บทที่ 16 พบอดีต

ลุคส์ อัลเบอร์ทีนเดินเข้าไปในอาคารบริษัทคาร์ไดมอนด์ วันนี้เขามีนัดหมายกับประธานบริษัทจำหน่ายรถยนต์ระดับประเทศ พนักงานมากมายต่างหยุดมอง มาถึงห้องประชุมใหญ่ซึ่งทางบริษัทจัดไว้ต้อนรับ พนักงานเปิดประตูให้เขาเข้าด้านในพร้อมบอดี้การ์ด ลุคส์กวาดตามองบรรดาผุ้บริหารกำลังนั่งรอเขา

ภูมิชัยจัดการให้พนักงานพรีเซ็นต์การทำงานของบริษัท ฝ่ายของชายหนุ่มพรีเซ็นต์สินค้า ทั้งสองได้จัดการเซ็นสัญญาเป็นหุ้นส่วนกันเรียบร้อยด้วยดี ลุคส์จึงเดินทางกลับ ภูมิชัยมองแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกพึงพอใจกับการทำงานของอีกฝ่าย

รถยนต์แล่นตามเส้นทาง ลุคส์เหม่อมองวิวเมืองไทยจนกระทั่งรถขับผ่านโรงเรียนประถมเอกชนแห่งหนึ่ง ปรางค์ปรียาจูงมือลูกออกมาจากโรงเรียนพร้อมกับเพื่อน การจราจรหยุดชะงักอยู่ด้านหน้าโรงเรียน ลุคส์ยังคงมองวิวเหมือนเดิม แต่ฉับพลันสายตากลับหยุดลง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆ มือสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อภาพที่เห็นทำให้เขาคิดว่าตนนั้นกำลังฝันอยู่ ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ  จ้องมองภาพของผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือเด็กผู้ชายแล้วหยุดอยู่หน้าโรงเรียน  ตัดสินใจขยับกายไปชิดหน้าต่างแล้วจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง หัวใจเขากำลังเต้นตุบๆ ไม่เป็นจังหวะเมื่อยิ่งมองเขาก็ยิ่งมั่นใจ  จำไม่ผิดแน่เป็นเธอแน่ๆ ผู้หญิงที่เขาไม่เคยลืมจนถึงตอนนี้

บอดี้การ์ดหนุ่มเหลือบมองนายตนด้วยความรู้สึกสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนไป  จึงหัน มองวิวนอกหน้าต่างที่เจ้านายให้ความสนใจอยู่  ดวงตาคมกริบเบิกกว้างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็น

ลุคส์จ้องมองทุกการกระทำทุกอากัปกิริยา แล้วมองเลยไปถึงเด็กชายที่กำลังจูงมือเธอแน่น สายตาจ้องมองเด็กชายไม่วางตา เด็กคนนั้นหน้าตาผิวพรรณไม่ได้เกิดจากพ่อซึ่งเป็นชาวเอเชียแน่ เกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้นเป็นใครมีความเกี่ยวข้องยังไงกับปรางค์ปรียา

รถยนต์ขยับเคลื่อนไปด้านหน้า ลุคส์ยังคงจ้องมองสองร่างจนกระทั่งรถแล่นผ่านเลยไป เขาไม่อาจละสายตา จนกระทั่งรถขับเลย

“มาติช!”

“ครับนาย”

“ไปสืบเรื่องผู้หญิงคนนั้นให้ฉันหน่อย!”ลุคส์สั่งเสียงเข้ม

“ผู้หญิงคนไหนครับ?”บอดี้การ์ดหนุ่มกวน

“แกก็เห็นเหมือนฉันแล้วจะมาย้อนทำไม!”ชายหนุ่มเริ่มฉุน

“ได้ครับ เจ้านาย”

รุ่งเช้าวันใหม่ปรางค์ปรียาแต่งตัวในชุดเดรสสีสดใสก่อนจะเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เธอย้ายออกมาอยู่ที่บ้านใหม่ไม่ได้อาศัยอยู่กับเพื่อนเหมือนเคย เพราะเกรงใจ ไทม์เองก็โตขึ้น ไม่อยากรบกวนพ่อแม่พินไปตลอดชีวิต เธอจำต้องออกมาสร้างครอบครัวด้วยตนเอง

ยิ่งเติบโต ไทม์ยิ่งเหมือนเหลือเกิน ใบหน้าของลูกทำให้คิดถึงเขาไม่เคยลืม... ลูกชายที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจเป็นเด็กฉลาดไม่ดื้อ เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่เหมือนพ่อที่โหดร้ายป่าเถื่อนต่อเธอ

เสียงรถยนต์จอดเทียบหน้าบ้าน กวินภพโบกมือเมื่อเห็นเจ้าของบ้านออกมาพร้อมกับบุตรชาย เขาลงจากรถอุ้มร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนด้วยความเอ็นดู

“สวัสดีครับอาวิน”ไทม์ยกมือไหว้

“สวัสดีครับน้องไทม์ วันนี้อาจะไปส่งนะครับ”กวินภพบอก

“ครับ”

ลุคส์จ้องมองภาพนั้น แล้วขบกรามแน่น เธอแต่งงานแล้วใช่ไหม อยากจะไปตะบันหน้ามันจริงๆ  แสดงว่าเด็กคนนั้นคงเป็นลูกของเธอกับชายคนนั้น แต่ใบหน้าและสีผมของเด็กคนนั้นทำไมถึงไม่เหมือนคนเอเชีย แต่กลับเหมือนเด็กลูกครึ่งทางยุโรปมากกว่า คงคิดทางเดียวเท่านั้น

สองแม่ลูกขึ้นรถก่อนยานพาหนะคันนั้นจะเคลื่อนออกจากบริเวณรั้วบ้าน ลุคส์กัดฟันแน่น เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของใครกันแน่ เพราะเขาไม่มีวันให้ไอ้ผู้ชายหน้าไหนมาสมอ้างเป็นพ่อเด็กแน่นอน หากเด็กคือลูกของเขา

พินอาภาหน้าบึ้งตึง เม้มริมฝีปากไม่พอใจ เหตุใดพ่อถึงได้บังคับเธอหนักหนาให้มาทำงานเป็นเลขา มันเป็นงานที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย แค่เห็นเอกสารก็เหนื่อยแทบแย่แล้ว

“แกไม่คิดจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้างหรือไงยัยพิน!” ภูมิชัยเหลืออด

“ก็หนูไม่ชอบทำงานกับพ่อนี่ ให้หนูไปทำงานกับปรางค์ได้ไหม?” ทำเสียงอ่อนลงแล้วยิ้มหวานรอให้พ่ออนุมัติ

“ไม่ต้องมาอ้อนพ่อไม่อนุญาต อย่างแกถ้าไม่มีคนคุมล่ะก็มีหวังได้ชิ่งหนีไม่มาทำงานแน่!”

หญิงสาวชักสีหน้าไม่พอใจ แล้วรีบหันไปหาเพื่อนตนเองที่กำลังจัดเอกสารการประชุมอยู่ที่โต๊ะเพื่อขอความเห็นใจ แต่เธอกลับเห็นเพียงเพื่อน กำลังสนใจอยู่กับการทำงาน ได้รับมอบหมายจากบิดา  วันนี้บิดาให้ปรางค์มาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย เพราะตัวเธอเองยังไม่เก่งงานด้านเอกสารมากนัก

ปรางค์ปรียามองเพื่อนแล้วลอบยิ้มออกมา เธอเห็นความรักความอบอุ่นแบบนี้มานานแล้ว ระหว่างเพื่อนกับบิดาสนิทสนมกันมาก จนบางครั้งเธอยังแอบอิจฉาเล็กๆ

พนักงานและผู้ถือหุ้นเริ่มเข้ามาในบริษัท ปรางค์ปรียาทำหน้าที่จดย่อรายละเอียดการประชุมในวันนี้ ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเดินเข้ามาภายในบริษัทเพื่อร่วมประชุมใหญ่กับผู้ถือหุ้น ทุกคนเข้ามาแล้วแยกย้านนั่งประจำที่ตนเอง

ลุคส์เดินตรงไปที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง แต่เท้ากลับหยุดชะงักดวงตาเรียวคมทอดมองร่างบางที่กำลังยืนอยู่ หญิงสาวในความทรงจำอยู่ใกล้แค่เอื้อม หัวใจเต้นระรัว มันอิ่มเอม จุกแน่นจนบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขาถึงเพียงนี้

ปรางค์ปรียาก้มหน้าก้มตาจัดเอกสารเพื่อเตรียมงานโดยไม่ได้มองว่าใครมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า พินอาภารู้สึกได้ถึงใครบางคนจึงเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวตกอยู่ในสภาวะไม่ต่างจากถูกแช่แข็ง อ้าปากค้างด้วยความตกใจ มือไม้ก็อ่อนไปหมดจนปากกาตกลงสู่พื้นโดยไม่ตั้งใจ ปรางค์ปรียามองปากกาแล้วย่อกายลงหยิบส่งคืนให้เพื่อน

“พินปากกาหล่นแล้วทำอะไรอยู่!”

ยื่นปากกาให้เพื่อนแต่กลับรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าของพินอาภา เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้ทำหน้าราวกับเห็นผี เงยมองตามเพื่อน ร่างบางนิ่งงันราวกับถูกสาป หัวใจกระตุกวูบ ใบหน้าเริ่มซีดเซียวริมฝีปากสั่นระริก มือบางสั่นเทาจนแทบจับอะไรไม่ได้ ขากำลังอ่อนแรงลงจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น พินอาภารีบเข้าไปประคองเพื่อนงจ้องหน้าเขาอย่างไม่วางตา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป