารสัญญานั้นเองกับมือ ไม่มีแม้แต่ท่าทีจะลังเล
“ริโกะ” โทโมะพยายามจะกระซิบเรียกฉันอีกครั้งเมื่อเห็นว่าฉันยังเอาแต่ยืนนิ่ง เขาเขย่าแขนฉันไม่หยุดเลย ไม่สิ เหมือนหยุดเขย่าไม่ได้เลยต่างหาก
“ขอบใจนะโทโมะ นายรีบกลับเถอะ เจอกันพรุ่งนี้นะ” ฉันบอกแล้วยิ้มเพื่อขอบคุณโทโมะ ก่อนจะรีบส่งสัญญาณให้เขาเดินออกไปซะ ซึ่งเขาก็รีบพยักหน้าแล้วก้าวฉับๆ ออกไปในทันที ส่วนฉันก็ลอบถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินกลับมาที่รถเงียบๆ
“โทโมะมีเรื่องอะไรรึเปล่าริโกะ” ฮานะถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
ฉันหันไปมองเธอนิดหน่อยแล้วยิ้มจางๆ พร้อมกับส่ายหัวปฏิเสธ
“ไม่มีอะไร หมอนั่นแค่เดินมาสารภาพรักกับฉันน่ะ”
ปัง!
พูดจบฉันก็รีบเข้ามานั่งในรถพร้อมกับปิดประตูรถทันที หวังว่าข้ออ้างนี้คงจะพอใช้ได้ และน่าจะทำให้ฮานะเลิกล้อเรื่องของฉันกับคุณคิราวะไปได้สักพักด้วยก็แล้วกัน
บ้าจริง! ฉันจะไปสนใจทำไมนะ ก็แค่ผู้ชายที่เคยพาฉันมาขาย ตอนนี้ฉันควรคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสายตาของคุณคิราวะมากกว่า นี่สมมติว่าถ้าคุณคิราวะเอาเรื่องที่มีผู้ชายเดินมากอดฉันทั้งที่อยู่ในโรงเรียนไปรายงานคุณโอยามะ ฉันจะตอบคำถามคุณโอยามะว่ายังไง
“ริโกะ”
“คะคุณคิราวะ” ฉันรีบขานรับด้วยความตกใจ พร้อมกับหันไปหาคุณคิราวะในทันที แต่การหันมาสบตาคุณคิราวะในเวลาที่กำลังรู้สึกสับสนแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องควรทำเลย เพราะถ้าเขาไม่ฉลาดและมีไหวพริบอยู่ในระดับดีเยี่ยม คุณโอยามะคงไม่ไว้ใจให้เขามาดูแลฮานะหรอก
“มะ มีอะไรเหรอคะคุณคิราวะ”
ไม่ได้อยากจะตะกุกตะกักเลย สาบานได้ แต่สายตาของคุณคิราวะนิ่งมาก เขาไม่ได้ถามอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่เพียงแค่เขาใช้สายตาแบบนั้นมองมานิ่งๆ ฉันก็แทบอยากจะร้องไห้
“คาดเข็มขัดด้วย” คุณคิราวะบอกสั้นๆ แค่นั้น ก่อนที่เขาจะละสายตาไปจากใบหน้าของฉันแล้วขับรถออกมาด้วยความเร็วปกติ มีแค่หัวใจของฉันนี่แหละที่เต้นแรงมากจนฉันแอบกลัวว่าเขาจะได้ยิน
กับอีแค่เขาบอกให้คาดเข็มขัด ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะตื่นกลัวอะไรนักหนา โทโมะนะโทโมะ นายทำให้ฉันทั้งรู้สึกแย่ แล้วก็รู้สึกกลัวไปหมดทั้งที่เดินมาพูดแค่ไม่กี่ประโยคกับฉันด้วยซ้ำ
“ริโกะ”
“คะคุณคิราวะ”
“เดี๋ยวถึงคอนโดคุณโอยามะแล้วรอในรถก่อน ฉันมีเรื่องจะต้องขึ้นไปรายงานคุณโอยามะนิดหน่อย”
ฆ่าฉันเลยเถอะ...
“ดะ ได้ค่ะ”
