บทที่ 2 ตอนที่ 2
“พี่รู้ว่าเจสไม่ค่อยชอบหน้าภิญนัก...”
“ไม่ใช่ไม่ชอบครับ แต่เกลียดขี้หน้ามากกว่า”
ผู้เป็นน้องชายแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงดุกระด้าง ดิมิเทรียสถอนใจออกมาแรงๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงวิงวอน
“เออ! นั่นแหละ แต่พี่มองไม่เห็นใครแล้วจริงๆ นะเจส นายคนเดียวที่จะสามารถช่วยพี่ได้” แม้พี่ชายจะอ้อนวอนแต่แองเจลอสก็ยังไม่คิดจะใจอ่อนง่ายๆ
“ก็พี่สเตฟยังไงล่ะครับ พี่สเตฟใจเย็น น่าจะอยู่กับยายเด็กแก่แดดแบบแม่นั่นได้ ผมขอบาย ไม่อยากยุ่งด้วย เดี๋ยวกลายเป็นฆาตกรขึ้นมาจะยุ่ง”
แองเจลอสยืนกรานเสียงแน่วแน่จนดิมิเทรียสพี่ชายถึงกับต้องถอนใจออกมาเบาๆ แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจของตน
“สเตฟไม่ว่าง พี่ถามแล้ว ส่วนพี่ก็ต้องรีบบินไปแก้ปัญหาที่โรงแรมในนิวยอร์ก ก็มีแต่เจสคนเดียวที่ต้องอยู่เมืองไทยเพราะกำลังจะเปิดสาขาใหม่ที่นั่น”
“อย่ามาอ้อนวอนเลยครับ ผมไม่ใจอ่อนแน่”
เมื่อน้องชายสุดหล่อยังยืนยันนอนยันว่าไม่มีทางยอมดูแลภิญญาพัชฌ์ให้แน่ ดิมิเทรียสจึงต้องใช้ไม้สุดท้าย ซึ่งรู้ดีว่าแองเจลอสจะไม่มีทางปฏิเสธได้แน่
“ถ้าอย่างนั้นพี่คงต้องปล่อยให้สาขาที่นิวยอร์กปิดตัวไป พ่อกับแม่คงต้องโกรธพี่มากแน่ๆ ที่ไม่สามารถรักษาในสิ่งที่พวกท่านรักเอาไว้ได้”
ได้ผลสีหน้าของแองเจลอสอ่อนลงทันควัน หนุ่มผู้น้องถอนใจยาวๆ ขณะหันพวงมาลัยรถเข้าจอดข้างทาง และพูดขึ้น
“สาขาที่นิวยอร์กมีปัญหามากเลยหรือครับพี่ดิม ขนาดจะต้องปิดตัวเชียวหรือ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ หรือว่าพี่ดิมปิดข่าว”
“ใช่ พี่ปิดปากนักข่าวทั้งหมดด้วยเงินมหาศาลเชียวแหละ”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นครับพี่ดิม ทำไมพี่พูดเหมือนมันร้ายแรงมากยังงั้น”
“มีการทุจริตในเรื่องการจัดซื้อวัตถุดิบมาทำอาหาร ทำให้ของด้อยคุณภาพ ส่งผลให้ลูกค้าเกิดอาการอาหารเป็นพิษกันเกือบยี่สิบคน และทุกคนเตรียมฟ้องร้องทางเรา พี่จึงต้องเดินทางไปแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไม่จบแน่”
‘มันคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้วสินะ’ แองเจลอสใช้เวลาใคร่ครวญอยู่นานสองนานก่อนจะกัดฟันตกลงที่จะดูแลยายเด็กเหลือขอนามภิญญาพัชฌ์อย่างไม่มีทางเลือก แม้มันจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยที่จะพาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเด็กเหลือขอนั่นก็ตาม
“ก็ได้ครับ แต่แค่เดือนเดียวนะครับ เพราะหากนานกว่านี้ผมคงบ้าตายก่อนแน่”
วูบหนึ่งแองเจลอสเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาตามสาย แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วจนคล้ายกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น
“แน่นอน พี่จะรีบจัดการทุกอย่างให้จบโดยเร็วที่สุด ขอบใจมากนะเจสน้องรัก”
ผู้เป็นพี่ชายวางสายไปแล้วทิ้งให้แองเจลอสนั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความไม่สบอารมณ์อยู่ในรถคันงามเพียงลำพัง ดวงตาสีนิลวาวโรจน์ด้วยความชิงชัง
‘นี่เขาต้องไปยุ่งเกี่ยวกับแม่นั่นอีกแล้วใช่ไหม?’
หนุ่มหล่อถอนใจออกมายาวๆ หลายครั้งติดต่อกัน ใบหน้าคมสันอัดแน่นไปด้วยความขัดเคืองใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายที่ถือตัวยิ่งกว่าอะไรในชีวิตอย่างแองเจลอส เมเนนเดซจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงน่ารำคาญอย่างภิญญาพัชฌ์ด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้
“ฉันเหม็นขี้หน้าเธอนัก ยายลูกเป็ดขี้เหร่”
แองเจลอสกระทืบคันเร่งจนมิด พาเมอร์ซิเดสเบนซ์สปอร์ตสีดำคันงามมุ่งหน้ากลับไปยังเพนต์เฮาส์สุดหรูราคาแพงจับใจของตนอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางก็ภาวนาให้แม่ภิญญาพัชฌ์หายออกไปจากชีวิตของพวกเขาสักที
ภิญญาพัชฌ์เป่าปากด้วยความโล่งอกเมื่อก้าวออกมาจากห้องสอบ ดวงหน้าขาวเนียนไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มผุดผาดน่าอิจฉาชะเง้อชะแง้ราวกับกำลังหาใครบางคน ดวงตากลมโตหวานฉ่ำด้วยแพขนตายาวงอนกวาดมองไปรอบๆ บริเวณ แล้วกลีบปากอิ่มสีกุหลาบที่อยู่ใต้ปลายจมูกโด่งเชิดก็คลี่แย้มออกด้วยความยินดี
“นิ่ม! ทางนี้นิ่ม” สาวน้อยกวักมือเรียกเพื่อนสนิทด้วยความดีใจ พร้อมๆ กับรีบเดินเข้าไปหา สองสาวยิ้มกว้างให้กัน
“สอบเสร็จแล้วหรือภิญ”
“ของวันนี้เสร็จแล้วล่ะจ้ะ แต่พรุ่งนี้ยังไม่เสร็จ แล้วนิ่มล่ะสอบครบทุกวิชาหรือยัง ไอ้ที่ต้องตามเก็บน่ะ”
นาบุญส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ
“ยังไม่เสร็จ เหลืออีกตั้งหลายวิชา เซ็งมากเลย”
“ไม่เห็นต้องเซ็งเลย แค่นิ่มอ่านหนังสือมากๆ ข้อสอบไหนๆ ก็ทำอะไรนิ่มไม่ได้ทั้งนั้น ว่าแล้วเรากลับไปอ่านหนังสือกันดีกว่านะ พรุ่งนี้จะได้หัวลื่นๆ ไง” ภิญญาพัชฌ์เอ่ยชวนเพื่อนด้วยท่าทางกระตือรือร้น แต่คู่สนทนาคนสวยแสนเอาแต่ใจดันส่ายหน้าดิกซะงั้น
“ไม่เอาหรอกภิญ อ่านหนังสือจนปวดหัวไปหมดแล้ว ไปหาที่นั่งฟังเพลงกันดีกว่า สมองจะได้ปลอดโปร่งมากกว่านี้”
ความคิดของเพื่อนสนิททำเอาภิญญาพัชฌ์ถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนจะร้องค้านออกไปเสียงแข็งบ่งบอกว่าตัวเองไม่เห็นด้วยอย่างมากเลยทีเดียว
“ไม่เอานะนิ่ม อย่าทำตัวเกเรสิ กลับบ้านไปอ่านหนังสือเถอะ นะ...ภิญขอร้องล่ะ”
