บทที่ 4 ขัดใจ
“เราออกมานอกกรอบของวังหลวงแล้ว จงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้สนุกที่สุด เพราะเราไม่รู้วันข้างหน้าต้องพบกับอะไรบ้าง ข้าอยากให้ท่านมีความสุขกับช่วงเวลาแห่งอิสระนี้”
ชุ่ยอิงยิ้มกว้างเมื่อเห็นแววตาสดใสของผู้เป็นนาย นางอยู่ในวังมานานเสียจนลืมความสุขนอกกำแพงแห่งนั้น ตอนนี้ผู้เป็นนายหยิบยื่นมันใส่มือของนางแล้วเช่นนี้ นางก็มิควรที่จะปฏิเสธ
เมื่อเข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นนายสื่อ ชุ่ยอิงจึงหัวเราะออกมาด้วยความสบายใจ ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยต่างส่งเสียงหัวเราะร่า ทำให้แม่ทัพหนุ่มพร้อมเหล่าทหารติดตาม ต่างหันมองคณะขององค์หญิงหานชินด้วยแววตามมีคำถาม
“พวกนางคิดว่าการเดินทางสู่ชายแดน เป็นเพียงการเที่ยวเล่นเช่นนั้นรึ”
แม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก เขายังมีบทเรียนสอนภรรยาสูงศักดิ์อีกมากทีเดียว นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
ขบวนทัพเคลื่อนตัวอีกครั้ง ทุกอย่างกลับมาเร่งรีบเช่นเดิม การเดินทางที่หยุดพักตามป่าเขา ไม่ได้ทำให้องค์หญิงหานชินรู้สึกเหนื่อยล้าอันใดเลย
แต่นางกลับเหมือนนกน้อยที่ได้บินออกจากกรงทอง เมื่อแวะพักตรงไหนที่มีลำธาร นางมักจะลงไปแหวกว่ายอย่างรื่นเริง ส่วนคนที่รู้สึกไม่พอใจ กลับเป็นคนที่เพียรพยายาม ผลักดันความลำบากให้แก่หญิงสาว
เวลาผ่านไปเกือบสิบวัน แม่ทัพหนุ่มยังคงไม่ได้เห็นความเหนื่อยล้า หรือได้ยินเสียงโอดครวญจากปากของหญิงสาวเลย แต่นางกับคนของนางดูจะสดใสร่าเริง
ทั้งยังดูสนุกสนานกับการเดินทาง จนเขายังไม่แน่ใจว่าที่เขาทำไปทุกอย่างนั้น นางได้รู้สึกถึงมันบ้างไหม
“ข้าอยากรู้นัก นางยังจะหัวเราะได้อีกสักกี่วันกัน”
แม่ทัพหนุ่มพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเดินฮึดฮัดกลับไปยังที่นั่งของตนเอง จ้าวหลงได้แต่ทำหน้าเจื่อน ๆ เมื่อนึกถึงคำสั่งของหัวหน้าพ่อบ้าน ว่าให้พยายามสานสัมผัสสองสามีภรรยาให้แน่นแฟ้น แต่ที่เขาเห็นนั่นคือนับตั้งแต่ออกจากเมืองหลวงจนถึงตอนนี้ ท่านแม่ทัพกับฮูหยินยังมิเคยร่วมกินอาหารกันแม้แต่มื้อเดียว
และดูเหมือนฮูหยินเองก็มิได้เดือดเนื้อร้อนใจ กับเรื่องนี้เลยสักนิด คนที่แสดงอาการไม่พอใจ เห็นจะมีเพียงฝ่ายท่านแม่ทัพคนเดียวเท่านั้น
หนึ่งเดือนต่อมา
“เราใกล้จะถึงสุ่ยหลานรึยังต้านหลี่”
เสียงหวานเอ่ยถามคนสนิท ที่กำลังตั้งใจย่างปลาตัวใหญ่ให้แก่นาง ด้วยเวลาที่ล่วงเลยมานั้นมันเกินหนึ่งเดือนมาแล้วนั่นเอง หากไม่เพราะสามีต้องการกลั่นแกล้งนางระหว่างทาง ป่านนี้คงถึงที่หมายไปนานแล้ว
“ไม่น่าจะเกินบ่ายพรุ่งนี้ขอรับ ตามจริงท่านแม่ทัพมิใช่เพียงกลั่นแกล้งนายหญิง แต่ข้าน้อยคิดว่าหมู่บ้านรายทางที่ท่านแม่ทัพแวะเวียน ต่างมีสิ่งสำคัญซ่อนอยู่ขอรับ”
“ข้ารู้ แต่ทำงานเช่นเขามันโจ่งแจ้งจนเกินไป”
“เรื่องงานลับ ๆ มันหน้าที่นายหญิงมิใช่หรือขอรับ”
ต้านหลี่เย้าผู้เป็นนาย เขารู้ดีถึงเป้าหมายที่นายหญิงของเขาต้องการที่จะพบ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อพวกเขาจำต้องติดตามท่านแม่ทัพหวัง จะทำงานอย่างรวดเร็วเช่นที่ผ่านมาย่อมไม่อาจทำได้
“ช่างเถอะ! เป็นข้าที่ผิดเอง ดันมิน่าถนอมดั่งหยกงามทั่ว ๆ ไป”
หานชินแกล้งประชดชายหนุ่ม ทว่าดวงตาคู่งามกลับมองไปอีกด้าน ที่มีร่างสูงของใครอีกคนมองมาที่นางอยู่แล้วเช่นกัน
บ่ายวันถัดมาขบวนทัพได้หยุดพักใกล้กับหมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างหมู่บ้านสุ่ยหลาน หัวหน้าหมู่บ้านได้ออกมาเชิญแม่ทัพหนุ่มและฮูหยินของเขา เข้าไปพักในหมู่บ้าน
ในยามค่ำคืนจึงมีงานฉลองต้อนรับแขก สุราอาหารพร้อมสรรพถูกนำออกมาเลี้ยงแขกอย่างมากมาย สองสามีภรรยาจำต้องนอนร่วมห้องกันในคืนนี้
แม้จะไม่เต็มใจแต่ทั้งคู่กลับเลือกที่จะเงียบ เพื่อให้ภารกิจของตนเองบรรลุเป้าหมาย หวังลู่ฉงรีบรับคำหัวหน้าหมู่บ้าน ด้วยเกรงอีกฝ่ายจะรู้ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีของเขาและภรรยา ซึ่งอาจเป็นปัญหากวนใจได้ในภายหน้า หากเรื่องนี้รู้ถึงหูศัตรู
หานชินมองไหสุราด้วยดวงตาวาวโรจน์ นางชื่นชอบการดื่มสุรารสเลิศ กลิ่นหอมของดอกไม้ผสมผสานกับรสชาติหวานกลมกล่อมของสุราหมัก ทำให้หญิงสาวดื่มเข้าไปเสมือนกำลังกินน้ำหวานจากดอกไม้
หวังลู่ฉงถึงกับต้องคว้าจับข้อมือภรรยาเอาไว้ เมื่อเห็นใบหน้าที่สะท้อนกับแสงจากกองไฟเริ่มเปลี่ยนสี ดวงตาที่เคยสุกใสเริ่มฉ่ำเยิ้มขึ้นทุกขณะ
“อย่าดื่มมากไป นี่มันเหล้าป่า มิใช่สุราหวานในเมืองหลวงนะ”
ชายหนุ่มปรามภรรยา แต่ดูเหมือนคำพูดของเขาจะไม่เป็นผล เมื่อเห็นแววตามีคำถามจากหญิงสาว
“จะแบบไหนก็เหมือนนั้นแหละ หากดื่มแล้วไม่เมา มันจะเรียกสุราเช่นนั้นรึ”
หานชินเถียงสามีด้วยน้ำเสียงอ้อแอบ้างแล้ว บอกได้ว่าตอนนี้นางกำลังเมา หญิงสาวปลดมือของสามีออกจากการจับรั้ง ก่อนจะยกไหสุราออกไปเต้นรอบกองไฟกับชาวบ้าน
“ท่านแม่ทัพโปรดอภัยให้ฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ ชุ่ยอิงอบรมนางได้ไม่ดีพอ”
“นางเป็นใครเล่าท่านป้า เราเพียงสามัญจึงจะหาญกล้าไปสั่งสอนนางได้”
“เอ่อ...เจ้าค่ะ”
ชุ่ยอิงมองใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำของแม่ทัพหนุ่ม ก็ทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ภายในใจ คืนนี้คงเป็นคืนแรกของท่านแม่ทัพกับองค์หญิงของนาง ที่จะได้นอนรวมห้องกันเป็นครั้งแรก
นางหวังยิ่งนักว่าจะไม่มีผู้ใดต้องบาดเจ็บ นางภาวนาให้ทั้งคู่เมาหลับไปเสีย เรื่องความปลอดภัยนั้นนางและผู้ติดตามพร้อมที่จะอารักขาอย่างเต็มกำลัง
แม่ทัพหนุ่มเห็นอาการยืนไม่ตรงของภรรยา แล้วรู้สึกขัดใจอย่างไรไม่รู้ ยิ่งเห็นสายตาของบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน ที่มองภรรยาของเขาเสมือนจะกลืนกิน
ความรู้สึกบางอย่างพลันแล่นเข้ามาในอก ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวตรงไปยังภรรยา มือหนาคว้าร่างบางเอาไว้ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างโอนเอนนั้นขึ้นสู่อ้อมแขน
