บทที่ 8 ชะตาลงทัณฑ์
ปรางค์ปรียามองหน้าหญิงชาวฝรั่งเศสคนนี้ด้วยความรู้สึกขอบคุณ เอมม่าได้แต่ทำหน้าบูดบึ้งแล้วรีบพยุงร่างบอบช้ำของปรางค์ปรียาออกมาถึงด้านหลังของคฤหาสน์ เธอรีบวางร่างสาวเอเชียพิงกำแพงไว้ก่อนจะเดินออกไปดูต้นทางแล้วรีบกลับมาประคองร่างเธอออกมาด้านนอก ไม่นานนักเธอก็พาสาวเอเชียมาถึงหน้าประตูเล็กด้านหลังคฤหาสน์แล้วรีบสั่งให้ลูกน้องขับรถมารับเธอ
“จะไปไหนหรือเอมม่า?”เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ทำให้คนฟังถึงกับขนลุกเกรียว
ร่างอวบยืนนิ่งกายเธอกำลังสั่นเทาปรางค์ปรียารู้สึกได้ถึงอาการสั่นสะท้านนั้นดี
“ผมถามว่าจะไปไหนไม่ได้ยินหรือไง!”เสียงตวาดกร้าวดังขึ้นมาอีกครั้ง
เอมม่าสะดุ้งปล่อยมือจากร่างบางทันที ส่งผลให้หญิงสาวทรุดลงนั่งกับพื้นเพราะร่างกายยังไม่ฟื้นจากอาการป่วย เจ้าของร่างอวบยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก รู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะถูกตัดสินโทษ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเขาเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น เธอตัดสินใจหันไปเผชิญหน้า แล้วแสร้งยิ้มออกมาแม้ใจจะกลัวจนหัวใจเต้นโครมคราม แทบทะลุออกมานอกอก
“คุณกลับมาเมื่อไหร่คะลุคส์?”เอมม่าถามเขาเสียงสั่น
“ผมกลับมาได้สักพัก แล้วก็ทันที่ได้เห็นว่าใครบางคนกำลังวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของผม”
“คือ... เอมม่าไม่ได้ตั้งใจนะคะ ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่ขอร้องเอมม่า”เธอปัดความรับผิดชอบทันที
ชายหนุ่มยิ้มเย็นออกมา ดวงตาคมกริบหรี่มองไปยังคู่หมั้นตนเอง เขารู้สึกไม่ชอบใจเลยสักนิด ที่เธอบังอาจมายุ่งเรื่องของเขา อุตส่าห์เตือนไว้แล้วเชียว มือหนากระชากท่อนแขนอวบ แล้วจ้องหน้าด้วยสายตาที่ทำให้คนสบตารู้สึกขนลุกขึ้นมาในทันใด ปรางค์ปรียารีบพยุงกายลุกขึ้น เธอหวังจะช่วยผู้หญิงที่ยอมลงทุนช่วยพาเธอออกมา มือบางทุบตีเขาไม่หยุดเพื่อให้เขาปล่อยตัวหญิงฝรั่งเศสที่เธอเคยเห็นหน้าเพียงครั้งแรกเท่านั้น
ลุคส์ขบกรามแน่นด้วยความเดือดดาล เขาสะบัดร่างบางจนล้มลงไปกับพื้นแล้วหันมาสนใจกับคู่หมั้นตนเองต่อ มืออีกข้างหนึ่งยกขึ้นมาบีบปลายคางไว้แน่นพร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาใกล้
“อย่าได้บังอาจมายุ่งกับเรื่องของผมอีก ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ไว้หน้าคุณหรือพ่อคุณ!”เขาสั่งเสียงกร้าว
เอมม่าหน้าซีดเผือดลงในบัดดล เขายอมปล่อยมือจากท่อนแขนอวบแล้วหันไปหาร่างบางที่ทรุดกายอยู่กับพื้นแทน ปรางค์ปรียาชะงักเมื่อเห็นสายตาของเขา ร่างบางพยายามพยุงกายลุกขึ้น แม้จะเป็นเพียงความหวังอันน้อยนิด แต่เธออยากจะหนีไปจากเขาให้ไกลจริงๆ แต่เธอทำไม่ได้อย่างใจคิด เมื่อเขาช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น
“ปล่อยให้ฉันตายไปซะ!”เธอบอกในขณะที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
“เธอยังตายไม่ได้เพราะฉันยังไม่ต้องการให้เธอตาย ชีวิตของเธอจะอยู่หรือตายมันขึ้นอยู่กับฉันเท่านั้น!”เขาบอก
ชายหนุ่มวางร่างบางไว้บนเตียงแล้วจัดการให้หมอมาใส่สายน้ำเกลือให้เธอเช่นเดิม ปรางค์ปรียาพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่กลับถูกเขาจับท่อนแขนกดไว้แล้วส่งสายตาแข็งกร้าวมา เลยทำให้เธอต้องจำยอมทำตามเขา แม้จะรู้สึกเจ็บใจอย่างที่สุดก็ตาม
ในที่สุดไมเคิลก็ตัดสินใจมาหาหลานสาวตนเอง พินอาภานั่งมองลุง เอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตา แต่ท้ายที่สุดแล้วเขายอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับพินอาภาฟังโดยไม่ปิดบังอะไร เธอนิ่งงันพูดไม่ออก หากเรื่องเป็นแบบนี้ ลุงไปหาผู้ชายคนนั้นครอบครัวของลุงก็จะมีอันตราย แต่ถ้าหากไม่ไปเพื่อนสาวของเธอต้องแย่แน่ๆ
สองร่างที่กำลังนั่งสนทนากันไม่พ้นสายตาของบอดี้การ์ดคนสนิทของลุคส์เลยแม้แต่น้อย แต่เวลานี้เขาไม่อยากจะไปจัดการไมเคิล อยากรู้ว่ามันมีแผนอะไร และมันกำลังทำอะไรกันแน่ถึงได้อาจหาญทรยศหักหลังเจ้านาย
ถาดอาหารถูกวางไว้ตรงหน้า หญิงสาวช้อนสายตามองคนที่วางมัน เกลียดเกินกว่าจะรับอะไรจากเขา เมินหน้าหนี การกระทำเช่นนั้นสร้างความหงุดหงิดให้กับเขาไม่น้อย หย่อนกายนั่งลงแล้วจับคางเรียวไว้ ออกแรงบีบเพื่อให้เปิดปาก เธอพยายามผลักให้หยุดการกระทำเช่นนั้น แต่ชายหนุ่มกลับไม่สะเทือน เพิ่มแรงบีบที่ปลายคางแล้วจัดการยัดอาหารเข้าปากของเธอทันที
ปรางค์ปรียาอมอาหารไว้ในปาก แล้วพ่นใส่หน้าคนป้อน ดวงตาคมวาวโรจน์ เขาขบกรามแน่น จ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาเอาเรื่อง กระชากเอวบางเข้ามาแนบชิดแล้วบดขยี้ริมฝีปากลงไป เพื่อเป็นการสั่งสอนที่เธอบังอาจทำกับเขาเช่นนั้น
“อื้อ!”
เขาถอนริมฝีปากออกมาแล้วตักอาหารขึ้นมาอีกครั้ง จ้องหน้าคนตัวเล็กไม่ละ ปรางค์ปรียารู้ดีหากว่าวันนี้เธอไม่ยอมกินเขาคงต้องทำมากกว่านี้แน่
สุดท้ายแล้ว ต้องยอมกินอาหารที่เขาป้อนให้ ตักให้ไม่กี่คำเธอก็หน้าหนีเมื่อรู้สึกว่าอิ่มแล้ว เขามองแล้ววางช้อนลง ส่งยาให้เธอทาน หญิงสาวมองเขาด้วยความงุนงง เพราะคิดว่าคนอย่างเขาคงไม่มีวันทำเช่นนี้แน่ ทำท่าจะไม่รับแต่เมื่อเห็นสายตาเขา หญิงสาวจำต้องรับมาแล้วใส่มันลงไปในปาก ดื่มน้ำตาม ชายหนุ่มมองด้วยความพอใจ ในขณะที่อีกคนรีบเอนกายลงนอนเพราะทนเห็นหน้าต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
ดวงตาคมมองร่างบางที่นอนอยู่ ตอนนี้เขาจะยังไม่คาดคั้นหรือทำอะไร แต่หากหายดีเมื่อไหร่ เขาคงต้องทำตามวิถีทาง เช่นเคย ความจริง... เขาก็แทบทนไม่ได้ที่ทำได้แค่เพียงมองร่างงามตรงหน้า แต่ไม่สามารถแตะต้องได้ หายเมื่อไหร่เขาจะทบต้นทบดอกให้คุ้มเลยทีเดียวเชียว
“ต่อไปนี้เธอต้องกินอาหารที่แม่ครัวทำมาให้ ถ้าฉันรู้ว่าเธอไม่กินเมื่อไหร่แล้วล่ะก็ เธอได้เจอดีแน่!” ลุคส์ขู่ก่อนเดินออกจากห้อง
อาการของหญิงสาวดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะเธอยอมทานอาหาร ร่างกายที่ซีดเซียวกลับดูมีน้ำมีนวล ใบหน้าเรียวสวยเคยซูบซีดกลับสดใสขึ้นอีกครั้ง เธอเริ่มคุ้นชินกับการอยู่ที่นี่ แม้จะถูกขังอยู่ในห้องก็ตาม เวลานี้เธอเริ่มรู้สึกปลงและคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงเป็นเพราะกรรมทำให้ได้พบกับผู้ชายใจร้ายคนนี้ อีกทั้งตอนนี้ เธอไม่จำเป็นต้องเดินใส่เสื้อเชิ้ตในห้องเขาอีกแล้ว เมื่อไม่กี่วันมานี้เขาให้สาวใช้เอาเสื้อผ้ามาให้เธอใส่แทน
