บทที่ 4 เหล้าเป็นเหตุ (75%)
“ปากดี” ปรเมศไม่พูดเปล่าแต่ทำเอาสามคุณหมอหนุ่มสุดหล่อต่างอึ้งและมองตาค้าง ด้วยการเอื้อมมือไปโยกคางของคนที่เขาประกาศปาวๆ ว่าเกลียดนักเกลียดหนาคล้ายเย้า และนั่นก็ทำให้ผู้ถูกกระทำอย่างธารธาราแทบช็อก ร่างเพรียวระหงแข็งทื่อเหมือนถูกสาปไปชั่วขณะ
ครั้นได้สติสามหนุ่มที่เหลือต่างหันไปสบตากัน แล้วอมยิ้มกับท่าทีเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของปรเมศ คำกล่าวที่ว่าคนเมามักจะไม่โกหก คิดยังไงก็พูดไปตามนั้น หรือแสดงออกอย่างที่ใจปรารถนา จริงหรือไม่?
หากจริงพวกเขาคงเดาไม่ผิด ว่าแท้จริงแล้วไอ้เพื่อนตัวแสบไม่ได้เกลียดธารธาราอย่างที่ปากมันประกาศปาวๆ และถ้าคนคอโคตรแข็งอย่างปรเมศแสร้งเมาดิบด้วยแล้ว ก็แสดงว่าสิ่งที่พวกเขาสันนิษฐานมาโดยตลอดเป็นความจริงและน่าเชื่อถือมากขึ้นไปอีก ปรเมศมีความรู้สึกพิเศษกับธารธารา แต่ไม่ยอมรับ แถมยังปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองด้วยการสร้างกำแพงว่ารังเกียจพวกผิดเพศอย่างเธอ แต่ถ้าสิ่งที่สามคนคิดและเคยนั่งคุยกันไม่เป็นไปตามคาดก็แสดงว่าปรเมศนั้นเกลียดธารธาราเข้าไส้ เกลียดชนิดไม่มีวันญาติดีต่อกัน
“เฮ้ย! ไอ้น้ำมึงไหวไหมเนี่ย ยอมแพ้ก็ได้นะโว้ย คนปากหมาอย่างไอ้เชี่ยเมศไม่น่าคบเป็นเพื่อนหรอกว่ะ”
“หวายสิ…น้ำยังม่ายเมาเสียหน่อย” คนออกตัวว่าไม่เมาทำเสียงยานคางจนเพื่อนส่ายหน้าอย่างยิ้มๆ ด้วยเอ็นดูกับความรั้นอันน่ารักน่าชังของแม่สาวหล่อ
“เวลาเมามึงน่ารักเป็นบ้าเลยว่ะ”
แทนไทเอ่ยพลางหยิกแก้มแดงปลั่งอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะทำท่าเหมือนจะหอมอีกฝ่าย แล้วก็ต้องกลั้นขำเอาไว้แทบไม่อยู่ เมื่อปรเมศเอื้อมมือมาปัดเขาออกห่างจากธารธาราจนหน้าหัน พร้อมเอ่ยเสียงเข้ม
“มากไป!”
“เฮ้ย! ไอ้เชี่ยเมศ มึงหึงไอ้น้ำเหรอวะ”
คำถามที่แทนไทโพล่งขึ้นทำให้ผู้ที่กำลังเริ่มเมาอย่างธารธาราถึงกับหูผึ่ง แทบจะหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ทว่ากลับต้องผิดหวังกับประโยคที่คนโอหังพ่นออกมา
“หึงบ้านมึงดิ กูแค่กลัวมึงจะหลงเสน่ห์ทอมอย่างมัน”
คราวนี้คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นทอมค้อนควักจนสามหนุ่มที่เหลือหัวเราะครืน สงสัยเวลามันเมาต่อมความเป็นหญิงจะถูกกระตุ้น แม่งมันแสดงความเป็นหญิงได้ชวนมองชิบหาย
“หลงก็ดีสิวะ กูจะได้เปลี่ยนทอมให้เป็นเธอ”
“หุบปากมึงซะไอ้เชี่ยแทน แม่งเสียสมาธิการดวลเหล้าของพวกกูหมด”
“แหม…พอกูพูดว่าจะหลงเสน่ห์ไอ้น้ำเข้าหน่อยทำเป็นของขึ้นเชียวนะมึง” แทนไทเอ่ยแซวอย่างคะนองปาก
“ยังไม่หยุดอีก!” ปรเมศทำเสียงเข้ม
“หยุดก็ได้คร้าบไอ้คุณเพื่อน”
“น้ำขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ” เจ้าของใบหน้าแดงปลั่งชวนมองเอ่ยเสียงติดจะเซ็กซี่เพราะฤทธิ์น้ำเมา ก่อนจะลุกขึ้นด้วยสภาพทุลักทุเล แล้วเดินเซหน่อยๆ ไปทางห้องน้ำ
“กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
หลังจากธารธาราลุกไปเข้าห้องน้ำไม่นานปรเมศก็ไปบ้าง ทำเอาทั้งสามหนุ่มต่างหันไปสบตากันอย่างยิ้มๆ เดาว่าไอ้เพื่อนขี้เก๊กของพวกเขาคงตามคนที่มันประกาศว่าเกลียดไปแน่ๆ
คล้อยหลังปรเมศได้ไม่นานก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังออกมาจากทางห้องน้ำ หางตาดนัยเหลือบไปเห็นชายฉกรรจ์สี่คนที่คุ้นๆ ว่าเหมือนจะเป็นบอดี้การ์ดของปรเมศเดินผ่านหน้าไป ลางสังหรณ์บางอย่างบอกว่าอาจจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เขาจึงรีบชักชวนให้แทนไทและภูธฤทธิ์ไปดูให้แน่ใจ
“ตอนแรกนะเหมือนผู้หญิงกับผู้ชายแย่งทอมกัน แต่ซักพักก็มีผู้ชายอีกคนมามีเรื่องกับผู้ชายที่กำลังแย่งทอมอยู่กับผู้หญิง สงสัยผู้ชายคนนั้นเป็นผัวทอมแน่เลยแก”
“อือ…คงใช่แหละ ฉันล่ะอิจฉายัยทอมนั่นจังเลย มีผู้ชายมารุมแย่งตั้งสองคนแน่ะ โดยเฉพาะคนหลังนี่เด็ดสุดๆ หล่อแบบโอปป้าเกาหลี แถมยังมีหนวดแลดูเถื่อนๆ ออกแนวแบดบอยด้วยนะแก”
เสียงซุบซิบของสาวๆ ที่เดินออกมาจากทางห้องน้ำ ทำให้สามหนุ่มต่างทำหน้าฉงน อีกทั้งสังหรณ์ใจว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นจะเกี่ยวกับเพื่อนของตน และทันทีที่เดินมาถึงจุดเกิดเหตุพวกเขาก็ต่างพากันตกใจ เพราะเป็นไปตามคาดจริงๆ ธารธารายืนอยู่กับลูกน้องร่างยักษ์ของปรเมศในสภาพเมานิดๆ ใกล้ๆ กันนั้นมีสาวน้อยร่างเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มยืนอยู่ ซึ่งคะเนอายุน่าจะต่ำกว่าเกณฑ์ที่สามารถเข้าสถานบันเทิงได้ ส่วนปรเมศกำลังถลกแขนเสื้อขึ้น แล้วเค้นเสียงกระด้างเจือดุดันสาดใส่หน้าวัยรุ่นจอมกร่างคนหนึ่ง
“มึงจะเลิกตอแยยัยทอมนี่ดีๆ หรืออยากมีเรื่องกับกู”
“ทำไมกูต้องเลิกตอแยด้วยวะ เขากำลังจะไปกับกูอยู่แล้วถ้ามึงไม่เข้ามาเสือกเสียก่อน”
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย! มึงคิดว่าน้ำหน้าอย่างมึงผู้หญิงเขาจะยอมไปด้วยดีๆ เหรอวะ ถ้ามึงไม่ฉุดกระชากลากดึงเขาเหมือนอย่างที่กูเห็น” ปรเมศสบถถ้อยคำหยาบคายด้วยความเดือดจัด
“อ้าว…ไอ้เวรนี่! ปากหมากวนส้นตีนแบบนี้ก็อย่าอยู่เลยมึง” ขาดคำไอ้หนุ่มมาดอันธพาลก็ทำท่าจะปรี่เข้ามาหาปรเมศอย่างเอาเรื่อง หากบอดี้การ์ดร่างยักษ์ไม่จับล็อกตัวเอาไว้เสียก่อน
“ไอ้พวกหมาหมู่! แน่จริงมึงก็มาสู้กับกูตัวต่อตัวสิวะ!”
“ถ้ากูวัดกับมึงแบบตัวต่อตัว บอกเลยว่าไอ้กร่างที่ดีแต่เห่าอย่างมึง…ตายคาตีน” พ่อหนุ่มพันธุ์ดิบเคลื่อนร่างสูงใหญ่ไปยืนตรงหน้าคนที่กำลังทำท่าฮึดฮัด แล้วเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ถุย!!!
“มึงอย่าดีแต่ปาก แน่จริงก็ให้คนของมึงปล่อยกู” น้ำลายที่ไอ้อันธพาลพ่นออกมาเฉียดหน้าปรเมศไปเพียงนิด และนั่นก็ทำให้นัยน์ตาของจอมเย็นชาหน้าตายดำมืดชวนขนลุก
“พวกมึงปล่อยมัน กูจะกระทืบแม่งให้จมดิน”
ทันทีที่ลูกน้องปล่อยคู่กรณีเป็นอิสระ คุณหมอสุดหล่อแต่ดิบเถื่อนถึงแก่นก็ซัดหมัดลุ่นๆ เข้าที่ปากของไอ้คนที่มันบังอาจทำกิริยาต่ำๆ ใส่เขา ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับเลือดกบปาก แหกปากร้องลั่นเหมือนหมาถูกเชือด และในชั่วพริบตาจอมซาดิสต์หน้าตายแต่ร้ายลึกก็ฟาดปากหมาๆ ไปตรงจุดเดิมอีกครา ทันใดนั้นพรรคพวกของคนถูกกระทำก็เหมือนจะกรูกันเข้ามา หากการ์ดของทางร้านไม่กันเอาไว้เสียก่อน
ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายใหญ่โตผู้จัดการร้านก็วิ่งกระหืดกระหอบมา แล้วยกมือขึ้นไหว้ปลกๆ ด้วยเกรงใจทั้งสองฝ่าย คนหนึ่งเป็นหลานชายท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนอีกคนก็เป็นถึงลูกชายอภิมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลระดับประเทศ ซึ่งรายหลังนี่ทำให้เขาถึงกับเหงื่อตก เพราะก็รู้ๆ กันอยู่ว่าปรเมศเป็นทายาทตระกูลมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครกล้าแหยม เพราะการทำให้ผิดใจไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
“อย่ามีเรื่องกันเลยนะครับ ผมขอล่ะ”
“กูก็ไม่ได้อยากมีเรื่องนักหรอก ถ้าไอ้เหี้ยนี่มันไม่เสือกมายุ่งเรื่องของกูก่อน”
“อ้าว…ไอ้ชาติหมา! กูไม่ได้อยากเสือกเรื่องระยำตำบอนของมึงนักหรอก ถ้าคนที่มึงกำลังจะฉุดกระชากลากดึงไปทำมิดีมิร้ายไม่ใช่เพื่อนกู”
คำว่า ‘เพื่อนกู’ แบบชัดถ้อยชัดคำที่หลุดออกมาจากปากคนมาดนิ่ง ทำให้คุณหมอหนุ่มทั้งสามต่างมองหน้ากันอย่างยิ้มๆ ถ้าออกโรงปกป้องกันขนาดนี้ ฟันธงได้เลยว่าปรเมศไม่ได้เกลียดธารธาราชัวร์
“ผมขอล่ะครับคุณเมศ คุณบอล อย่ามีเรื่องกันเลยนะครับ เห็นใจผมเถอะนะครับ”
