บทที่ 9
จอห์นนี่
ผมละสายตาจากเธอไม่ได้เลยขณะที่เธอเดินมาตามทางเดิน ผมมั่นใจว่าต้องมีคนสังเกตเห็นแน่ๆ สักคนสองคน แต่ผมไม่สนอีกต่อไปแล้ว ผมต้องการเธอมาตั้งแต่สิบปีก่อนและตอนนี้ก็ยังต้องการอยู่ เห็นได้ชัดว่ากาลเวลาทำให้เธอยิ่งเซ็กซี่ขึ้น เธอยิ่งงดงามขึ้นเหมือนไวน์แดงชั้นดี พอเธอเห็นผมและจำได้ว่าเป็นใคร เธอก็ละสายตาจากผมไม่ได้เช่นกัน นั่นเป็นปฏิกิริยาที่ผมมองหาอยู่เลย เธอยังแอบชอบผมอยู่ คำถามเดียวคือใครจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน พิธีดำเนินไปเรื่อย... เรื่อย... และเรื่อยๆ จนกระทั่งบาทหลวงพูดว่า “จงสวมแหวนให้แก่กัน” มีคนต้องมาแตะไหล่ผมเพื่อเรียกสติ เพราะผมยังคงจ้องแต่เฮเลน เห็นได้ชัดว่าเธอก็จ้องผมอยู่เหมือนกัน เพราะอีนั่นที่นอนกับเจค... ที่เรียกตัวเองว่าเพื่อนเจ้าสาว... พูดเสียงดังพอให้ทุกคนได้ยินว่า “แกมีหน้าที่อย่างเดียวนะ” ผมอยากจะตบหน้าหล่อนแรงๆ แต่เฮเลนตวัดสายตามองหล่อน ผมเคยเจอสายตาแบบนั้นมาก่อน และถ้าผมเป็นหล่อน ผมจะอยู่ให้ห่างจากเฮเลนไปตลอดทั้งคืน
เราสองคนยื่นแหวนให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวและโดนทั้งคู่มองตาขวางใส่ แต่ผมไม่สนจริงๆ ผมมาที่นี่เพื่อเฮเลนเท่านั้น นั่นคือเหตุผลเดียวที่ผมตอบตกลงกับเพื่อนจอมปลอมคนนี้ จะว่าผมไม่ชอบหน้าเจคเลยก็ยังน้อยไป แต่หมอนั่นมันหน้าหนาเกินกว่าจะรู้ตัวด้วยซ้ำ พวกเขาสวมแหวนให้กันและบาทหลวงก็พูดว่า “บัดนี้ ข้าพเจ้าขอประกาศให้ท่านทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้” ทั้งคู่ทำหน้าเหมือนมางานศพ แต่ก็จูบกัน และเมื่อหันกลับมาหาแขก พวกเขาก็ฉีกยิ้มกว้าง
เจ้าบ่าวเจ้าสาวก้าวไปข้างหน้า และตอนนี้ก็ถึงตาผมที่จะได้ไปหาผู้หญิงที่ผมมาที่นี่เพื่อเธอ เธอก้าวมาข้างหน้า ผมยื่นแขนให้เธอ ทันทีที่ผิวเราสัมผัสกัน ผมรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่าง “หวัดดี” เธอกล่าวอย่างเขินอาย “หวัดดีเหมือนกัน” เราสองคนโดนเจ้าบ่าวเจ้าสาวมองใส่อีกครั้ง เราเลยเงียบกันไปตลอดเวลาที่เหลือ ทำแค่สิ่งที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวและแน่นอนว่าช่างภาพบอก มีอยู่นาทีหนึ่งที่มีแค่ผมกับเธอ เรายืนรอคำสั่งต่อไป เราสองคนเริ่มพูดพร้อมกันว่า “คือว่า...” “คุณก่อนเลย” แล้วพี่สาวของเธอก็เรียกเธออีกครั้ง “ขอโทษนะ” เธอทำปากขมุบขมิบ
ผู้ชายทุกคนถูกเรียกไปรวมตัวกันเพื่อถ่ายรูปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว แล้วก็ถ่ายรูปเดียวกันกับเหล่าเพื่อนเจ้าสาว เรื่องทั้งหมดนี้ชักจะน่าเบื่อและผมอยากให้มันจบๆ ไปเสียที แต่หลังจากการถ่ายรูป เราต้องไปที่โต๊ะของคู่บ่าวสาว ซึ่งผมต้องกล่าวอวยพรให้เจ้าบ่าว และผมกับเฮเลนจะนั่งอยู่คนละฝั่งของโต๊ะ เธอจะนั่งข้างเจ้าสาว ส่วนผมนั่งข้างเจ้าบ่าว ไม่เหมาะเลย ในที่สุดเราก็มาถึงโต๊ะที่แชมเปญถูกรินให้เจ้าสาวไม่ขาดสาย ผมเห็นเฮเลนพยายามจะเอาแก้วไปจากอองตัวเน็ตต์ในจังหวะหนึ่ง แต่ก็อย่างเคย อองตัวเน็ตต์เอาแต่ใจจนได้และเฮเลนก็ต้องคืนแก้วให้ เจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังเถียงกันหลังแก้วแชมเปญ เรื่องประมาณว่า “คืนนี้คุณจะเมาอีกแล้วเหรอ” เจ้าบ่าวถาม แล้วเจ้าสาวก็ตอบว่า “ก็ดี อย่างน้อยคุณจะได้ไปเอากับเพื่อนเจ้าสาวไง” อย่างน้อยก็ไม่มีใครได้ยินนอกจากผม เฮเลน และแน่นอนว่ายัยเพื่อนเจ้าสาว เพราะหล่อนสอดรู้สอดเห็นและอยากจะมีส่วนร่วมไปซะทุกเรื่อง
เฮเลน
จอห์นนี่กับฉันจ้องตากันตลอดทั้งพิธี เราไม่ได้ยินแม้กระทั่งตอนที่บาทหลวงพูดว่า “จงสวมแหวนให้แก่กัน” เพื่อนเจ้าบ่าวคนหนึ่งต้องแตะไหล่จอห์นนี่ ส่วนฝั่งฉัน เพื่อนเจ้าสาวตัวดีก็อยากเด่นอยากดังเลยเรียกชื่อฉันเสียงดังต่อหน้าทุกคน พอพิธีจบลงในที่สุดและบาทหลวงพูดว่า “เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้” สีหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยความรังเกียจ สิ่งเดียวที่ฉันคิดคือ ‘จะแต่งงานกันทำห่าอะไรวะถ้าทนหน้ากันไม่ได้ขนาดนี้’ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน ธุระไม่ใช่ พี่สาวของฉันต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง
ตอนที่จอห์นนี่กับฉันเดินเข้าหากัน เรายังคงจ้องตากันไม่วางตา ช็อตไฟฟ้าที่แล่นผ่านร่างตอนที่เขาสัมผัสตัวฉันมันเกินจะบรรยาย เราเพิ่งจะทักทายกันว่า “หวัดดี” พี่สาวกับสามีใหม่ของเธอก็มองเราตาเขม็งและบอกให้เราเงียบ อย่าคิดว่าตอนถ่ายรูปหรือตอนไหนมันจะดีขึ้นเลย เราไม่มีเวลาส่วนตัวกันแม้แต่นาทีเดียว และพอจะมี พี่สาวฉันก็เข้ามาขัดจังหวะอีก
พอเรามาถึงโต๊ะเจ้าสาว อองตัวเน็ตต์ก็กระดกแชมเปญแก้วแล้วแก้วเล่า ฉันพยายามจะเอาแก้วไปจากเธอ แต่สิ่งที่เธอพูดคือ “แกไม่กล้าหรอก” “ก็ได้ แต่แกตัดสินใจเองนะ ฉันบอกแล้วว่าจะขับรถพาหนี” “อย่ายุ่งเรื่องของฉันน่า เฮเลน” เออ โอเค ฉันอยากให้การเต้นรำครั้งแรกจบๆ ไปเสียที แล้วหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวของฉันก็จะสิ้นสุดลง ฉันจะได้ไปนั่งที่อื่นหรือหายตัวไปกับจอห์นนี่ก็ได้ ฟังดูเป็นแผนที่ดีกว่าเยอะ
ยังไม่ทันจะกล่าวอวยพร เจคกับอองตัวเน็ตต์ก็ทะเลาะกันเรื่องที่เธอเอาแต่ดื่มเหล้า แล้วเธอก็ตอกกลับไปว่า “ก็ดี คุณจะได้ไปเอากับเพื่อนเจ้าสาวไง” ฉันได้ยินเสียงคนสูดหายใจเข้าลึกๆ พอหันไปมองก็เป็นยัยเพื่อนเจ้าสาวตัวดีกำลังแอบฟังอยู่ “มีปัญหาอะไรรึเปล่า” ฉันถามหล่อน “ก็พวกเขาพูดถึงฉันนี่?” “แล้วฉันเข้าใจว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่พี่สาวฉันเพิ่งพูดไปเลยสินะ” หล่อนไม่ตอบ “ถ้างั้นก็นั่งลงไปแล้วหุบปากซะ” ขอบคุณพระเจ้าที่พิธีกรเริ่มกล่าวสุนทรพจน์พอดี
