บทที่ 6 เมียทอม (25%)

คล้อยหลังเพื่อนทั้งสาม ปรเมศก็ซัดน้ำเย็นจัดเข้าไปหนึ่งแก้ว ส่งผลให้ตาสว่างขึ้นและสติเริ่มกลับมามากกว่าเดิม หากแต่อาการมึนหัวยังไม่สร่างซา

จากนั้นก็หันไปมองคนที่กำลังเอียงหน้าแนบซีกแก้มด้านขวาไปกับพื้นโต๊ะ เรียวปากอิ่มเต็มเผยอน้อยๆ นัยน์ตาเรียวเล็กหลับพริ้ม  ท่าทาชวนเอ็นดูอย่างน่าพิลึก

ภาพตรงหน้าตรึงสายตาของเขาจนหงุดหงิดเพราะกระแสบางอย่าง ก่อนจะยื่นปลายนิ้วชี้ไปจิ้มแก้มป่องๆ พร้อมเอ่ยเรียกเบาๆ

“นี่”

“หือ…” คนเมาไม่ได้สติทำเสียงงึมงำขานรับ ก่อนจะผงกหัวขึ้นมามองอีกฝ่ายตาเยิ้ม

“ไปกลับ”

“ม่ายกลับ อยากมาว…” ธารธาราส่ายหน้าอย่างดื้อดึงพร้อมเอ่ยเสียงยานคาง

“กูบอกให้กลับ” ปรเมศสั่งเสียงเข้ม

“ม่ายกลับ…” คนไร้สติเพราะฤทธิ์น้ำเมายังคงทำท่าดื้อแพ่ง จนเขาต้องกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน แม่งเมาแล้วดื้อจนน่าจับฟาดก้น

“น้ำ…กูบอกให้กลับ”

ถ้อยคำที่เขาพ่นออกมาทำให้คนเมาหูผึ่ง ดูเหมือนสติสตังจะเริ่มกลับมาเพียงเพราะได้ยินชื่อของตัวเองหลุดออกมาจากปากจอมเย่อหยิ่ง

“เมื่อกี้มึงเรียกชื่อกูเหรอ” ธารธาราดันตัวขึ้นมานั่งจ้องหน้าหล่อๆ แล้วเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความกระตือรือร้น เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะเอ่ยเรียกชื่อของเธอ

“ก็เออสิวะ” คนที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองพลาดเอ่ยเสียงแข็งๆ

“ดีจัง น้ำชอบ เรียกชื่อน้ำบ่อยๆ นะเมศ”

สรรพนามเรียกขานชื่อของเขาที่เปลี่ยนไปทำให้ปรเมศทำหน้าไม่ถูก ใบหูแดงก่ำ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือหัวใจกระตุกกับน้ำเสียงหวานล้ำเจือออดอ้อนอย่างมิอาจควบคุมได้

“ไม่เรียกโว้ย!” คนฟอร์มจัดโต้เสียงดัง ทำเอาแม่สาวขี้เมาเม้มปากน้ำตาคลอ แล้วเอ่ยตัดพ้อเสียงสั่นๆ

“ใจร้าย”

“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ลุกขึ้น จะได้กลับๆ กันซะที”

“ม่ายกลับ อยากมาว…” ธารธารายังคงเอ่ยย้ำด้วยประโยคเดิม จนเขาต้องเท้าสะเอวมองคนที่เอ่ยปากอ้อแอ้ว่าอยากเมาพร้อมบ่นอุบด้วยความหัวเสีย

“แม่งเมาเหมือนหมา แล้วยังจะมาบอกว่าอยากเมาอีก…ไปลุก”

“ลุกม่ายหวาย มึนหัว อุ้มหน่อยสิ” คนคออ่อนที่เมาแบบหมดสภาพเอ่ยอ้อนเสียงอ้อแอ้ พลางยกแขนทั้งสองข้างเป็นเชิงรอท่าให้อีกฝ่ายมาอุ้ม

“ชิบหาย! ถ้ากูอุ้มมึงคนคงมองว่ากูเป็นพวกผิดเพศชัวร์” วาจาที่หลุดออกมาจากปากหยักทำให้คนฟังหน่วงที่หน้าอกด้านซ้าย ก่อนจะเอ่ยแย้งเสียงเครือ

“กูไม่ได้เป็นพวกผิดเพศอย่างที่มึงยัดเยียดให้…กูเป็นผู้หญิง”

ยังไม่ทันขาดคำคนที่กำลังอยู่ในอารมณ์น้อยใจผสมเมาแบบขาดสติก็ฉวยมือของคุณหมอหนุ่มไปวางแหมะตรงหน้าอกอวบอิ่มที่ถูกรัดด้วยแถบผ้า ทำเอาเขาสะดุ้งเฮือกพร้อมหลุดสบถออกมา

“ชิบหาย!”

“กูมีนม” คนเมาเชิดหน้าบอกเหมือนภูมิใจเสียเต็มประดา

ปรเมศสะบัดมือออกประหนึ่งโดนของร้อน หอบหายใจแรง แค่ได้สัมผัสเจ้าก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นที่ถูกเจ้าตัวซุกซ่อนไว้ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวเลือดในกายของเขาก็เหมือนร้อนฉ่าขึ้นมาทันควัน

เวรแล้วไหมล่ะ! เขากำลังเกิดอารมณ์บ้าๆ กับยัยทอมที่เขาแสนจะเกลียดขี้หน้าอย่างนั้นเหรอวะ

ยังไม่ทันที่ปรเมศจะได้ตรึกตรองถึงความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วนอย่างถ้วนถี่ คนเมาก็ส่งเสียงหวานหยดชวนใจสะท้านมาออดอ้อน

“เมศจ๋า…”

“หยุดพล่าม แล้วลุกขึ้น ไม่งั้นกูทิ้งมึงไว้นี่แน่” เจ้าของโหนกแก้มแดงก่ำเอ่ยขู่เสียงเข้ม ทำให้อีกฝ่ายเบ้หน้าด้วยความน้อยอกน้อยใจ ยิ่งเมาเธอก็ยิ่งควบคุมอารมณ์ความรู้สึกไม่อยู่

“มึงมันคนใจร้าย” เสียงสั่นเครือติดจะอ้อแอ้เอ่ยตัดพ้อ

ปรเมศลุกขึ้น เงยหน้ากลอกตาขึ้นฟ้า แล้วสบถออกมาอย่างไม่รู้จะจัดการกับคนเมาขี้ใจน้อยยังไง เขามันผู้ชายปากหมาสายดาร์กไม่ถนัดปลอบใครเสียด้วยสิ

“ไอ้คนหน้านิ่ง หยิ่งยโส ไร้หัวใจ” เธอยังคงต่อว่าเสียงสะท้าน ตาเรียวยาวคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ

“เชี่ยเอ๊ย! อย่ามาดราม่า กูบอกให้ลุก” แทนที่จะเอ่ยปลอบปรเมศกลับกระชากเสียงใส่แบบฮาร์ดคอร์ทำให้คนอารมณ์อ่อนไหวถึงกับน้ำตาซึม ก่อนที่เธอจะส่ายหน้าพร้อมเอ่ยอย่างดื้อแพ่ง

“ม่ายลุก กูอยากมาว…”

“จะลุกไม่ลุก” เขาเท้าสะเอวทำเสียงเข้ม เพราะชักจะทนไม่ไหวเสียแล้ว

“ก็บอกแล้วไงว่าอยากมาว….”

“เออ…อยากเมาก็มากินเหล้ากับกูต่อ เราสองคนจะได้เมาแม่งหัวราน้ำกันไปเลย” ว่าแล้วแบดบอยตัวร้ายก็ทรุดกายลงนั่งข้างคนอยากเมา คว้าลำคอระหงแรงๆ มากอด

“เอ้า…ชน”

จากนั้นทั้งคู่ก็กอดคอชนแก้วกัน บ้างพูดคุยเรื่องที่ไม่เคยคุยกัน มีเสียงหัวเราะคิกคักผสานกับเสียวห้าวทุ้มติดจะอ้อแอ้ดังออกมาเป็นระยะ ซึ่งถ้าใครได้มาเห็นภาพนี้เข้าคงพากันทำหน้าเหวอ เพราะไม่คิดว่าคนเกลียดขี้หน้ากันจะมานั่งซดเหล้าด้วยกัน แถมยังคุยกันอย่างถูกคอจนน่าพิลึก

หลังจากยกเหล้าซดหมดแก้ว ธารธาราก็หันไปทาบฝ่ามือลงตรงซีกแก้มสากของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จับหน้าของอีกฝ่ายเอียงไปเอียงมาขณะที่สายตาหยาดเยิ้มมองไม่กะพริบ แล้วเอ่ยเสียงหวานๆ ทำเอาคนไม่ชินกับความเป็นหญิงของเธอถึงกับใจสั่นอย่างมิอาจควบคุมได้

“อือ…ไอ้เมศ ทำไมตอนเมามึงหล่อจังวะ”

“แล้วตอนไม่เมากูไม่หล่อหรือไง”

เขาถามเสียงห้าวติดจะพร่ามีแววหยอกล้อเล็กๆ ก่อนจะปัดมือเรียวออกจากข้างแก้ม แล้วยื่นหน้าเข้ามาหาจนปลายจมูกคมสันแตะปลายจมูกรั้น ทำเอาลมหายใจของคนถูกจู่โจมถึงกับสะดุดกึก หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ส่วนใบหน้านวลปลั่งนั้นเห่อร้อนด้วยความสะเทิ้นอายแกมประหม่า

“หล่อ…แต่ตอนเมาหล่อกว่า ตาเยิ้มโคตรเซ็กซี่” วาจาเยินยอซื่อๆ ที่หลุดออกมาจากปากอวบอิ่มทำให้คนที่มักไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ผ่านทางสีหน้าหัวใจกระตุกวาบอย่างช่วยไม่ได้ ริมฝีปากหยักกดลึกคล้ายพึงพอใจ และรอยยิ้มเล็กๆ นั้นก็ทำให้อีกฝ่ายทำหน้าเหวอ

เอ๊ะ!...เธอตาฝาดหรือเมาจนเป็นบ้าสติฟั่นเฟือนกันแน่ ถึงได้เห็นมุมปากของเขายกยิ้ม

“มึงยิ้มเป็นด้วยเหรอ” ธารธาราละล่ำละลักถาม พร้อมจ้องหน้าหล่อระเบิดระเบ้อที่เพิ่งผละห่างเหมือนตัวประหลาด

“อ้าว…กูก็คนนะครับ” เขาเลิกคิ้วเอ่ยหน้าตาย ทว่าแววตากลับปรากฏรอยยิ้มพรายชวนมอง และนั่นก็ทำเอาคนที่หัวใจเต้นแรงย้ำๆ ซ้ำๆ ถึงกับยิ้มแก้มปริ อุ่นวาบในอกจนบรรยายแทบไม่ถูก

“ยิ้มให้กูบ่อยๆ นะ…กูชอบ มึงยิ้มทีใจละลาย” คุณหมอสาวเอ่ยเป็นเชิงอ้อนพร้อมมองหน้าหล่อๆ ด้วยสายตาหวานเชื่อม ขาดคำเธอก็ฟุบไปกับโต๊ะเสียดื้อๆ

“เฮ้ย! ไอ้น้ำ นี่มึงน็อกกลางอากาศเลยเหรอวะ”

“ฮื้อ…กูไม่ได้น็อก มึนหัวเฉยๆ ขอพักยกแป๊บนึง” คนเมาจัดทำเสียงงึมงำทั้งที่หน้ายังซุกอยู่กับโต๊ะ

“ไม่ต้องพักยกหรอก กูแดกเหล้าไม่ไหวแล้ว เรากลับกันเหอะ เดี๋ยวกูไปส่ง” เอ่ยจบร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างก็ผุดลุกขึ้น แล้วเซนิดๆ อาการมึนหัวพุ่งเข้าจู่โจมจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่

ปรเมศยืนหลับตานิ่วหน้าอยู่สักพัก ทว่าสุดท้ายก็ไม่อาจฝืนจำต้องทรุดกายลงนั่งอย่างหมดสภาพ เอื้อมมือไปประสานกับมือของธารธาราเอาไว้ แล้วฟุบไปไม่ต่างจากอีกฝ่าย

บทก่อนหน้า
บทถัดไป