บทที่ 5

มันน่าตลกตรงที่พ่อของฉันจริงจังมาก แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครคิดแบบนั้น เพราะทุกคนกำลังหัวเราะ แม้แต่เจคยังตบหลังพ่อฉัน ทำทีเป็นว่าพวกเขาเป็นเพื่อนเก่ากัน พ่อของฉันฝืนยิ้ม แต่ฉันรู้ว่าท่านไม่ชอบ ท่านเคยพูดเสมอว่าผู้ชายที่ทำแบบนั้นเป็นพวกเด็กไม่รู้จักโต ดังนั้นฉันจึงรู้ว่ารอยยิ้มนั้นเป็นของปลอม ช่วงเวลาที่เหลือของค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนจะจบลงหลังจากที่ทุกคนดื่มอวยพร แม่ส่งสายตาพิฆาตใส่ฉันสองสามครั้ง แต่ฉันก็ไม่ปล่อยให้มันมารบกวนจิตใจ ฉันได้คุยกับเพื่อนเก่าของพี่สาวหลายคน เป็นเพื่อนที่เธอคบมาตั้งแต่สมัยอนุบาล ในทางกลับกัน ฉันไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนทุกคนของฉันเลย มีแค่เมลานีคนเดียว และข้อดีของเราคือเราไม่จำเป็นต้องโทรคุยกันทุกวัน แต่พอเจอกันทีไรเราก็ต่อกันติดทันที เราทั้งคู่ต่างก็เป็นพวกมุ่งมั่นเรื่องงาน ในขณะที่พี่สาวฉันต้องการความสนใจและการยอมรับอยู่ตลอดเวลาว่าเธอมีเพื่อนเยอะ ซึ่งฉันไม่เคยเป็นแบบนั้นเลย ขอบคุณพระเจ้า บทสนทนาเป็นไปได้ด้วยดี มีแม้กระทั่งเพื่อนเจ้าบ่าวคนหนึ่งพยายามจะมาจีบฉัน จนกระทั่งเพื่อนอีกคนของเขาบอกว่าฉันเป็นใคร จากนั้นเขาก็หายตัวไปเลย และฉันก็ไม่เห็นเขาอีกเลยตลอดทั้งคืน มันแปลกดี แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฉันเดือดร้อนอะไร เห็นได้ชัดว่าฉันมีแฟนที่ต้องทิ้งก่อน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะนอกใจแฟน ไม่ว่าแฟนคนนั้นจะมีตัวตนจริงหรือไม่ก็ตาม ไวน์ถูกรินอย่างต่อเนื่องซึ่งก็ดี มันทำให้ฉันลืมไปว่าจริง ๆ แล้วฉันมาที่นี่ทำไม และยังทำให้ฉันลืมเรื่องป้า ๆ ลุง ๆ ทั้งหลายที่อยากให้ฉันแต่งงานอีกด้วย

ประมาณเที่ยงคืน ฉันตัดสินใจว่าได้เวลาเข้านอนแล้ว พรุ่งนี้เช้าฉันมีนัดทานอาหารเช้าของเจ้าสาว จากนั้นก็ต้องไปเอารองเท้าของเจ้าบ่าวเจ้าสาว และต้องกลับมาให้ทันเรื่องแต่งหน้า ทำผม ทำเล็บ และอื่น ๆ อีกมากมาย ขณะที่ฉันเดินผ่านกลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าว ฉันเห็นผู้ชายคนนั้นมองมาที่ฉันอีกครั้ง แต่แล้วฉันก็ได้ยินเพื่อนอีกคนพูดกับเขาว่า “นายก็รู้ว่าเธอเป็นของต้องห้าม เขาฆ่าแกแน่ถ้าไปแตะต้องเธอ” ฉันไม่รู้ว่า ‘เขา’ คนนั้นเป็นใคร แต่เห็นได้ชัดว่าเพื่อนเจ้าบ่าวคนนั้นเมาพอที่จะพูดว่า “เออ ช่างแม่งสิ ฉันจะลองเสี่ยงดู” เพื่อนอีกคนดึงเขาออกไป ฉันตัดสินใจเดินหนีไปเลย ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ฉันกลับมาถึงห้อง ถอดเสื้อผ้าแล้วล้มตัวลงนอน ฉันหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นเอาตอนเก้าโมงเช้า ฉันซวยแล้วล่ะ ทั้งที่วันยังไม่ทันเริ่มเลยด้วยซ้ำ เราซึ่งหมายถึงเหล่าเพื่อนเจ้าสาว ควรจะไปทานอาหารเช้าด้วยกันในเต็นท์ยักษ์ตอนสิบโมง ฉันมีเวลาหนึ่งชั่วโมงในการกิน คุยเล่นเล็กน้อย และไปหาช่างทำรองเท้าเพื่อรับรองเท้าของพวกเขาทั้งคู่ตอนสิบเอ็ดโมง เวลาของฉันฉิวเฉียดมาก แต่ผู้หญิงก็ต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ ฉันกระโจนเข้าห้องน้ำ ทันทีที่น้ำกระทบหัว ฉันก็ตระหนักได้ว่าเมื่อคืนดื่มไปเยอะแค่ไหน เห็นได้ชัดว่าฉันต้องการยาแอสไพรินเพื่อแก้แฮงค์ ฉันรีบแต่งตัวในชุดสีเขียวเซจที่พี่สาวเตรียมไว้ให้เราทุกคน ทำผม แต่งหน้า แล้ววิ่งออกจากห้อง ยังพอมีเวลาเหลืออีกสิบนาที เมื่อฉันไปถึงห้องนั่งเล่น ฉันเห็นแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันคิดว่ารู้จัก แต่ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก ฉันต้องไปให้ถึงเต็นท์ก่อนสิบโมง ก่อนที่พี่สาวจะมาวีนใส่ฉันอีกครั้ง พอฉันเดินเข้าไป ทุกคนก็มากันพร้อมหน้าแล้ว “โอ้ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจมาสมทบกับเราเสียที” พี่สาวฉันพูดเสียงดังจนทุกคนหันมามองฉัน ไม่รู้ทำไมฉันถึงโบกมือให้พวกเขา “สวัสดีทุกคน” มีคนทักทายกลับว่า “ดีจ้ะ” “หวัดดี” และคนอื่น ๆ ที่ไม่ทักฉันเลย เช่นเดียวกับพี่สาวของฉัน เรานั่งลงและอาหารเช้าก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ไม่มีขนมปังหรือแพนเค้ก มีแต่ผลไม้ ไข่ และไส้กรอก อย่างน้อยก็ยังเลือกได้ว่าจะให้ทำไข่แบบไหน ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรเว่อร์ขนาดนี้ถ้าได้แต่งงาน คือพี่สาวฉันแทบจะไม่กินอะไรเลย เมื่อคืนเธอกินล็อบสเตอร์ของเธอไปแค่นั้น แม้แต่อาหารจานหลักเธอก็ไม่ได้แตะสักคำ ฉันตักผลไม้เต็มจานและไม่แตะอย่างอื่นเลย ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบไข่หรือไส้กรอกหรอกนะ แต่มันจะกินเข้าไปได้ยังไงถ้าไม่มีขนมปังปิ้งหรือมะเขือเทศหรืออะไรทำนองนั้น “เธอกินผลไม้หมดนั่นเลยเหรอ” เพื่อนเจ้าสาวคนหนึ่งถาม ฉันจำชื่อเธอไม่ได้ เธอเป็นคนใหม่ในกลุ่ม พอฉันมองไปที่จานของเธอ มีองุ่นอยู่แค่ลูกเดียวกลิ้งไปมาอยู่บนจาน ฉันตอกกลับไปว่า “แล้วนั่นจะทำให้เธออยู่ท้องไปจนถึงคืนนี้หรือเปล่าล่ะ เพราะพี่สาวฉันคงไม่ให้เธอกินอะไรอีกแล้วตลอดทั้งวัน” “ฉันกำลังคุมหุ่นอยู่” “อย่าไปฟังน้องสาวฉันเลย เธอยัดทะนานได้ทุกอย่างนั่นแหละ” พี่สาวฉันพูด ฉันอยากจะพูดสวนไปว่า อย่างน้อยฉันก็ไม่อ้วนขึ้น แต่ฉันก็ไม่ได้พูด มันเป็นวันพิเศษของเธอ และเราจะรักษามันไว้แบบนั้น พอถึงสิบโมงครึ่ง ฉันก็ทนไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ว่าจะเอาชีวิตรอดในคืนนี้ได้ยังไง “เน็ตต้า” ฉันเรียกพี่สาว “อย่าเรียกฉันแบบนั้น ชื่อฉันคืออองตัวเน็ต” “โอ๋น่า เธอก็เป็นเน็ตต้าของฉันเสมอแหละ” ฉันรู้ว่ามันทำให้เธอหงุดหงิด แต่ฉันต้องเอาคืนเรื่องที่เธอบอกว่าฉันยัดทะนาน “ฉันจะไปแล้วนะ ต้องไปเอาของที่เป็นสีฟ้าของเธอ” “ก็ได้ แต่รีบ ๆ หน่อยล่ะ แล้วฉันก็หวังว่าฉันจะชอบมันนะ ไม่งั้นฉันไม่ใส่มันแน่” “ขอโทษนะ แต่เธอไม่มีสิทธิ์เลือก” จากนั้นฉันก็วิ่งออกจากเต็นท์ไปเลย ฉันได้ยินเสียงเธอตะโกนไล่หลังมาว่า “เธอหมายความว่ายังไง เฮเลน เฮเลน”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป