บทที่ 2 แรกรักผลิบานดั่งหลานฮวา ภายหลังดุจปุยดอกหลิ่วปลิวมลาย 2
ฉางซื่อหลางได้ยินเช่นนั้นก็ให้ดีใจนัก คอยดูแลประคบประหงมหานฉงหรงราวกับสมบัติล้ำค่า องค์หญิงเองก็ส่งสมุนไพรบำรุงครรภ์ชั้นดีจากในวังมาให้ นางรับมาโดยดี แต่ก็ยังอดนึกระแวงไม่ได้ ในเรื่องราวหลังบ้านเช่นนี้ ไม่รู้ว่าองค์หญิงจะยินดีอย่างปากพูดหรือไม่ ทำให้หานฉงหรงแอบเทยาขององค์หญิงทิ้ง แล้วให้สาวใช้แอบซื้อยาบำรุงครรภ์จากภายนอกมากินเอง
เวลาผ่านไปจนครบสิบเดือน หานฉงหรงคลอดลูกชายคนแรกของตระกูลฉางได้สำเร็จ ฉางซื่อหลางนั้นปีติยินดีนัก องค์หญิงเวินอี๋เองก็มาร่วมยินดีด้วย นางมอบของมีค่าหลายอย่างให้กับนาง รวมไปถึงอาหารยาบำรุงอีกหลายขนาน ฉงหรงได้เห็นหน้าลูกน้อยเพียงแค่ชั่ววิบตาเดียวก็มีแม่นมมาพาออกไป...เด็กน้อยเนื้อตัวขาวนุ่ม ท่าทางแข็งแรง น่ารักน่าชังอย่างยิ่ง ฉางซื่อหลางยังคงกดจูบที่หน้าผากมน ปลอบประโลมภรรยาที่ลำบากแสนสาหัสคลอดลูกให้เขา ท่ามกลางสายตาขององค์หญิงที่มองด้วยสายตาเรียบนิ่งไร้ซึ่งระลอกคลื่นริษยา...
เมื่อพ้นกำหนดสามเดือนของการอยู่เดือน ทว่าร่างกายของหานฉงหรงก็ไม่ค่อยสู้แข็งแรงดังเดิม ฉางซื่อหลางจึงให้หมอมาตรวจ ได้รับคำตอบว่า คนที่คลอดลูกก็เหมือนก้าวขาเข้าประตูผีไปก้าวหนึ่ง ร่างกายยากจะกลับมาฟื้นฟูให้ดีดังเดิม ทำให้ต้องกินยาบำรุงไปตลอดชีวิต ซึ่งตัวหานฉงหรงเองไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ขอแค่ได้อยู่กับลูกก็พอ
เวลาผ่านไปสามเดือน หกเดือน จนกระทั่งลูกชายตัวน้อยของนางอายุได้เก้าเดือน...เริ่มเรียกหานฉงหรงว่า "แม่" ได้ไม่ชัดนัก ร่างกายของหานฉงหรงกลับทรุดโทรมลงทุกที ผิวที่ขาวอยู่แล้วเริ่มขาวซีดปานซากศพ ร่างกายที่ผอมบางอยู่แล้วก็เริ่มซูบลงจนเห็นเส้นเลือดที่แขนขาปูดโปนเลื้อยพาดผ่านราวงูดิน และเริ่มมีอาการไอถี่ๆ สุดท้ายในวันหนึ่งของช่วงต้นเหมันต์บนผ้าเช็ดหน้าปักลายเหมยเขียวของนางก็มีหยดเลือดแต้มขนาดใหญ่เท่าผลลิ้นจี่
ฉางซื่อหลางไม่เคยละเลย เขาตามมาหมอมารักษาหานฉงหรง แต่หมอทุกคนต่างส่ายหน้า ได้แต่บอกเพียงให้นางถนอมช่วงเวลาที่อยู่กับคนรักเอาไว้ให้ดีๆ เขาเองก็เริ่มปลงตก ไม่ร้องขอให้สามีหาหนทางรักษาอีกต่อไป ทุกวันขอเพียงได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของลูกก็พอใจมากแล้ว
จนวันหนึ่งในปลายฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ อาการของหานฉงหรงเริ่มแย่ลง แม้ไม่ล้มหมอนนอนเสื่อ แต่อาการก็ใช่ว่าจะดี หญิงสาวกระชับเสื้อหนาวในอ้อมแขน หมายจะไปเยี่ยมฉางซื่อหลางที่กำลังอยู่ในห้องหนังสือ แสงไฟยังส่องสว่างนวลตา ทว่าได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกของชายหนุ่มหญิงสาวลอดออกมา
"ซื่อหลาง ท่านว่าสตรีผู้นั้นจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใด?"
"กระหม่อมถามท่านหมอแล้ว คิดว่าคงไม่พ้นหนาวนี้"
น้ำเสียงหวานรื่นหูแฝงด้วยกระแสปีติ "ดี...ดียิ่งถ้าให้นางมีชีวิตอยู่นานกว่านี้ เด็กคนนั้นคงไม่มีวันยอมรับข้าเป็นแม่แน่นอน"
"เด็กคนนั้นจะไม่ยอมรับท่านเป็นแม่ได้อย่างไร ในเมื่อในวันข้างหน้าเขาจะมีแม่เพียงคนเดียว คือองค์หญิง"
"น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจมีลูกให้ท่านได้" น้ำเสียงเครือเจือสะอื้นเบาๆ ดังออกมา มีเสียงทุ้มนุ่มออดอ้อนตบท้าย
"องค์หญิงอย่าเสียพระทัย ท่านมีลูกชายคนนี้ก็พอ เพราะเหตุนี้ ข้าถึงรับฉงหรงมาอยู่ที่นี่ ขอเพียงฉงหรงมีลูกให้องค์หญิง นางก็หมดค่า"











































