บทที่ 6 ชะตาลงทัณฑ์

เขาไม่เคยรักผู้หญิงคนนี้ แค่ต้องการชื่อเสียงของตระกูลของเธอเท่านั้น ทุกอย่างที่ทำเพื่อธุรกิจ ที่เขาต้องฆ่าฟันแย่งชิงกับพี่น้องต่างมารดาในตระกูลมา ชีวิตของเขาเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายมามาก กว่าจะมีวันนี้และคนอย่างเขาไม่มีทางเสียเหลี่ยมใคร และไม่มีผู้หญิงคนไหนที่สามารถมัดใจเขาได้

เขาเกลียดพ่อ! พ่อเป็นสาเหตุทำให้แม่ต้องตาย... ตระกูลอัลเบอร์ทีนต่างแก่งแย่งชิงดีเพื่อให้ได้สมบัติมหาศาล ที่บิดาของเขาเป็นคนสืบทอดมาจากปู่และย่าอีกที เขาต้องดิ้นรนเอาตัวรอด จากการถูกผู้หญิงของพ่อกำจัด กัดฟันทนเพื่อเรียนหนังสือ ศึกษาทุกอย่างและหาทางป้องกันตัวเองไปด้วย พ่อไม่เคยหันมาสนใจ หรือคิดจะปกป้องลูกในไส้ตนเองเลยสักครั้ง

บิดาของเขาต้องการให้พี่น้องจัดการกันเอง เพื่อจะได้เห็นว่าใครมีความสามารถมากพอ ที่จะกุมบังเหียนธุรกิจแทน เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องมารดา แต่แล้วก็ทำไม่ได้ เมื่อมารดาต้องจบชีวิตลง ความแค้นของเขาดั่งไฟโหมกระหน่ำ พยายามไต่เต้ากัดฟันเก็บความแค้นไว้ในอก ก่อนทะยานขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดกิจการที่แท้จริง และเมื่อถึงวันนั้นเขาจัดการคิดบัญชีกับทุกคน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของมารดาอย่างสาสม

ตระกูลอัลเบอร์ทีนกลายเป็นที่โจษจัน ด้านความโหดร้ายในการสืบทอดกิจการ เขาไม่ได้สนใจอะไรอีกวันที่กลับมาแก้แค้น เลือดสีแดงสดไหลนองเต็มพื้น ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ก่อนปิดคดีไปเงียบๆ เพราะเขาใช้อำนาจเงิน

“กลับไปซะเอมม่า!” ลุคส์ออกปากไล่แล้วเดินเข้าห้อง

หญิงสาวมองแผ่นหลังเขาที่หายไปในห้อง ทรุดกายลงกับพื้นปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย โหดร้ายนัก! หัวใจเขาทำด้วยอะไรถึงได้ไม่มีแม้แต่ความปราณี

ทันทีที่ได้ยินเสียงลูกบิดหน้าประตูห้องปรางค์ปรียารีบลุกขึ้นและถอยหนีจนชิดผนังห้องด้วยความกลัว และเมื่อเห็นเขาหัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากร่าง กายเธอกำลังสั่นสะท้านออกมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเวลานี้เขากำลังยืนจ้องมองเธออยู่

ดวงตาสีน้ำทะเลกวาดมองไปทุกสัดส่วนที่แอบซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา ร่างสูงใหญ่ยังคงเดินเข้าหาเธออย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอีกฝ่ายพยายามหนีและสอดส่ายสายตาหาทางเอาตัวรอด

“เธอพยายามร้องให้คนช่วยอย่างนั้นหรือ?”เขาถามในขณะที่กำลังถอดสูทและเกาะกระดุมเสื้อเชิ้ตออก

ริมฝีปากบางสั่นระริก กายสาวเริ่มสั่นสะท้านด้วยความกลัว พิษรักที่เขามอบให้ยังคงฝังตรึงอยู่ในร่าง รับไม่ได้อีกแล้ว ใบหน้าเรียวสวยเริ่มซีดเผือด น้ำตากำลังไหลออกมาอาบแก้ม เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร

ชายหนุ่มชะงักเมื่อปลายเท้าของเขาสะดุดเข้ากับถาดอาหารที่ยังมีอาหารอยู่ครบไม่ได้พร่อง แม้แต่นิดเดียว ตวัดสายตาจ้องคนตัวเล็ก

“ทำไมไม่กินอะไร อยากตายหรือไง!”

“ใช่! ฉันอยากตาย”เธอตอบเขาน้ำตาคลอ

“ฉันไม่ให้เธอตายง่ายๆ หรอก เธอต้องอยู่กับฉันจนกว่าจะเปิดปากว่าลุงเธอมันอยู่ที่ไหน!”เขาตวาด

ร่างบางสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงตวาดกร้าว เขาก้าวฉับๆ ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัว มือกระชากร่างบางเข้าหาแล้วโอบรัดแนบชิดกายแกร่ง

“อย่าทำอะไรฉันเลย พอแล้ว! ฉันเจ็บแล้ว!”หญิงสาวร้องลั่นออกมาดิ้นรนทุบตีเพื่อให้เขาปล่อย

ชายหนุ่มไม่ได้สนใจกับคำทัดทาน ร่างบางถูกลากไปอย่างไม่ไยดีแล้วเหวี่ยงลงบนเตียงกว้าง หญิงสาวรีบกระโจนหนีแต่เขากลับรั้งเอวบางไว้ แล้วพลิกกายพร้อมกับกดตรึงร่างงามแนบกับฟูก ใบหน้าเรียวสวยส่ายไปมาน้ำตาอาบแก้มหัวใจเธอกำลังเต้นระรัวด้วยความกลัว เธออยากตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ให้เขามาย่ำยีอีกแล้ว

“ฆ่าฉันซะได้โปรด...”เธอร้องขอเขาทั้งน้ำตา

ลุคส์ยิ้มเยาะ โน้มกายเข้าหา ร่างสูงใหญ่ใช้ริมฝีปากสำรวจเรือนร่าง แล้ววนมาจุมพิต มือลูบไล้สำรวจทั่วทุกอณูเนื้อนวล เธอสะอื้นออกมา และพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากเขา ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์เลย

“อี้อ!”เธอร้องออกมาเมื่อกำลังถูกเขารุกรานที่ริมฝีปากด้วยความช่ำชอง

เสื้อเชิ้ตของเขาที่อยู่บนกายเธอหายไปตอนไหนไม่รู้... ช่างเป็นความทรมานที่ใจเธอไม่อยากยินยอม แต่กายกลับทรยศ เสียอย่างนั้น

“ปล่อยฉันเถอะได้โปรด... อย่าทำร้ายฉันอีกเลย”เธออ้อนวอนเขาอีกครั้ง ทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ

“อยู่เฉยๆ เถอะ!”เขาดุ

เธอไม่สามารถพูดอะไรได้อีกต่อไปแล้ว เมื่อเขากำลังทำความต้องการของตัวเอง ทันทีที่เรือนกายแกร่งขยับ เธอได้แต่ภาวนาให้มันจบลงเสียที ถึงรู้สึกซาบซ่าน แต่เธอก็ไม่ปรารถนาเป็นของเล่นของผู้ชายใจทรามคนนี้

ร่างสูงใหญ่ถอนกายออกจากร่างบางแล้วนอนลงข้างหญิงสาว เขานิ่งงันไปชั่วครู่ และเหลือบมองเมื่อได้ยินเสียงเธอขยับตัวหันหน้าหนี

ปรารถนาที่เขามีต่อหญิงแปลกหน้าช่างมากมายเหลือเกิน... เขาไม่เคยรู้สึกอิ่มที่ได้ลิ้มลอง

ปรางค์ปรียากระชับผ้าห่มคลุมกายแน่น น้ำตาไหลออกมาไม่ขาด เจ็บจนไม่รู้จะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้เช่นไร ยิ่งนอนร่วมเตียงยิ่งรู้สึกรังเกียจ เธอรีบพยุงกายลุกขึ้นจากเตียง แม้จะปวดร้าวทางกายแต่เธอไม่อยากอยู่ใกล้เขา เวลานี้เธอไม่ได้ต้องการอะไร ต้องการเพียงแค่ออกห่างจากเขา...

ดวงตาคมหรี่มอง ร่างบางที่เดินโซซัดโซเซหนีไปอยู่ที่มุมห้อง รังเกียจเขาอย่างนั้นเหรอ ชายหนุ่มกัดฟันกรอดแล้วรีบผุดลุก ก้าวฉับๆ ตรงเข้าหา กระชากร่างมากอดรัด

“ปล่อยฉัน! ปล่อยฉันได้ยินไหม! ฮือๆๆๆ”หญิงสาวตวาด ยกมือทุบตีอีกฝ่ายเป็นพัลวัน

ชายหนุ่มกกรามแน่น กล้าดีนัก! เขาก้มลงพรมจูบทั่วใบหน้าโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว

“อื้อ! อย่า! อย่าทำฉัน!” ปรางค์ปรียากรีดร้องจนสลบ

เขาชะงักงันในขณะที่ร่างบางยังหลับตานิ่งอยู่ในอ้อมแขน  ชายหนุ่มนิ่งค้างจนกระทั่งได้สติจึงรีบช้อนร่างเธอ พาไปวางไว้บนเตียง  โทรตามหมอประจำตระกูลเพื่อมารักษา

ไม่นานนักหมอประจำตระกูลเข้ามาทำการตรวจร่างกาย สายตาของหมอไม่เคยพลาดเมื่อร่องรอยบนตัวของหญิงสาวที่นอนบนเตียงนั้น เป็นจ้ำเต็มไปหมด ที่เขาเห็นนอกร่มผ้าก็ไม่ใช่น้อยแล้วในร่มผ้าคงมากกว่านี้ เขาเองก็ไม่รู้ว่าหญิงคนนี้เป็นใครแต่ช่างโชคร้ายนัก มาเจอกับคุณชายใหญ่ของตระกูล หมอประจำตระกูลจัดการให้น้ำเกลือ และจัดยาไว้ให้สองสามชุด

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างหมอ?”เขาถามเสียงเข้ม

“เธออ่อนเพลียมาก อาจจะเกิดจากความเครียด ดูจากลักษณะเธอคงไม่ได้ทานอะไรเลย หากเป็นเช่นนี้คงจะแย่ครับ แล้วก็... เธอบอบช้ำจากภายใน ยังไงผมขอให้คุณชายระมัดระวังด้วยนะครับ”

ชายหนุ่มชะงักกับคำพูดของหมอ แต่เขาไม่แสดงสีหน้าอะไร

“ขอบคุณมาก กลับไปได้แล้ว” ลุคส์บอกเสียงเรียบ

ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกมองดูร่างซึ่งนอนอยู่บนเตียงโดยมีสายน้ำเกลืออยู่ที่ข้อพับ จ้องมองเธออยู่เช่นนั้น เขาผิดหรือ? ไม่! คนอย่างเขาไม่มีวันผิด หากจะผิดก็ผิดที่ผู้หญิงคนนี้บังอาจต่อปากต่อคำเขา และยังกล้าโกหกเขา โทษแค่นี้ยังน้อยไป คนอย่างเขาไม่เคยผิดและไม่รู้จักคำว่าผิดด้วย

บทก่อนหน้า
บทถัดไป