บทที่ 8 เชฟ 3
ลี่ฮุ่ยมองขนมเค้กชิ้นนั้นแล้วก็ต้องยกมือขึ้นทาบอก หัวใจเธอเต้นแรง ร่างกายอุ่นซ่านขึ้น
นานเท่าไรแล้ว ที่ไม่เคยเห็นอาหารที่สร้างความอยากกินได้มากมายเพียงนี้
สิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้น เธอเคยเห็นแต่ในรูปภาพ หรือไม่ก็งานเลี้ยงหรูหราตอนที่สามีเธอยังไม่ขอแยกทางกัน
“คะ เค้กกล้วยหอม...” ลี่ฮุ่ยว่าเสียงสั่น ก่อนสืบเท้าเข้าไปมองใกล้ ๆ เธอแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ นอกจากกลิ่นเนย กลิ่นกล้วยหอมแล้ว ยังมีอีกกลิ่นหนึ่งที่ทำให้เธอทึ่งจัด เค้กดังกล่าวผสมอบเชยป่นเข้าไปในตัวเนื้อแป้ง!
หอมมาก หอมเย้ายวน เป็นการผสมผสานอย่างลงตัว นอกจากนั้นยังมีเม็ดมะม่วงหิมพานต์สับหยาบโรยด้านบนสุด หล่อนสัมผัสได้ถึงความหวาน มัน และรสชาติละมุนตรงปลายลิ้น
“ยอดเยี่ยม! หน้าก็แตกพอดี โปะด้วยกล้วยหอมที่ฝานเป็นแผ่นบาง ๆ ทับไว้อีกชั้น แบบนี้ป้าต้องรีบไปเรียกให้คนมาถ่ายรูป!”
น้ำเสียงลี่ฮุ่ยเปลี่ยนไป เป็นภาพที่เยว่จือต้องยืนงงอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เธอจะหันไปมองม่านอวี้อันและเอ่ยถามว่า
“เอ่อ มาดาม... รู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมคะว่าต้องเป็นแบบนี้!”
“อือฮึ ฉันเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง มันอาจเสี่ยงอยู่มาก แต่ยิ่งเสี่ยง ก็ยิ่งน่าตื่นเต้นดีออก ตอนนี้ฉันตกเหยื่อรายแรกสำเร็จแล้วละ เสี่ยวจือ”
“เหยื่อที่ว่า คือป้าลี่ใช่ไหมคะ” เยว่จือเริ่มเข้าใจหลายสิ่งแล้ว
ม่านอวี้อันอมยิ้ม “ใช่ คนแบบนี้แหละ สมควรเป็นเหยื่อของฉัน ป้าลี่คือโทรโข่งชั้นดี และจะส่งเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน ไม่ช้าฉันก็จะมีชื่อเสียง”
ม่านอวี้อันตอบเยว่จือ แน่นอนว่าฝีมือเชฟเหรียญทองที่มีรายการอาหารเป็นของตัวเองถึงสองรายการ เหตุใดจะเนรมิตเค้กกล้วยหอมที่ตราตรึงใจผู้คนมิได้ ซึ่งนอกจากอาชีพเชฟ ม่านอวี้อันในโลกก่อนที่เธอจะจากมามีทรัพย์สินรวมแล้วเกินพันล้านเหรียญดอลลาร์ ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะกลุ่มลูกค้าที่สนับสนุนเธอเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จนมีทั้งคนรักมาก และคนที่จ้องโจมตีเธออยู่ตลอด โดยเฉพาะคู่แข่งทางการค้า แต่สุดท้ายคนที่น่ากลัวที่สุดกลับเป็นผู้ชายที่อยู่ข้างกายเธอมาหลายปี!
หญิงสาวสลัดเรื่องที่ผ่านมาทิ้ง อย่างไรเธอก็อยู่ในร่างคนอื่น ฉะนั้นต้องสู้ด้วยสิ่งที่มีตอนนี้ เธอคือ ม่านอวี้อัน คุณแม่ลูกแฝดแสนน่ารัก
แน่นอนเธอทำอาหารได้ และยังทำได้ดีเสียด้วย นั่นคือสิ่งที่เธอมาได้เรียนรู้จากยายกับแม่เลี้ยง ทว่าโลกที่หลุดเข้ามานี้ ถึงจะคล้ายโลกของเธอมากจนแยกไม่ออก แต่สิ่งสำคัญคือม่านอวี้จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงไม่ได้ มิเช่นนั้นทุกอย่างอาจส่งผลกระทบต่ออนาคตโดยที่เธอไม่อาจแก้ไขสิ่งใด และปลายทางย่อมพาทุกคนสู่ความตาย!
ในตอนนั้นเธอหวนคิดถึงคำพูดของลี่ฮุ่ย
“ป้ารู้หรอกนะ คุณนายมือบางตีนบางอย่างเธอจะทำอะไรเป็น พอถูกจับได้ว่าคิดขายลูกให้แก๊งมังกรซิ่งก็ทำสำออย ล้มหมอนนอนเสื่อ”
ม่านอวี้อันปวดหัวขึ้นมาอย่างปุบปับ ก่อนจะถามเยว่จือว่า
“เยว่จือ ฉันเคยคิดจะขายเด็ก ๆ ให้แก๊งมังกรซิ่ง เพื่อหักล้างค่าหนี้ที่ยืมพวกมันมาจริง ๆ หรือ”
สิ่งที่ม่านอวี้เอ่ยเป็นเรื่องที่เด็กสาวกลัวจับใจ ทั้งไม่อยากคิดถึงมันอีก เยว่จือเม้มปากชิด เธอจำภาพดังกล่าวได้ติดตา จู่ ๆ คุณผู้หญิงก็เหมือนคนเสียสติ บอกว่าตัวเองกำลังจะจมน้ำตาย ปากก็ด่าทอผู้ชายคนหนึ่งว่าสารเลว เขาร่วมมือกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ หวังฮุบกิจการทั้งหมดไป ยิ่งกว่านั้นคนที่คอยชักนำพวกเขาก็คือบิดาของเธอเอง!
“ฆ่ามัน ลากหัวไอ้หน้าตัวเมียกับผู้หญิงสารเลวมาให้ฉัน แล้วนี่เธอเป็นเด็กใหม่หรือ ทำไมถึงโง่และเซ่อซ่าอย่างนี้ บ้าจริง เสียงเด็กร้องไห้อะไรนักหนา หาอะไรอุดปากไว้สักที ไม่ก็กรอกยาเบื่อหนูให้ตายไปเลย ฉันไม่มีสมาธิทำอะไรแล้ว”
เยว่จือตื่นตระหนก หลังจากม่านอวี้อันบอกว่าเหนื่อยและหายใจไม่ออก เธอจึงรีบไปหาเจิ้งข่าย แต่ฝ่ายนั้นไม่อยู่บ้าน พบแต่ลี่ฮุ่ยที่ปั้นหน้าหงิกใส่ เธอเลยวิ่งไปยังร้านขายยาเถ้าแก่โจว แต่ดันต้องเจอโรส ภรรยาเขาเสียก่อน กว่าจะได้พบชายเจ้าของร้านเธอก็ต้องเสียเวลาอยู่นาน และอีกฝ่ายทำได้เพียงให้ยามาสองสามแผง พร้อมบอกว่าว่างเมื่อไรจะมาช่วยดูอาการให้ เมื่อเธอกลับถึงบ้านก็เห็นว่าม่านอวี้อันจับสองแฝดขังไว้ในห้องน้ำ จากนั้นก็อาละวาดค้นข้าวของวุ่นวายไปหมด
“มือถือฉันอยู่ไหน แล้วนี่ถ่ายรายการอะไร ถึงมีบ้านเก่า ๆ โทรมแบบนี้ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ถ่ายที่สตูดิโอเท่านั้น อย่าให้ฉันออกนอกพื้นที่! พวกนักข่าว พวกแอนตี้ฉัน มันคอยตามรังควานอยู่”
เยว่จือไม่เข้าใจสิ่งที่ม่านอวี้อันพูด พอเธอจะเข้าไปหาเพื่อยื่นซองยาลดไข้ให้ คุณผู้หญิงก็หวีดร้องขึ้นอีก
“เธอรู้ไหม... ผู้ชายเฮงซวยกับนังน้องสาวแสนดี มันร่วมมือกันฆ่าฉัน ไป... แจ้งความ ลากคอพวกมันเข้าคุกให้หมด”
“คุณผู้หญิง... ตั้งสติก่อนนะคะ หนูกลัวไปหมดแล้ว”
“ใครคือคุณผู้หญิง แล้วกลัวฉันเรื่องอะไร เธอรู้ไหมฉันเป็นใคร นักบุญสาวสวยแห่งยุคย่ะ ฉันคือผู้หญิงที่มอบโอกาสให้คนยากจนลืมตาอ้าปากได้ ฉันชื่อ...” ในขณะที่หญิงสาวเกือบจะหลุดชื่อของตัวเองออกมา ร่างบอบบางก็หลับไปกลางอากาศเสียดื้อ ๆ
