บทที่ 2 EP.2 วันเองซวย

EP.2 วันเฮงซวย

เสียงเครื่องยนต์ซูเปอร์คาร์สีแดงเลือดนกคำรามต่ำ ๆ เข้ามาในพื้นที่หน้าบ้านหลังใหญ่ประหนึ่งคฤหาสน์กลางเมืองหลวง

ประตูรั้วอัตโนมัติเคลื่อนเปิดออกอย่างสง่างามท่ามกลางแสงไฟดวงใหญ่ที่ส่องทางเข้าราวกับโรงแรมห้าดาว

ไฟหน้ารถดับลงพร้อมเสียงเบรกที่นุ่มนวล ไลลาเปิดประตูรถ ก่อนจะเขวี้ยงกระเป๋าถือแบรนด์เนมสุดหรูขึ้นพาดไหล่แบบไม่ใส่ใจ เธอก้าวลงจากรถด้วยใบหน้าบึ้งตึงจนแม่บ้านที่ยืนรอรับถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย

"คุณหนูกลับมาแล้วเหรอคะ?"

"อื้อ" ไลลาตอบสั้น ๆ แล้วถอดรองเท้าส้นสูงราคาแพงออกตรงนั้น ก่อนจะเหวี่ยงมันด้วยเท้ากระเด็นไปข้างโซฟาอย่างหมดอารมณ์

"แม่งเอ๊ย~"

คำสบถหลุดออกจากปากคุณหนูแห่งบ้านรัฐมนตรีอย่างไม่แคร์ฟ้าดิน ใบหน้าสวยจัดแสดงความหงุดหงิดแบบไม่ปิดบัง

ภาพของชายหน้านิ่งที่ยียวนอย่างเหลือเชื่อยังตามหลอกเธอไม่หยุด เสียงทุ้มต่ำกับประโยคสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้ยังคงตามมาสะกิดในหูถึงในบ้าน

"น่าสนุกดี ฉันชอบ"

"หึ~ ใครจะยอมให้ชอบวะ!"

เธอโยนกระเป๋าลงบนโซฟาตัวใหญ่ แล้วทรุดตัวลงตาม แหงนหน้าพิงพนักโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตาคมเฉี่ยวหลับลงชั่วครู่

"ไม่ต้องมาทำเก่งใส่ฉันเลย ไอ้เหี้ยเทลวิน"

และแม้จะขี้วีน เอาแต่ใจ แต่ไลลาก็ไม่ใช่คนไร้สติ

หลังจากนั่งพักสักครู่ เธอลุกขึ้นเดินขึ้นห้อง ทิ้งตัวลงบนเตียงหนานุ่ม แล้วคว้าเสื้อยืดตัวโคร่งมาใส่พร้อมกางเกงขาสั้นเตรียมตัวเข้าสู่โหมดที่โหดร้ายกว่าปากของเธอเสียอีก

แสงไฟสลัว ๆ ของโคมตั้งโต๊ะถูกเปิดขึ้น เสียงพลิกหน้ากระดาษหนังสือกฎหมายที่แน่นเอี๊ยดด้วยถ้อยคำวิชาการแสนยากเริ่มต้นขึ้นตอนเกือบตีหนึ่ง

"หาว~" ไลลายกมือปิดปาก พลางขยับคอไปมาไล่ความเมื่อย ท่าทางเธออาจจะดูเอาแต่ใจเวลาสั่งแม่บ้าน หรือเหวี่ยงโมโหกับเรื่องไร้สาระ แต่กับเรื่องเรียน ไลลาจริงจังจนไม่น่าเชื่อ

"คุณหนูคะ นมอุ่น ๆ ค่ะ" เสียงนุ่มของแม่บ้านวัยกลางคนคนสนิทเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนก่อนจะวางแก้วนมลงข้างโต๊ะหนังสือ

ดวงตาเฉี่ยวของไลลาตวัดมองเหมือนจะวีนก่อนจะปรับสีหน้าอัตโนมัติเมื่อเห็นว่าเป็นคนที่เธอไว้ใจที่สุด รอยยิ้มบาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นแทน

"ขอบคุณนะพี่แป๋ว"

"อย่าหักโหมนะคะ... เดี๋ยวคุณหญิงรู้ว่าแอบอ่านหนังสือตอนดึกอีก จะโดนว่าเอา"

คำว่า ‘คุณหญิง’ ทำให้ไลลานิ่งไปสักพัก เธอหยิบแก้วนมขึ้นมาจิบเบา ๆ พร้อมเสียงถอนหายใจหนักตามมา

"แม่ไม่อยู่อีกแล้วสินะ"

พี่แป๋วเพียงแต่พยักหน้าเบา ๆ ไม่พูดอะไร เพราะทุกครั้งที่พ่อของเธอเดินทางไปต่างประเทศเพื่องานประชุมใหญ่ระดับนานาชาติ คุณหญิงแม่ก็มักจะไปด้วย ไม่เคยอยู่บ้านเลยสักครั้ง

"มันคงเป็นหน้าที่ของภรรยาที่ดีละมั้ง…ในฐานะคู่ชีวิตของรัฐมนตรี" ไลลาพึมพำเบา ๆ เธอวางแก้วนมลงแล้วถามต่อ

"ลียาหล่ะ?"

"นอนตั้งแต่สองทุ่มแล้วค่ะ...ยังคงเรียบร้อยเหมือนเดิม" แม่บ้านตอบด้วยรอยยิ้ม

ไลลาพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันไปมองกรอบรูปที่ตั้งอยู่ข้างหัวเตียง เป็นรูปสองพี่น้องยิ้มให้กล้องในทริปท่องเที่ยวเมื่อสองปีก่อน

ลียาเป็นน้องสาวที่ห่างจากเธอถึงสามปี นิสัยเรียบร้อย พูดเพราะ เรียนดี และไม่มีนิสัยขวางโลกแบบพี่สาวคนนี้ ต่างกันเหมือนขาวกับดำ

เวลาล่วงเลยไปพักใหญ่ ไลลาลุกขึ้นยืดแขนยืดขาเบา ๆ แล้วเดินไปปิดไฟห้องอ่านหนังสือก่อนจะกลับขึ้นเตียง

แม้หัวใจยังคงหงุดหงิดกับบางความทรงจำของค่ำคืนนี้ แต่ร่างกายก็เริ่มล้า และเปลือกตาเริ่มหนักลง ก่อนที่สติจะปลิวหายไปพร้อมกับความฝัน

กริ๊ง กริ๊ง

เสียงนาฬิกาปลุกบนโต๊ะหัวเตียงดังกึกก้องจนแทบสั่นทั้งห้อง แต่คนที่ควรจะตื่นกลับนอนกรนเบา ๆ อยู่ใต้ผ้าห่มหนานุ่มอย่างไม่รู้สึกรู้สา

เวลาผ่านไปจนกระทั่งแสงแดดลอดผ่านผ้าม่านเนื้อดี ไลลาถึงได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมหัวฟูยุ่งเหยิงและใบหน้าตึงเครียด

"งานเข้าแล้ว! แปดโมงสิบ"

เธอผวาลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว หยิบมือถือมาเช็กเวลาอย่างร้อนรน วันนี้มีสอบเก็บคะแนนในคาบเช้า และเธอไม่ควรจะมานอนแผ่หลับเป็นตายแบบนี้!

มือข้างถนัดรีบคว้าผ้าเช็ดตัว พุ่งเข้าห้องน้ำแบบไม่สนอะไรทั้งสิ้น การแต่งหน้าสไตล์คุณหนูเนี้ยบเฉียบประจำวันจึงถูกตัดจบไปแบบดื้อ ๆ

ไลลาคว้าแป้งพัฟตบหน้าครั้งสองครั้ง ทาปากด้วยลิปกลอสลวก ๆ แล้วหยิบแมสสีดำขึ้นมาสวมกลบความเยินทุกประการ

"เฮงซวยตั้งแต่เมื่อคืนยันเช้า!" บ่นจบเธอก็กระชากประตูห้องออกมา แล้ววิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็ว รองเท้าสูงราคาแพงถูกยัดใส่เท้าโดยไม่ทันได้เลือก

แต่พอเปิดประตูหน้าบ้านออกมาก็ต้องชะงักไปนิด เพราะมีใครบางคนยืนยิ้มหวานรออยู่ก่อนแล้ว

"อรุณสวัสดิ์นะพี่ลาลา~" ลียาเอ่ยเสียงใส ยกมือไหว้พี่สาวแบบนุ่มนวล

คนเป็นน้องอยู่ในชุดนักศึกษาหญิงสีนวลสะอาดตา ผมดำตรงยาวถูกรวบครึ่งหัวอย่างเรียบร้อย ต่างจากพี่สาวราวฟ้ากับเหว ลียาดูสดใส เรียบร้อย ชวนให้รู้สึกเหมือนดอกไม้แรกแย้มในฤดูฝน

"มายืนยิ้มเป็นตุ๊กตาหมีอะไรแต่เช้า รีบขึ้นรถเลยไป!" ไลลาสะบัดเสียงแล้วก้าวพรวดไปเปิดประตูรถตัวเอง ส่วนลียาก็รีบวิ่งตามไปขึ้นรถด้านข้างพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ

"ก็กลัวพี่จะไม่ตื่นทัน เลยกะว่าถ้าพี่ยังไม่ลงมา หนูจะเรียกพี่แป๋วขึ้นไปปลุก"

"แล้วทำไมไม่ปลุกแต่แรกวะ!"

"ก็นึกว่าจะตื่นทันนี่นา ปกติก็ตื่นเร็ว"

"ประชดเก่งนะช่วงนี้" คำว่าปกติก็ตื่นเร็ว มันแปลว่าในขณะที่ลียาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แล้วเจอกับไลลาที่เพิ่งกลับเข้าบ้านหลังจากออกเที่ยวเตร่ทั้งคืนต่างหาก

"เปล่าซะหน่อย"

รถแล่นออกจากบ้านไปตามทางถนนหน้าคฤหาสน์ บรรยากาศภายในรถดูอึมครึมเพราะความหงุดหงิดของคนขับ แต่ลียากลับพูดเจื้อยแจ้วเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว

"เมื่อวานแม่โทรมาหานะ บอกว่าจะอยู่ปารีสต่ออีกสองวัน พี่รู้ยัง?"

"อือ" ไลลาพยักหน้าแบบไม่ใส่ใจ

"แล้วคุณพ่อก็มีประชุมใหญ่กับรัฐมนตรีพม่าอาทิตย์หน้า โห เดินทางตลอดเลยเนอะ เหนื่อยแทน"

"หุบปากซะที"

"หา?" ลียาหันมาขมวดคิ้วเล็กน้อย

"พูดมากเกินไปแล้ว! ถ้าจะนั่งรถกับฉันแล้วจะคุยไม่หยุดแบบนี้ ลงไปเดินเองเลยมั้ย?" เสียงของไลลาเฉียบจนบรรยากาศในรถเงียบสนิท

ลียาก้มหน้าลง ไม่ตอบโต้อะไร แต่ไลลายังไม่จบ เธอถอนหายใจแล้วพูดต่อเสียงแข็ง

"ชีวิตมันไม่ใช่นิทานดิสนีย์นะลียา จะเป็นเจ้าหญิงพูดเพราะ เรียบร้อยไปวัน ๆ มันไม่มีใครมาอุ้มออกจากหอคอยให้หรอก ถ้าเธอไม่เข้มแข็ง ไม่รู้จักปากกล้าบ้าง วันนึงก็จะโดนเหยียบจมดิน"

"ไม่กลัวหรอก เพราะหนูมีลาลา"

"ถามฉันยัง ว่าอยากมีน้องติงต๊องหรือเปล่า"

ทันใดนั้น!!

เสียงเบรกของมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่ขับสวนเลนตัดหน้าอย่างกะทันหัน ทำให้ไลลาต้องหักพวงมาลัยหลบอย่างแรง

"เฮ้ย!!"

โครมมม!!!

เสียงชนดังสนั่น รถของไลลาปะทะเข้ากับท้ายรถเก๋งสีขาวที่อยู่เลนข้าง ๆ แรงกระแทกทำให้ร่างของสองพี่น้องเซถลาไปข้างหน้า แม้จะคาดเข็มขัดแล้วก็ตาม

ไลลาคลำหน้าอกตัวเอง หอบหายใจถี่ มือที่จับพวงมาลัยสั่นน้อย ๆ ลียาเองก็หน้าซีด ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ

"พี่…โอเคมั้ย…?"

"มอไซค์เวรเอ๊ย..." ไลลาบ่นออกมาทั้งที่ใจยังเต้นแรง เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยายามเรียกสติกลับมา

"เอาไงดีล่ะลาลา?" ลียาพึมพำเสียงเบา

"บัดซบจริง…วันนี้จะซวยไปถึงไหนอีกวะ!"

และในขณะที่ไลลาเอาแต่ตัดพ้อชีวิตเฮงซวยอยู่นั้น รถหรูของเธอทั้งคันก็กำลังถูกรุมล้อมไปด้วยชายฉกรรจ์ชุดดำไม่ต่ำกว่าสิบคน.....

บทก่อนหน้า
บทถัดไป