บทที่ 1 จุดเริ่มต้น......พี่ชายที่ไม่สนิท

บรื้นนนนนนนนนนนนนนนนนน เอี้ยกกกกกกกกกกกก โครมมมมมมมมม

เสียงรถยนต์คันหรูกระทบเข้ากับร่างเล็กของใครบางคน ที่วิ่งข้ามถนนมาอย่างเร่งรีบจนลืมที่จะมองดูว่าบนท้องถนนในตอนนี้ได้มีรถยนต์คันหรูวิ่งมาด้วยความรวดเร็ว

“เหี้ย ไหมล่ะมึง อีน้องโดนรถชนตายห่าไปแล้ว”

เสียงร้องตะโกนด่าทอกันดังขึ้นจากทางด้านที่ร่างเล็กวิ่งมา

“หนีกันเหอะมึง เดี๋ยวพ่อมึงก็ตามจับจนได้”

เด็กชายสองคนที่วิ่งไล่ตามร่างเล็กมาในตอนแรกรีบวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง

“หนู หนูจ๊ะ เป็นอะไรมากไหมหนู ตาพร้อมมาช่วยกันดูหน่อยสิ”

“หนูไม่เป็นค่ะ แต่ อย่าส่งหนูให้ตำรวจนะค่ะ”

น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความกลัวของเด็กน้อยทำให้ หญิงตรงหน้าต้องขมวดคิ้วอยากรู้

“หนูหนีอะไรมาจ๊ะ”

“คือ เอ่อ  คือ หนู”

ใบหน้าเล็กของเด็กหญิงวันสิบเอ็ดขวบ หัวมองซ้าย มองขาว อย่างหวดกลัว ทำให้หญิงวัยกลางคนตัดสินใจเอยชวนเด็กน้อยรถขึ้นไปนั่งบนรถ

“เราขึ้นไปคุยกันบนดีกว่านะหนู ”

“คุณจะไม่จับหนุส่งตำรวจใช่ไหมค่ะ”

เด็กน้อยยังเอยถามคำเดิมซ้ำๆ

“ จริงจ๊ะ หนูอยู่กับฉัน หนูไม่ต้องกลัว”

คำยืนยันของหญิงตรงหน้า ทำให้เด็กน้อยที่อ่อนด้อยประสบการณ์ ยอมเอยความจริงออกมา ชีวิตพังๆของเธอไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอีกแล้ว นับตั้งแต่เธอได้หนีออกจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เพราะเหตุที่ว่าโดนเพื่อนรุ่นพี่ในที่นั้นรุมรังแกเธอจนทนไม่ไหว จากนั้นชีวิตของเธอก็ได้เดินเข้าสู้ความมืดมิด ผู้หญิงตรงหน้า ช่างดูใจดีมีเมตตายิ่งนัก แปลกที่แค่ได้เห็นหน้าครั้งแรกก็รู้สึกผูกผันยิ่งนัก

“ หนูจะบอกฉันหรือยังว่าหนีอะไรมา แล้วกลัวตำรวจจับทำไม?”

น้ำเสียงอ่อนละมุมของหญิงตรงหน้า ทำให้เด็กน้อยกล้าจะเอยเรื่องราวต่างของเธอ ให้ผู้หญิงคนนี้ฟัง

“หนูหนีไอ้เข่งกับไอ้วอน มาค่ะ มันบังคับหนูให้ไปขโมยของให้ห้างมา แต่หนูทำไม่สำเร็จเพราะโดนจับได้เสียก่อน พวกมันเห็นว่าหนูทำไม่ได้ตามที่มันสั่งมันเลยตามมากระทืบหนู”

“ตายแล้ว!! หนูพูดความจริงใช่ไหมเนี่ย หนูไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม”

เรื่องเล่าจากเด็กน้อยทำเอาผุ้ใหญ่ทั้งสองบนรถ ถึงกับตกใจ

“จริงค่ะ หนูไม่ได้โกหก แต่ แต่หนู ไม่ได้อยากไปขโมยของคนอื่นนะค่ะหนูรู้ว่ามันไม่ดี แต่หนูโดนบังคับให้ทำ”

“จ๊ะๆ ฉันเชื่อหนูนะ ว่าแต่พ่อแม่หนูอยู่ไหน ทำไมปล่อยให้เด็กพวกนั้นมารังแกหนูได้”

“หนู หนู ไม่มีพ่อแม่หรอกค่ะ หนูหนีออกจากบ้านเด็กกำพร้า พี่ๆที่นั้นเกลียดหนู เขาชอบแกล้งหนู จนวันหนึ่งหนูทนไม่ได้เลยหนีออกมา จากนั้นหนูก็โดนจับมาขายพวงมาลัย แล้วก็โดนไอ้พวกนั้นบังคับให้ทำทุกอย่างแม้กระทั้งส่งยา”

น้ำเสียงเศร้าหม่นที่เอยเล่าความเป็นมาของชีวิตที่ไม่มีใครต้องการของตน ทำให้หญิงที่นั่งฟังอยู่แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว

“โถๆๆ เด็กเอยเด็ก ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับหนูแบบนี้นะ”

“นั้นสิครับคุณผู้หญิง นี่ขนาดผมเป็นผู้ชายอกสามศอกยังฟังแล้วหดหู่เลยครับ”

นายพร้อมคนขับรถประจำตระกูลของหญิงคนดังกล่าวเอ่ยเสริมขึ้นมา

“หนูไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะพาหนูไปหาหมอให้หมอทำแผลให้เอง”

“มะ ไม่นะค่ะ หนูไม่ไป หนูไม่มีเงินจ่ายหมอแน่ๆ ปล่อยหนูลงตรงนี้เถอะค่ะ ”

เสียงใสป่นสะอื้นเอยบอกผู้ใหญ่ทั้งสองบนรถ

“เดี๋ยวฉันเป็นคนจ่ายให้เอง หนูชื่ออะไรจ๊ะ”

“หนูชื่อน้องค่ะ คุณแม่ที่บ้านเด็กกำพร้าเรียกหนูแบบนั้น แต่ไม่ต้องพาหนูไปหาหมอหรอกนะค่ะ หนูเกรงใจ ”

“หนูจ๋า ไปอยู่กับฉันไหม ฉันอยากมีลูกสาว แต่ฉันมีปัญญาสุภาพทำให้มีไม่ได้ ฉันลูกสึกถูกชะตากับหนูมาก ไปอยู่กับฉันเป็นลูกสาวของฉันนะ”

ไม่รู้ว่าด้วยฟ้าดินลิขิตมาแล้วหรือว่าอะไรจึงทำให้เธอรู้สึกรัก รู้สึกห่วง รู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้มากเหลือเกิน มากซะจนอยากได้ไปเป็นลูกสาวของเธออีกคน

“หนู หนูว่ามันคงไม่ดีหรอกค่ะ หนูคงไม่เหมาสม ปล่อยหนูลงตรงนี้เถอะค่ะ”

“ปล่อยให้หนูไปโดนเขารังแกอีกนะหรอ หนูจะรอดไปได้อีกี่วัน หืม…?”

“หนู…..”

“ไปอยู่กับแม่นะน้องหนู แม่สัญญาว่าจะรักและดูแลหนูเหมือนลูกแท้ๆของแม่เลย ”

หญิงสาววัยกลางคนแต่ทว่ายังคงความสวยอยู่ เอ่ยสัญญากับเด็กน้อยด้วยว่าจาที่หนักแน่น

“ตกลงนะลูก ไปอยู่กลับแม่นะ”

“เอ่อ ค คะ คุณแม่”

ชีวิตที่พังเพไม่มีคนต้องการของเธอ มีสิทธิ์เลือกอะไรด้วยหรือ เมื่อมีโอกาสมาถึง ก็ควรจะคว้าเอาไว้ไม่ใช่หรือ

ปัจจุบัน……………

10 ปีผ่านไปแล้วสินะที่เธอได้มาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาบ้านหลังนี้ บ้าน ‘โฆษิยาวัฒน์’ ที่มีพร้อมทุกอย่างให้เธอ ไม่ว่าจะเป็นความรักความเมตตา ความอบอุ่น เธอมีโอกาสได้เรียน ได้มีชื่อใหม่ หลังจากวันที่เธอได้ตัดสินใจที่จะก้าวเข้ามาอยู่ที่นี่ คุณหญิงผกามาศผู้ที่มีพระคุณมหาศาลกับเธอได้พาเธอกลับไปยังบ้านเด็กกำพร้าที่เธอหนีออกมาเพื่อที่จะไปทำหนังสือรับรองบุตรรับเธอเป็นบุตรบุญธรรมอย่างถูกกฎหมาย เธอได้มีชื่อใหม่ ที่คุณหญิงผกามาศชอบหนักชอบหนา ว่า ‘นีรกานต์’ ตอนนี้เธอมีพร้อมทุกอย่างมีพ่อแม่ มีพี่ชาย ที่ถึงแม้จะไม่ชอบหน้าเธอเลยก็ตาม เธอก็เฝ้าบอกตนเองเสมอว่าเธอทนได้ แค่พยายามอย่าไปให้เขาเกะกะ ขวางหูขวางตาเขาเป็นพอ เท่านี้ก็หมดเรื่อง

นีรกานต์ในวัย 21 ปี ยืนมองท้องถนนตรงหน้า ตรงที่เป็นจุดเริ่มต้นทุกอย่างของเธอ  ทีที่ทำห็เธอได้เจอกับแม่พระคนนั้น คุณหญิงผกามาศ มารดาบุญธรรมของเธอ

“10ปี แล้วสินะที่ฉันทิ้งแกไว้ที่นี้ ความโดดเดี่ยว หวังว่าฉันกับแกจะไม่ได้พบเจอกันอีกนะ”

“หายไปไหนมา!!!”

ทันทีที่ร่างเล็กก้าวขาเข้ามาในบ้าน สุรเสียงทรงอำนาจของนทีพี่ชายบุญธรรมจอมหาเรื่องของเธอดังขึ้น เจ้าของเสียงนี้ไม่เธอเป็นมิตรกับเธอแม้แต่น้อย เขาไม่เคยที่จะยอมรับว่าเธอเป็นน้องสาว แถมยังกลั่นแกล้งเธอสารพัด

“น้องไปทำรายงานบ้านเพื่อนมาค่ะ”

นีรกานต์รีบตอบพี่ชายด้วยความกลัว วันนี้คุณหญิงแม่ไม่อยู่เสียด้วย ถ้าเขาโกรธขึ้นมาเธอคงแย่

“ตอแหล!! คุณแม่ไม่อยู่แค่วันเดียว ก็ออกลายซะแล้ว หึ ยัยหนูท่อสกปรก”

นทีเดินตรงไปกระชากร่างเล็กที่ยืนสั่นอยู่หน้าบ้าน น้ำเสียงทรงพลังตะคอกใส่ร่างเล็กกว่าจนร่างเล็กสั่นเทาด้วยความเกรงกลัว

สาวใช้ในบ้านตรงรีบวิ่งกรูเข้ามาดูเพราะกลัวว่าคนตัวโตจะพลั่งมือทำร้ายน้องสาวตัวน้อยคนนี้

“นี่เอะอะ อะไรกันค่ะ คุณไนท์ ดังได้ถึงห้องครัว ป้าบัวตกใจหมดเลย”

น้ำเสียงสั่นพร่าตามอายุไขของป้าบัว แม่บ้านแม่นมเก่าแก่ของตระกูลดังขึ้น หญิงชรารีบเร่งเดินออกมาจากห้องครัว เมื่อได้รู้จากสาวใช้ว่าคุณหนูตัวร้ายของเธอกำลังหาเรื่องคุณหนูคนเล็กของเธอ ด้วยความที่ชายหนุ่มเป็นเลือดร้อนข้อนี้คนที่เลี้ยงเขามาแต่เล็กแต่น้อยย่อมรู้ดี

“ป้าบัวก็ถามคุณหนูตัวดีของป้าดูสิครับ ว่าไปก่อเรื่องงามหน้าที่ไหนไว้บ้าง”

“ว่าไงค่ะคุณน้องหนู มันเกิดอะไรขึ้น บอกป้าบัวมาเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวใครทั้งนั้น”

หญิงชราหันกลับมาถามคุณหนูคนเล็กที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้เพราะความกลัวให้ตัวพี่ชาย

“มะ ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ ป้าบัว น้องผิดเองที่ทำไห้พี่ไนท์โกรธ”

ร่างเล็กยังก้มหน้าก้มตาตอบหญิงชรา

“ฉัน  ไม่  ใช่  พี่  เธอ  ”

ชายหนุ่มเน้นเสียงหนัก ตะคอกใส่หน้าของนีรกานต์ ทำให้คนตัวเล็กกลัวจนแทบลืมหายใช่

“คุณไนท์!! ป้าชักจะโมโหแล้วนะ”

ป้าบัวที่เป็นคนกลางเริ่มจะทนไม่ไหวกับความพานพาโลของเจ้านายที่เธอเลี้ยงมา

“ป้าบัวรู้ไหมครับวันนี้ผมไปข้างนอกมา ผมไปเจออะไร ”

“แล้วคุณไนท์เจออะไรมาล่ะค่ะ ถึงได้เป็นแบบนี้”

“ผมไปเจอยัยหนูท่อตัวดีของป้า แรดอยู่กับผู้ชายหน้าระรื่น กอดกันแน่นจนแทบจะสิ่งกันให้ได้ แรด

ไม่เลือกสถานที่ แรดไม่เกรงใจชื่อเสียงวงศ์ตระกูลซักนิด ยัยกาฝาก”

ชายหนุ่มพ่นคำด่าสารพัดใส่หญิงสาว ไม่สนใจเลยสักนิดว่าเธอจะรู้สึกยังไง

“มะ ไม่ใช่นะค่ะ น้องไปทำรายงานบ้านเพื่อนจริงๆ ป้าบัวก็รู้จักแมนนี่ใช่ไหมค่ะ น้องไปทำรายงานบ้านแม่นนี่จริงๆ น้องไม่ได้ไปทำอย่างที่ พะ เอ่อ คุณไนท์พูดเลยสักนิด ”

หลังจากที่โดนด่าแบบเสียๆหายๆ ทำให้ร่างบางกล้าที่จะเงยหน้าถึงมาเถียงชายหนุ่มอีกครั้ง เธอไม่ได้ผิดไม่ได้ทำอย่างที่เขาใส่ร้ายเลยสักนิด เธอมีสิทธิ์ที่จะหาความเป็นธรรมให้กับตนเอง

“โอเคร!! พอได้แล้ว  ป้าพอจะเดาออกแล้วว่าเรื่องมันเป็นมายังไง คุณน้องหนูมาเหนื่อยๆ ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะค่ะ ส่วยคุณไนท์จะออกไปหาเพื่อนๆไม่ใช่หรือค่ะ เชิญค่ะ”

ป้าบัวต้องรีบห้ามศึกเดือนในครั้งนี้ เธอจำต้องยอมไล่ผู้ที่มีศักดิ์เป็นถึงเจ้าของบ้านให้ออกไปข้างเสีย เพื่อที่จะได้ไม่อยู่หาเรื่องน้องสาวอีก คุณหญิงไม่อยู่แค่วันเดียวเกิดศึกขึ้นเกือบๆจะห้าครั้งในวันเดียว กว่าคุณผู้หญิงจะมาก็อีกตั้งอาทิตย์ นี่คุณหนูคนเล็กของเธอจะไม่ซ้ำตายไปเสียก่อนหรือนี้

“หึหึ โอ๋กันเข้าไป ถึงกับไล่เจ้าของบ้านอย่างผมเลยหรือครับป้าบัว”

“คุณไนท์ค่ะ ป้าขอละค่ะ ให้ไหว้ป้าก็ยอม พอเถอะนะค่ะ อย่าให้ป้าต้องรายงายคุณผู้ชายเลยค่ะ”

เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่ยอมจบง่ายๆของเจ้านายน้อย ป้าบัวจึงต้องเลือกไม้ตายตัวสุดท้ายออกมาขู่ ซึ่งมันก็ได้ผลเป็นอย่างดีแทบทุกครั้ง

“ก็เอาสิครับ ผมมันคนนอกอยู่แล้วนิ  หึหึ ฝากไว้ก่อนนะยัยหนูท่อกาฝาก ฉันกับเธอได้เจอกันอีกยาว”

ก่อนจะเดินออกจากบ้าน นทีก็หันมาขู่คนตัวเล็กความน้ำเสียงเกรียวกราด

“ฮือๆๆๆ น้องขอโทษ ฮือๆ ป้าบัวน้องขอโทษ”

ทันทีที่ร่างแกร่งของชายหนุ่มจอมหายเรื่องก้าวของไปพ้นตัวบ้าน ร่างเล็กของนีรกานต์ก็ทรุดตัวลงกลับพื้นร้องไห้ทันที

“ป้าบัวจ๋า น้องทำคุณไนท์โกรธอีกแล้ว ฮือๆ น้องจะทำยังไงดีฮือๆ”

“โธ่ คุณน้องหนูของป้า ลุกขึ้นเถอะค่ะ คุณน้องหนูไม่ได้เป็นคนผิดหรอกค่ะ ป้าเชื่อคุณน้องหนูกนะค่ะ ไปอาบน้ำอาบทานะค่ะ ป้าตั้งโต๊ะเสร็จป้าจะให้เล็กๆขึ้นไปตามนะค่ะ ไม่ร้องค่ะไม่ร้อง”

หญิงชราเดิมเข้ามาพยุงร่างเล็กที่นั่งร้องไห้อยู่ให้ลุกขึ้น ก่อนจะใช่ฝ่ามือเหี่ยวหย่นไล่เกลี่ยหยดน้ำตาออกให้พ้นใบหน้าสาวของเธอ

บทถัดไป