บทที่ 6 บทที่ 6 ครูประจำชั้น
รถอีแต๋นเครื่องคูโบโต้ 95 แรงม้า วิ่งผ่าแดดตอนตะวันตรงหัวมาบนถนนลูกรังด้วยความเร็วสูง คนขับยกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลเข้าตา ทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากครูประจำชั้น แทนไทก็ละมือจากงานที่ทำ แล้วควบพาหนะคู่ใจมาอย่างเร็ว ไม่เสียเวลาแวะที่ไหนทั้งนั้น เป็นห่วงคนที่โรงเรียนที่สุด เพราะครูแจ้งว่ารวงข้าวมีเรื่องทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนอีกแล้ว
“จะรีบไปไหนผู้ใหญ่!”
ระหว่างทางมีชาวบ้านร้องถามหลายราย ผู้ใหญ่หนุ่ม ทำเพียงโบกมือทักทาย เพราะเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่ม ควันโขมง ทำให้ฟังไม่รู้เรื่องว่าคนที่สวนทางมาถามว่าอะไร
กระบะสี่ประตูคันใหญ่ชะลอความเร็ว ตีไฟหลบเข้า ข้างทาง เมื่อคนขับเห็นรถอีแต๋นคุ้นตาขับมาด้วยความเร็วสูง กรรัมภามองหน้าสามีแล้วชะเง้อมองรถที่สวนมาด้วยความห่วงใย ถ้าผู้ใหญ่รีบขนาดนี้น่าจะมีเรื่องที่โรงเรียนอีกตามเคย ตั้งแต่รวงข้าวเข้าโรงเรียน ก็มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อน ๆ เป็นประจำ เพราะเพื่อนที่โรงเรียนล้อว่ารวงข้าวไม่มีแม่
“สงสัยมีเรื่องที่โรงเรียน” พายุพูดกับภรรยา แล้วลดกระจกรถลง เมื่ออีแต๋นคันโก้ขับเข้ามาจอดแทบใกล้ ๆ เสียงรถอีแต๋นทำให้หญิงสาวต้องยกมือขึ้นปิดหู
“ไปไหนมาพี่ลม!” แทนไทตะโกนถามแข่งกับเสียงรถ
“พาเพลงไปซื้อของเตรียมงาน จะรีบไปไหน!” พายุตะโกนกลับมา
“นักมวยคนเก่งทะเลาะกับเพื่อนอีกแล้วพี่!”
“เออ... ค่อย ๆ คุยกันล่ะ คราวนี้กับใครอีก!”
“ลูกชายเถ้าแก่แป๊ะร้านขายปุ๋ย สงสัยผมต้องเข้าไปซื้อของที่จังหวัดแล้วพี่ ไอ้รวงมีเรื่องกับเขาไปทั่วเลย!”
แทนไทพูดติดตลก คราวก่อนทะเลาะกับลูกสาวเจ๊เล็กร้านโชห่วย คราวนี้กับลูกชายเถ้าแก่ร้านปุ๋ย อีกหน่อยร้านค้า ในหมู่บ้านคงไม่มีใครขายของให้เขา เพราะรวงข้าวมีเรื่องไปทั่ว
“ให้มันได้อย่างนี้สิ เจ้ารวงนี่มันเก่งเหมือนใครหว่า” พายุตบเข่าฉาดสะใจที่หลานสู้คน
กรรัมภาค้อนให้สามีวงโต มันใช่เรื่องดีที่ไหน ที่คนเป็นลุงภูมิใจเวลาที่หลานมีเรื่อง อีกอย่างรวงข้าวก็เป็นเด็กผู้หญิง ในสายตาคนอื่นจะมองว่าเป็นเด็กก้าวร้าว ถ้ายังปล่อยไว้ แบบนี้อาจจะมีผลเสียกับรวงข้าว เพราะเด็กไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำมัน ไม่ถูกต้อง
“ค่อย ๆ คุยกันนะคะคุณแทน รวงข้าวยังเด็ก ค่อย ๆ สอนแกไปค่ะ” ตะโกนบอกกับผู้ใหญ่หนุ่ม ก่อนจะแยกย้ายกันเมื่อ มีรถอีกคันสวนมา แทนไทมุ่งไปข้างหน้าในขณะที่พายุพาเมียกลับบ้าน
ผู้ใหญ่หนุ่มพารถอีแต๋นมาจอดหน้าโรงเรียน สำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง แล้วเดินเข้าไปด้านในทักทายภารโรงพอหอมปากหอมคอ ก่อนจะเดินต่อไปยังห้องพักครู เขาเรียนจบ ชั้นประถมจากที่นี่ และต้องมาติดต่อธุระเป็นประจำเลยคุ้นชิน
เท้าหนาหยุดชะงักใบหน้าร้อนผ่าว ตาคมเข้มก้มมองตัวเองอีกครั้ง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ที่โรงเรียนไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะครูอัญชลีที่เป็นครูประจำชั้นของรวงข้าวลาคลอด จึงให้ครูนิลรัตน์ที่เพิ่งย้ายมาใหม่รักษาการแทน หนุ่มใหญ่หัวใจฟูคับอกเมื่อนึกถึงหน้าครูคนสวย ร่างสูงหันซ้ายหันขวามองหาก๊อกน้ำ ล้างมือล้างหน้าเอาดินโคลนออกสักหน่อยก็ดี เพราะคุณครูคนสวยอาจจะไม่ถูกใจสิ่งนี้
“เชิญด้านในค่ะผู้ใหญ่” เสียงหวานใสที่กล่าวเชื้อเชิญดังมาพร้อมกับสาวสวยในชุดข้าราชการ ยกมือขึ้นไหว้เขาอย่างสวยงาม
เมื่อแทนไทเดินมาถึงหน้าห้องพักครู ตาคมเข้มมองหน้าครูสาว แล้วมองหาลูกสาวกับคู่กรณี เมื่อไม่เห็นนั่งอยู่ในห้อง ก็สงสัย
“มิ้มให้เด็ก ๆ ไปทานข้าวและเล่นกับเพื่อน ๆ ตามปกติค่ะ ที่มิ้มโทร. ไปรบกวนก็เพราะมีเรื่องจะคุยกับคุณพ่อน่ะค่ะ เชิญนั่งก่อนค่ะ” ครูสาวเข้าเรื่องทันที เพราะอีกไม่นานก็จะ หมดเวลาพักเที่ยง
“ครับ” แทนไทกลืนน้ำลายลงคอ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับคุณครู กลิ่นโคลนที่ติดมากับตัวเขาฟุ้งกระจาย เมื่อถูกพัดลมเพดานเป่ารด รู้แบบนี้เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ดี น่าอายที่สุด
“มิ้มต้องเรียนกับคุณพ่อตรง ๆ นะคะ จากที่คุณครูประจำชั้นคนเก่าแจ้งว่า รวงข้าวเข้ากับเพื่อน ๆ ไม่ค่อยได้ และค่อนข้างก้าวร้าว อันนี้คุณพ่อคงทราบมาบ้างแล้วนะคะ” นิลรัตน์เกริ่นนำเพราะเธอเองก็เพิ่งเข้ามาเป็นครูประจำชั้น ป.1 ได้ไม่นาน
“ครับ...มีทางไหนที่ครูพอจะช่วยได้บ้างครับ เพราะผมเองก็ไม่ค่อยมีเวลาดูแลแก” แทนไทสารภาพไปตามตรงว่า เขาดูแลลูกได้ไม่เต็มที่ ลูกจึงเป็นแบบนี้
“ไม่ต้องเครียดนะคะ ยังแก้ไขได้ค่ะ ก่อนอื่นมิ้มอยากทราบว่าปกติแล้ว รวงข้าวอยู่กับใครคะ ใครเป็นคนดูแลแก”
“ใบบัวครับ น้าสาวของรวงข้าว”
“ค่ะ น้าสาว...โตหรือยังคะ”
“เอ่อ...ยังครับ น่าจะราว ๆ สิบเจ็ดสิบแปดประมาณนี้ครับ” นึกคำตอบอยู่พักใหญ่ เพราะเขาเองก็จำอายุใบบัวไม่ได้
“โอเคค่ะ มิ้มเข้าใจปัญหาแล้ว...อย่างนี้นะคะ คุณพ่อลองนึกภาพสิคะ ว่าเป็นแบบที่มิ้มพูดหรือเปล่า น้าของรวงข้าวเป็นเด็กที่ค่อนข้างหัวแข็งหรือเปล่าคะ มิ้มจะใช้คำว่าอะไรดีล่ะ เอาตรง ๆ นะคะ ใบบัวนี่ก้าวร้าวไหมคะ แบบแข็งกระด้าง สู้คน พูดจาไม่เพราะเป็นแบบนี้ไหมคะ”
แทนไทคิดตาม ที่ครูพูดมาก็ถูกทุกอย่าง ถึงแม้ใบบัว จะเรียนหนังสือ แต่ยังมีนิสัยเหมือนเด็ก ๆ จึงพยักหน้ารับ
“ค่ะ...รวงข้าวจึงซึมซับสิ่งเหล่านี้มาจากเธอค่ะ ก่อนอื่นมิ้มอยากให้คุณพ่อลองแยกรวงข้าวออกมาจากน้าสาวสักพัก แล้วลองสังเกตพฤติกรรมดูว่ารวงข้าวดีขึ้นไหม”
“เอ่อ...คือผมต้องอาศัยให้ใบบัวสอนการบ้านและช่วยดูแลน่ะครับ ช่วงนี้งานผมเยอะ”
“เอาอย่างนี้ไหมคะ หลังเลิกเรียนวันจันทร์ถึงศุกร์ ให้แกอยู่กับมิ้มที่บ้านพักครู มิ้มจะช่วยสอนการบ้านให้ คุณพ่อเสร็จงานตอนไหนก็มารับกลับ ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็เอารวงข้าวมาไว้กับมิ้มที่บ้านพัก มิ้มจะได้สอนพิเศษให้แกด้วย”
นิลรัตน์เสนอวิธีแก้ปัญหาให้คนเป็นพ่อฟัง เพราะเข้าใจว่าเขาไม่มีเวลา เลยอยากช่วยเหลือ
“เอ่อ...คือ...มันจะรบกวนครูไหมครับ”
“ไม่เลยค่ะ มิ้มสอนพิเศษให้เด็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ กับบ้านพักอยู่แล้ว อีกอย่างมิ้มก็ไม่มีใคร รวงข้าวจะได้มาอยู่เป็นเพื่อนมิ้มด้วย มิ้มเต็มใจค่ะ เราจะได้ช่วยกันปรับพฤติกรรมแกไปพร้อม ๆ กัน”
ผู้ใหญ่หนุ่มหน้าแดงเมื่อครูสาวเน้นคำว่าไม่มีใครให้ได้ยินชัด ๆ ถ้าเขาไม่ได้คิดไปเองแสดงว่า ครูสาวกำลังเปิดทางให้เขาเข้าหาเธอ
“เอางั้นก็ได้ครับ ขอบคุณครูมากนะครับ”
“เป็นหน้าที่ของครูอยู่แล้วค่ะ อย่าคิดเป็นบุญคุณเลยนะคะ มิ้มเต็มใจช่วยเหลือ” นิลรัตน์มองหน้าผู้ใหญ่หนุ่ม เพื่อสื่อให้เขารู้อะไรบางอย่าง ถ้าแทนไทไม่ซื่อจนเกินไป คงรับรู้สิ่งที่เธอพยายามสื่อสาร เธอเคยเห็นเขาตามงาน และตอนที่มีกิจกรรมที่โรงเรียนหลายครั้ง รู้มาตลอดว่ารวงข้าวมีน้าคอยดูแล คิดว่าน้าของรวงข้าวจะเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง แต่ที่ไหนได้ใบบัวที่คนอื่นพูดให้ฟังเป็นสาวสะพรั่งและสวยมากด้วย จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งที่ จะปล่อยให้แทนไทใกล้ชิดกับเธอต่อไป เพราะตอนนี้เธอรู้สึกชอบผู้ใหญ่หนุ่มขึ้นมาบ้างแล้ว
