บทที่ 4 ครอบครัวของคีรี
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก... เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น สองคนรีบผละตัวออกจากกันทันที
หมอเนเน่รีบลุกขึ้นยืนทำหน้าแดงอยู่ตรงนั้น ตอนนี้หัวใจเต้นเร็วแรงเป็นเสียงกลอง
“คุณหมอคะ เข้าห้องตรวจได้แล้วค่ะ” พี่พยาบาลโผล่หน้าเข้ามาบอก
เนเน่หันมายกมือโบกลาเขา วันนี้เธอกับเขาต้องแยกกันทำงาน เพราะมีคุณหมอไม่อยู่หนึ่งคน
“เดี๋ยวเนเน่” เขารีบลุกขึ้นไปจับมือของเธอเอาไว้แน่น
“คะ” เธอยกหน้าขึ้นมองเขา
“ว่าไง ตกลงไหม” เขาทำเสียงจริงจัง เธอหัวเราะออกมาทันควัน
“ค่ะ ตกลง” คำตอบของเธอทำให้เมฆถึงกับยกมือทั้งสองข้างแล้วดึงศอกกลับไปข้างหลัง ปากก็ขยับพูดว่า “เย้ๆ...” แต่ไม่ออกเสียง
เนเน่ยกมือขึ้นมาปิดปาก ก่อนจะทำท่าส่งจูบให้กับเขา แล้วเปิดประตูเดินออกไป
หมอเมฆยังยืนยิ้มอยู่ที่เดิม จนพยาบาลคนเดิมชะโงกหน้าเข้ามาใหม่อีกครั้ง แค่เห็นสายตาของเธอปากยังไม่ได้ขยับพูด
“โอเคครับ ไปตอนนี้เลยครับ” เขารีบแจ้นออกจากห้องวันนี้ทำงานด้วยความสดใสไปทั้งวัน
หลังจากวันนั้น สองหมอหนุ่มสาวก็ขยันเติมความหวานให้แก่กัน ทั้งเทกแคร์และดูแลกัน จนสร้างความอิจฉาไปทั่วทั้งโรงพยาบาล
จะไม่ให้อิจฉาได้ไง ทั้งสองคนสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก คุณหมอคฑาวุธก็หล่อ คุณหมอญารินดาก็สวย มีแต่คนลุ้นว่าเรียนจบให้แต่งกันเลย
ทุกๆ วันของทั้งคู่เต็มไปด้วยความวุ่นวายแต่ก็แฝงไปด้วยวันชื่นคืนสุขอย่างแท้จริง
“อู้ย... ร้อนๆ หลบหน่อยจ้ะที่รักจ๋า” หมอเมฆเรียกเธอประจำแบบนี้เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
“ระวังค่ะพี่เมฆ... มันร้อน พี่เมฆทำไมไม่ใช่ผ้ารองมือคะ ประมาทจริงๆ” เธอว่าให้แฟนหนุ่ม ยกมือตีไปที่หลังมือของเขาเบาๆ
“วันนี้เมนูอะไรคะ โม้นักหนาว่าทำอร่อย” เธอถามเขาอย่างไรเขาก็ไม่ตอบ ขออุบเอาไว้ก่อน
“หมูฮ้อง” เขาบอกเธอ เนเน่ก้มหน้าลงไปมองอย่างไรก็เหมือนพะโล้ดีๆ นี่เอง แต่น้ำมันงวดแห้ง สังเกตเนื้อหมูที่อยู่ในนั้นมีสีแดงเข้ม และตอนนี้กลิ่นหอมของหมูฮ้องลอยฟุ้งมีควันร้อนๆ ขึ้นมา
“อย่านะ ต้องลองกินดูก่อนแล้วจะติดใจ พี่ก็ทำเป็นอยู่เมนูเดียวนี่แหละ มันเป็นของโปรดของพี่นะครับ การันตีว่าอร่อยหาที่เปรียบไม่ได้” เขาโม้กับเธออีกครั้ง ตักข้าวจากหม้อหุงข้าวใบเล็กๆ ที่พอกินกันสองคนใส่ในจานของหญิงสาว
“เอาอีกไหม” เขาถามเพราะตักให้หญิงสาวสองทัพพีแล้ว
“เนเน่บอกแล้วว่าเอาทัพพีเดียว” เธอเอ่ยปากออกไปทันที
“ไม่ได้โบราณเขาถือ บ้านพี่ตักข้าวอย่างน้อยเราต้องตักสองทัพพี ตักทัพพีเดียวไม่ได้” เขาบอก
“บ้านเนเน่ไม่เห็นมีธรรมเนียมแบบนี้” เธอเถียง
“เอาเหอะน่า กินได้แล้วจ้าคนสวย ของอร่อยที่สุดในโลกวางอยู่ตรงหน้าคุณผู้หญิงแล้วครับ” พูดจบเขาก็ตักหมูฮ้องใส่ในจานของหญิงสาว
“อืม...” เนเน่ทำเสียงพอใจในลำคอทันทีที่หมูฮ้องเข้าไปในปาก เธอเคี้ยวอย่างช้าๆ ละเมียดละไม
“เป็นไงๆ อร่อยไหม” เขารีบถามเพราะอยากรู้ อยากได้ยินคนรักเอ่ยชมในฝีมือทำอาหารของเขาที่ภูมิใจนำเสนอสุดๆ เธอยังคงทำแกล้งเคี้ยวแบบช้าๆ ให้หมอหนุ่มรอเอาคำตอบ
หมอเมฆทำงอน เลื่อนถ้วยหมูฮ้องออกมาจากตรงหน้าของหญิงสาว แล้วเลื่อนจานไข่เจียวกับต้มจืดไปไว้แทน ตักกินงึมงำคนเดียวทำสีหน้าเง้างอน
“เฮ้อ... ไม่อร่อยก็ไม่ต้องกิน คนเขาอุตส่าห์ทำสุดฝีมือ”
เนเน่หัวเราะขึ้นเบาๆ
“อร่อยค่ะพี่เมฆ” คำตอบของหญิงสาวทำให้เขาหันมามองหน้าเธอเต็มใบหน้า เปลี่ยนสีหน้าที่บูดบึ้งเป็นดีใจยิ้มกว้าง
“งั้นก็กินเยอะๆ นะครับ เอาอีกจ้า...” เขาตักหมูฮ้องให้อย่างเอาใจ
สองหนุ่มสาวหยอกเย้ากันอยู่ตรงนั้นอย่างมีความสุข
“ยายเนเน่ส่งข่าวมาบ้างไหม” คุณหญิงแก้วกัลยาถามลูกสะใภ้ถึงหลานชังที่หญิงสาวช่างเป็นคนที่ชอบขัดอกขัดใจคุณย่าไปเสียทุกอย่าง
“ก็โทรมาอยู่ค่ะ คุณแม่ สบายดีค่ะ บอกว่าไม่ได้ลำบากอะไร รุ่นพี่ก็ดี เพื่อนร่วมงานก็ดี” ญาดาบอกกับนาง
“เอ่อ... มันไม่มีแก่ใจจะถามหาย่าของมันบ้างเลยเหรอ ใจดำจริงๆ นิสัยเหมือนพ่อมันไม่ผิดเพี้ยน ไม่ได้ดังใจเลย” คุณหญิงพานนึกไปถึงลูกชาย ญารินดาถอดนิสัยของคีรีมาทุกกระเบียดนิ้ว
ญาดานั่งยิ้ม คุณหญิงแก้วกัลยาก็บ่นแบบนี้อยู่ประจำถึงลูกสาวคนโตของเธอที่มีความคิดเป็นของตัวเอง และไม่เคยยอมทำตามคำสั่งของคุณย่าเลยแม้แต่อย่างเดียว ก็เรื่องที่คุณย่าขอ เนเน่คิดเสมอว่ามันค่อนข้างหน่อมแน้มและไร้สาระ
“อะไรกันคะ คุณย่า บ่นเป็นหมีกินผึ้ง” ญานิสาส่งยิ้มกว้าง ยกแขนขึ้นสวมกอดเอวของคุณย่าไว้อย่างแสนรัก
ฟอด... คุณหญิงหอมแก้มของหลานรักทันทีที่เธอเข้ามาซบอยู่ที่ยอดอก
“ใครก็ไม่น่ารักเท่าหน้อยแน่ของย่า วันนี้เราไม่ออกไปไหนเหรอจ๊ะ” คุณย่าใช้มือจับลูบใบหน้าสวยๆ ของเธอ และเขี่ยปอยผมทัดหูให้
“วันนี้ไม่มีคิวถ่ายค่ะ หน้อยแน่อยู่บ้านกับคุณย่าดีกว่า” เธอช่างออดอ้อน
