บทที่ 1 ตอนที่1

แนะนำตัวละคร

พระเอก

ชื่อเล่น ขุนศึก

ชื่อจริง นาย ขุนณรงค์ ชัชชัยวรรณ อายุ29ปี

นักธุรกิจเจ้าของ อสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของบริษัท CEO ห้างสรรพสินค้า KAที่มีสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ บุตรชายเพียงคนเดียวของคุณหญิง นฤมิตร.....

"ผมมี...ผู้หญิงที่ผมรักอยู่แล้วครับ..."

“เมื่อฉันเคยให้เธอเป็นตัวจริงแล้วเธอไม่เอา…งั้นเธอก็เป็นแค่ของเล่นของฉันเถอะ!”

นางเอก

ชื่อเล่น เอริ

ชื่อจริง นางสาว ฐิติมน ยิ้มมโหทัย อายุ29ปี

ผู้หญิงที่สวยขยันทำงานเป็นเลขาของเจ้าของบริษัทที่หล่อรวยที่สุดอย่างขุนศึก ที่เธอควบตำแหน่งเพื่อนลูกจ้างและแฟนของเขาในเวลาเดียวกัน แต่เธอต้องอยู่ในสถานะของคนในความลับ

“ฉันขอนายแค่สี่แสน…แค่ความสัมพันธ์ในค่ำคืนเดียว”

"นายก็รู้ว่าเรื่องของเรา...มันไม่มีทางเป็นไปได้..."

"ฉันไม่อยากเป็นแค่ตัวสำรองอีกแล้ว..."

ร่วมด้วย

ชื่อเล่น จอมพล

ชื่อจริง ขจรกิต ชัชชัยวรรณ อายุ30ปี

ท่านรองประธานบริษัทKAหนุ่มเจ้าสำราญ หล่อเอาใจเก่ง พี่ชายต่างมารดากับขุนศึก ถึงชอบทำตัวกร่างหาเรื่องน้องชาย แต่เขานี่แหละที่ห่วงและหวังดีกับน้องชายหัวดื้อตลอด

“พี่ชอบ….เอรินะ…”

ชื่อเล่น นามิ

ชื่อจริง นางสาว นามิกา รัตนโภชัย อายุ26ปี

คู่หมั้นของขุนศึก บุตรสาวของคุณหญิง นวลปรางเพื่อนสนิทกับคุณหญิง นฤมิตร

"นามิ...ยอมให้พี่ขุนเอาผู้หญิงคนนั้นมาเป็นเมียอีกคนก็ได้นะคะ...แต่เป็นเมียน้อย...และเป็นแม่อุ้มบุญของลูกของเรา..."

ตอนที่1

ย้อนกลับไปเมื่อ8ปีก่อน

บ้านของ เอริ….

07:00น.

เอริ ฐิติมน….

ติ๊ดๆๆๆๆๆ

“อื้อ!”ฉันขยับตัวไปมาและดีดตัวตรงทันทีที่ได้ยินเสียงของนาฬิกาปลุกที่ข้างหัวเตียงนอนของฉันพลางเอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกาปลุกที่ส่งเสียงดังอยู่ในขณะนี้ให้ปิดลงทันที

พรึบ

“อื้อออออ…”ฉันบิดตัวไปมาเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนหยิบผ้าขนหนูมุ่งหน้าไปยังห้องอาบน้ำเพื่อจะอาบน้ำและแต่งตัวไปมหาลัย

ฉันชื่อเอริ ชื่อจริง นางสาว ฐิติมน ยิ้มมโหทัยอายุตอนนี้ก็ยี่สิบปีบริบูรณ์ กำลังเรียนอยู่ที่มหาลัยเอกชนชื่อดังที่ค่าเทอมแพงแสนแพงนี้ขนาดฉันใช้ความสามารถสอบเข้าน่ะเนี่ยยังแพงอ่ะ ฉันเรียนคณะบริหารธุรกิจปีสองแล้วแหละ และที่ฉันต้องตื่นสายแบบนี้ก็เพราะว่าฉันทำงานพาร์ทไทม์ดึกไปหน่อยน่ะ ฉันเป็นเด็กเหนือบ้านอยู่เชียงใหม่เจ้า ผิวของฉันเลยขาวอมชมพูละเอียดกว่าคนที่นี้หน่อยริมฝีปากก็สีชมพูระเรื่อโดยไม่ต้องแต่งเติมและอีกอย่างฉันมีหน้าตาที่ดีเข้าขั้นสวยเลยก็ว่าได้เพราะฉันเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น แม่เป็นคนญี่ปุ่นพ่อเป็นคนไทยฉันเลยกลายเป็นผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวจมูกโด่งแก้มป่องๆน่ารักๆเพราะได้เชื้อแม่ที่เป็นคนญี่ปุ่นมาเต็มๆถึงฉันจะเป็นคนลูกครึ่งแต่ฉันไม่ได้รวยหรอกนะ ออกจะจนเสียด้วยซ้ำไป แม่ฉันกลับญี่ปุ่นไปตั้งแต่คลอดฉันได้สองวัน ส่วนพ่อก็มาเสียชีวิตไปอีกตอนที่ฉันอายุได้เพียงสามเดือน มีคนส่งตัวฉันให้ญาติที่เหลือเพียงคนเดียวของพ่อฉันเป็นคนรับเลี้ยงดู นั้นคือป้าบัวพี่สาวแท้ๆของพ่อฉัน ที่ตอนนี้ฉันก็มาอาศัยป้าแกอยู่เหมือนกัน เราสองคนเช่าแฟลตเก่าๆอยู่ที่มีห้องนอนห้องเดียวและก็ห้องน้ำอีกหนึ่งห้องแค่นั้น แต่ป้าฉันไม่ค่อยได้กลับมานอนที่ห้องสักเท่าไหร่หรอก เพราะท่านทำงานเป็นแม่บ้านบ้านเศรษฐีน่ะกินนอนอยู่ที่นั้นเลย ก็เหลือแต่ฉันนี้แหละ

มหาลัย E

09:00น.

พรึบ

“โอ้ย!”ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อร่างกายของฉันโดนใครสักคนเดินชนเข้าอย่างจังทำให้ฉันล้มลงไปนั่งกับพื้นก้นกลมๆของฉันกระแทกพื้นเข้าอย่างจัง ดีนะที่ฉันใส่รองเท้าผ้าใบน่ะ ถ้าเป็นส้นสูงเหมือนทุกวันมีหวังขาฉันพลิกแพลงแน่

พรึบ

“เราขอโทษ…เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”เสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างสูงของผู้ชายในชุดนักศึกษาที่เข้ามานั่งยองๆและช่วยฉันเก็บตำราหนังสือเรียนหลายเล่ม เสื้อนักศึกษาของเขาไม่ได้ผูกเนคไทแสดงว่าเขาไม่ใช่เด็กปีหนึ่งรุ่นน้องของฉันเป็นแน่ อาจจะเป็นรุ่นพี่หรือไม่ก็รุ่นเดียวกัน

“ไม่เป็นไรค่ะ..”ฉันตอบเขาไปเป็นในจังหวะเดียวกับที่ฉันเงยหน้าขึ้นไปสบตาเข้ากับเขาพอดี ผู้ชายตรงหน้าฉัน โครงหน้ารูปไข่เรียวจมูกโด่งเป็นสันรับกับโครงหน้าที่ฟ้าประทานริมฝีปากหยักสีชมพูดวงตาคู่คมที่หวานและอ่อนโยนไปในขณะเดียวกันทำให้หัวใจดวงน้อยๆของฉันเต้นรัวเร็วขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุและไม่เคยเป็นมาก่อน

“เราขอโทษนะ…พอดีเราคุยแชทกับแม่อยู่น่ะ..เลยไม่ได้มองทาง…”เขาว่าเสียงอ่อนแววตาของเขาสื่อว่าเขารู้สึกผิดจริงๆ

“อืม…ไม่เป็นไรหรอก..”ฉันตอบเขาไปเสียงแผ่วเบา

“เดี๋ยวเราช่วย…”เขาว่าอย่างเป็นสุภาพบุรุษที่เขาเห็นว่าฉันกำลังจะลุกขึ้นแต่กระโปรงทรงเอเจ้ากรรมของฉันมันไม่อำนวยเลย วันนี้ไม่น่าใส่ตัวที่สั้นๆมาเลย ฉันจึงต้องยื่นมือขึ้นไปจับมือหนาของเขาที่ยื่นมือมาตรงหน้าฉัน เขาก็ยิ้มละมุนให้ฉันก่อนจะค่อยๆดึงร่างของฉันให้ลุกขึ้นยืนทรงตัวได้เอง

พรึบ

“ขอบคุณนะ…”ฉันเอ่ยขอบคุณเขาไปทันทีที่ฉันยืนเต็มความสูงได้แล้ว เขาก็ยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยนและละมุน

“เราสิ…ต้องขอโทษเธอ…”เขาว่าพลางหลบสายตาฉันอย่างรู้สึกผิด

บทถัดไป