บทที่ 3 ตอนที่ 3
ภิญญาพัชฌ์แตะแขนเพื่อนรักเบาๆ อ้อนวอนขอร้อง แต่คุณหนูผู้แสนเอาแต่ใจอย่างนาบุญไม่เห็นด้วยเลยสักนิด เพราะเจ้าหล่อนยังคงยืนยันเจตนารมณ์เดิมออกมาอีก
“ไม่เอา! ถ้าภิญไม่ว่างก็ไม่เป็นไร นิ่มไปคนเดียวได้”ใบหน้างดงามของนาบุญเต็มไปด้วยความน้อยใจแกมผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
“นิ่มจะไปที่ไหนคนเดียวเหรอ อย่าบอกนะว่าที่ไนต์คลับนั่นอีกแล้ว” ภิญญาพัชฌ์แสดงท่าทางตกใจ แล้วก็ต้องตกใจมากขึ้นเมื่อเพื่อนสนิทพยักหน้ารับ
“ก็ที่นั่นแหละ นิ่มอยากดื่มนี่ ดื่มให้กับชีวิตอันขมขื่นของตัวเอง”
“ไม่เอาน่านิ่ม อย่าคิดมากสิ ไหนๆ เรื่องมันก็เลยเถิดมาจนถึงป่านนี้แล้ว รอเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นก่อนไม่ได้เหรอแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อไปน่ะ” ภิญญาพัชฌ์คว้าแขนกลมกลึงของนาบุญเอาไว้เมื่อแม่คุณทำท่าจะเดินหนี
“นิ่มไม่มีทางรักใครได้อีกแล้วนอกจากพี่พุทธ ต่อให้นายคนนั้นหล่อปานเทพบุตรก็ตาม”
“แต่ภิญว่า...”
“ภิญรีบกลับไปอ่านหนังสือสอบเถอะ นิ่มจะไปตามทางของนิ่มเหมือนกัน”
นาบุญแกะมือของเพื่อนรักออกจากแขนของตน จากนั้นก็รีบก้าวยาวๆ เดินออกไปยังหน้ามหาวิทยาลัย ภิญญาพัชฌ์มองตามไปด้วยความเป็นห่วง สมองกำลังมึนงงอย่างหนัก
‘นี่หล่อนจะทำยังไงดี จะปล่อยนาบุญให้ไปนั่งดื่มเหล้าคนเดียวเหรอ ไม่ได้! หากนาบุญเมาแล้วถูกใครลากไปทำมิดีมิร้ายล่ะ จะทำยังไง’ และด้วยความห่วงใยที่มีต่อเพื่อนทำให้ภิญญาพัชฌ์ตัดสินใจที่จะวิ่งตามนาบุญออกไป
“นิ่ม รอภิญก่อนสิ”
นาบุญได้ยินเสียงภิญญาพัชฌ์จึงหยุดเดินและหมุนตัวกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ
“ไหนว่าจะรีบกลับไปอ่านหนังสือไงล่ะภิญ แล้วตามนิ่มมาทำไม”
เจ้าของชื่อถอนใจออกมาแรงๆ มองเพื่อนด้วยสายตาตำหนิ
“ก็จะให้ภิญปล่อยนิ่มไปเมาหัวราน้ำคนเดียวได้ยังไงล่ะ เดี๋ยวใครลากไปปู้ยี่ปู้ยำจะทำยังไง”
นาบุญระบายยิ้มออกมา ก่อนจะโผเข้ากอดร่างของเพื่อนรักเอาไว้แน่น
“ขอบใจมากนะภิญ ขอบใจที่เป็นห่วงนิ่ม นิ่มสัญญาว่าครั้งนี้จะดื่มเป็นครั้งสุดท้าย และต่อไปจะยอมทำตามคำแนะนำของภิญ ขอบใจมากเพื่อน”
“ไม่ต้องขอบใจหรอก เราเป็นเพื่อนกันนี่”
สองสาวยิ้มให้กันด้วยความจริงใจ ก่อนจะกวักมือเรียกรถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาให้จอด จากนั้นทั้งสองคนก็หายไปกับรถแท็กซี่สีเหลืองเขียวอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศภายในไนต์คลับชื่อดังใจกลางเมืองกรุงดูอื้ออึงไม่น้อย ภิญญาพัชฌ์ยี้หน้าให้กับควันบุหรี่ที่ฟุ้งกระจายอยู่รอบๆ ตัว แต่แล้วก็ทนไม่ไหวต้องไอแค่กๆ ออกมา นาบุญเงยหน้าจากแก้วเหล้ามองเพื่อนรัก ยิ้มบางๆ ประดับที่กลีบปากอิ่มสีกุหลาบ
“นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะที่เรามานั่งกันที่นี่ น่าจะชินได้แล้วนะภิญ”
ภิญญาพัชฌ์ส่ายหน้าน้อยๆ แววตาที่ฉายความกังวลใจอย่างไม่ปิดบังปรายไปมองนาบุญที่ตอนนี้หน้าตาแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
“ภิญว่าเรากลับกันเถอะนะนิ่ม นี่มันก็ดึกมากแล้ว”
หล่อนพูดประโยคนี้มาจนจะครบร้อยครั้งแล้ว แต่แม่เพื่อนสาวคนสวยก็ยังไม่ยอมวางแก้วเหล้าเลยแม้แต่น้อย ยังกระดกเอาๆ ราวกับไอ้สิ่งที่กำลังเทใส่คออยู่คือน้ำเปล่า
ก็รู้ว่านาบุญกลุ้มใจมากกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น แต่วิธีแก้ปัญหาแบบนี้มันสิ้นคิดชะมัด พยายามจะบอก พยายามจะห้ามปราม แต่นาบุญก็เอาแต่ใจเกินเหลือเกิน ถอดแบบนิสัยมาจากคุณหนูไฮโซผู้ถูกเลี้ยงมาแบบอยากได้อะไรก็ต้องได้เปี๊ยบเลย
ภิญญาพัชฌ์ถอนใจออกมาแรงๆ อีกครั้ง นั่งมองเพื่อนรักตาปริบๆ เมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธความหวังดีของหล่อนด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้
“ยัง...ยังไม่กลับ...ขออีกสักชั่วโมงหนึ่งนะภิญ”
หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือราคาร้อยเก้าสิบเก้าขึ้นมาเพ่งมองก่อนจะต่อรองออกมา
“ครึ่งชั่วโมงก็พอมั้งนิ่ม นี่ก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่มแล้ว เดี๋ยวคุณปู่จะเป็นห่วงนะ”
‘รวมทั้งยายแฉล้มของหล่อนด้วย’ ภิญญาพัชฌ์ต่อประโยคหลังภายในใจ มองเพื่อนรักด้วยสายตาวิงวอน แต่นาบุญกลับหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน นัยน์ตาหวานฉ่ำเป็นประกายวาบวับเหมือนประกายของเพชรเมื่อต้องกับแสงไฟระยิบระยับภายในไนต์คลับสุดหรู
“คุณปู่ไม่ห่วงนิ่มหรอก คุณปู่ห่วงแต่ความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น”
“ไม่จริงหรอกนิ่ม คุณปู่มีนิ่มเป็นหลานเพียงคนเดียว ทำไมท่านจะไม่รักไม่ห่วงนิ่มล่ะ”
ภิญญาพัชฌ์ค้านความคิดแบบเด็กๆ ของนาบุญ หล่อนว่าความคิดของหล่อนเด็กมากๆ แล้วนะ มาเจอความคิดของนาบุญ มันแย่มากกว่าหล่อนเสียอีก ภิญญาพัชฌ์ลอบถอนใจแรงๆ อีกครั้ง ก่อนจะพูดเตือนสติขึ้นมาอีกครั้ง
“เลิกต่อต้านท่านสักทีเถอะนิ่ม นะภิญขอร้องล่ะ กลับมาเป็นนิ่มสาวน้อยน่ารักที่มองอะไรก็สดใสคนเดิมเถอะ นะนิ่มนะ”
นาบุญเงยหน้าจากแก้วเหล้า ปรือตาที่จะลืมไม่ขึ้นของตนจ้องหน้าเพื่อนรักอย่างภิญญาพัชฌ์ แล้วก็ยิ้มอวดฟันสวยๆ ออกมาด้วยอาการของคนเมามาย
“นิ่มจะเป็นอย่างนี้ หรือบางทีอาจจะเป็นมากกว่านี้ ถ้าคุณปู่ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะจับนิ่มคลุมถุงชนกับผู้ชายคนนั้น นิ่มเกลียด!” นาบุญเน้นคำว่าเกลียดชัดเจนจนคนฟังถึงกับสะอึก แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้เช่นเดิม
“นิ่มจะต่อต้านทุกทาง จะทำทุกอย่างเพื่อให้นิ่มได้แต่งงานกับพี่พุทธ นิ่มจะทำ...”
