บทที่ 3 ความทรงจำสีหม่น (75%)

“ฉันบอกว่าเอามา!”

“เฮ้! พวกเธอไม่มีปัญญาหรือไงวะ ถึงได้มาข่มขู่ลอกการบ้านยัยนั่นอยู่ได้” น้ำเสียงกระด้างเจือดุดันที่โพล่งขึ้นทำให้ทุกคนต่างหันไปมองผู้มาใหม่

“พงษ์! พงษ์มาหามินนี่เหรอ” สาวป็อปประจำโรงเรียนร้องอุทานด้วยความยินดี แล้วรีบปรี่เข้าไปเกาะแขนของแฟนหนุ่มสุดหล่อด้วยสีหน้าระรื่น

“เปล่า” เขาตอบหน้าตาย ก่อนจะแกะมือของอีกฝ่ายออกจากแขนของตัวเอง ท่าทางเหินห่างทำให้เมริษาถึงกับหน้าเสีย แต่ยังทำเป็นเชิดเหมือนว่าไม่ได้รู้สึกอะไร

“แล้วพงษ์มาทำอะไรที่นี่”

“ฉันมาแข่งบาส”

“งั้นที่อาจารย์บอกว่าจะมีการแข่งบาสเชื่อมสัมพันธ์ ก็แสดงว่าเป็นการแข่งบาสระหว่างโรงเรียนพงษ์กับโรงเรียนมินนี่น่ะสิ” เห็นท่าทางเย็นชาของแฟนเด็กที่อายุห่างกันหนึ่งปีเธอก็ชวนคุยอย่างกระตือรือร้น

“ใช่” พงษ์สวัสดิ์ตอบห้วนๆ เริ่มมีสีหน้าเบื่อหน่ายกับคำถามฟังดูไร้สาระ ปากขยับโต้ตอบกับเมริษา แต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับลอบมองคิริมาเป็นระยะ

“อุ๊ย! งั้นมินนี่จะรอเชียร์นะ ป่ะพวกเราไปขึ้นสแตนด์กันเถอะ” เมริษาเอ่ยเอาใจแฟนหนุ่มของเธอ ก่อนจะหันไปชักชวนเพื่อนๆ โดยลืมเรื่องส่งการบ้านไปเสียสนิท

“เดี๋ยวก่อนมินนี่”

“พงษ์เปลี่ยนใจจะไปสนามบาสพร้อมมินนี่ใช่ไหมล่ะ” เจ้าของใบหน้าแต้มยิ้มหวานหยดรีบเดินกลับมาหาหนุ่มหล่อหน้าใส แล้วเอ่ยด้วยท่าทางระริกระรี้

“เปล่า…ฉันจะบอกเธอว่าเราจบกัน”

“พงษ์! ทำไมพงษ์พูดอย่างนั้น มินนี่ทำผิดอะไร” ถ้อยคำบอกเลิกง่ายๆ ต่อหน้าทุกคนทำให้สาวฮอตของโรงเรียนถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ

“เธอไม่ได้ทำผิดอะไรหรอก แต่เธอโง่ และฉันก็ไม่ชอบผู้หญิงโง่…จบนะ!” เขาเอ่ยเสียงเรียบๆ แต่แสนกระแทกใจ จนคนถูกบอกเลิกถึงกับวิ่งร้องไห้โฮจากไปด้วยความเสียใจปนอับอายที่ถูกด่าว่าโง่

เห็นดังนั้นคิริมาก็ลอบยิ้มตรงมุมปากด้วยความสะใจ ก่อนจะรีบทำหน้านิ่งเมื่อคนที่เพิ่งบอกเลิกสาวไปหมาดๆ ก้มลงมามองหน้าเธอ พอได้มองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ สาวน้อยก็เบิกตาโพลง โลกกลมได้อย่างน่าเหลือเชื่อพอๆ กับน่าโมโห เพราะเด็กผู้ชายผิวขาวออร่า หน้าหล่อใสสไตล์โอปป้าเกาหลี จมูกโด่งเป็นสันปลายเชิดรั้น ริมฝีปากหยักลึก และนัยน์ตาตี่ทว่าร้ายๆ ที่กำลังยืนล้วงกระเป๋าเก๊กท่าหล่ออยู่ตรงหน้าคือคนเดียวกันกับที่ลอยหน้ากวนประสาทเธอไปเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่วันนี้ผมของเขาไม่เป็นสีเทาแล้ว กลับมาทำสีดำถูกระเบียบโรงเรียน พอมองชุดกีฬาที่อีกฝ่ายสวมอยู่ถึงได้รู้ว่าทำไมเขาถึงทำหัวสีเทาได้ ก็เพราะเขาเรียนโรงเรียนเอกชนชื่อดังอันดับหนึ่งของประเทศ ที่ค่าเทอมแสนจะแพง แถมอาจารย์โคตรเทพ ซึ่งเพิ่งจะเปิดเทอมไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โรงเรียนเขาเปิดหลังโรงเรียนเธอหนึ่งสัปดาห์ และถ้าเดาไม่ผิดพ่อกับแม่ของอีกฝ่ายคงจะเป็นผู้มีอุปการะคุณรายใหญ่ของโรงเรียนนั้นแหงๆ

พอโดนจ้องเอาๆ คิริมาก็ทำตัวไม่ถูก รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบชอบกล รีบเก็บสมุดและปากกายัดใส่กระเป๋า แล้วตั้งท่าจะลุกขึ้นจากม้านั่งหินอ่อน หากว่าอีกฝ่ายไม่คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเสียก่อน

“เดี๋ยวก่อนสิ ไม่คิดจะขอบคุณกันสักคำเลยหรือไง”

“ขอบคุณเรื่องอะไร”

ท่าทางเย็นชาจนน่าโมโหทำให้พงษ์สวัสดิ์กลอกตาขึ้นฟ้า ก่อนจะสวนกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ

“คนเขาอุตส่าห์ช่วยจากเห็บหมาพวกนั้นยังไม่สำนึกอีก”

“ถึงนายไม่ช่วยฉันก็หาทางเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว” สาวแว่นยักไหล่ทำหน้าตาย

ท่าทางเย่อหยิ่งทำให้เขานึกหมั่นไส้ มุมปากหยักกระตุกยิ้มมาดร้าย ครั้นเธอตั้งท่าจะบิดข้อมือให้หลุดพ้นจากอุ้งมือ เขาก็จงใจบีบรัดให้แน่นเข้า แล้วกระชากแรงๆ จนร่างบางปลิวไปตามความยาวของม้านั่งเกือบปะทะเข้ากับร่างสูงโปร่งที่ยืนค้ำหัวเธออยู่ จากนั้นเขาก็ก้มลงเอ่ยเสียงเข้มๆ

“อวดดี!”

“ใช่ ฉันอวดดี พอใจหรือยัง ถ้าพอใจแล้วก็ปล่อย”

“ไม่ไปขึ้นสแตนด์กับเขาหรือไง” แทนที่จะปล่อยเขากลับชวนคุยอย่างหน้าตาเฉย ซึ่งการดึงมือของเธอไปแนบอกกว้างก็ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักรุนแรง ก่อนจะเค้นเสียงแข็งๆ โต้ตอบ

“ไป”

กล่าวจบคิริมาก็บิดข้อมือจนหลุด ลุกขึ้นจากม้าหินอ่อน แล้วก้าวเดินจากไป ทำให้คนที่ไม่เคยถูกเมินถึงกับอ้าปากค้าง แต่กระนั้นก็ยังกัดฟันเข่นเขี้ยวเดินตามหลังยัยแว่นหน้าจืด

“เฮ้!”

ครั้นทนไม่ไหวเขาก็ร้องเรียก แล้วคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อกีฬาของคนที่ก้าวอาดๆ โดยไม่สนว่าจะมีหนุ่มฮอตอย่างเขาเดินล้วงกระเป๋าตามมาท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆ

พงษ์สวัสดิ์กระชากคอเสื้อจากทางด้านหลังจนอีกฝ่ายเซมาปะทะแผงอก ทำเอาคิริมาทำหน้าตื่น เงยหน้าขึ้น แล้วก็ต้องรีบหลับตาปี๋ เมื่อคนที่ตัวสูงกว่าก้มลงมาหา แล้วจงใจกระซิบ

“โรงยิมอยู่ทางนี้ต่างหากล่ะ” ขาดคำคนที่เคยมาแข่งบาสที่โรงเรียนนี้แล้วหนหนึ่งก็จัดการลากแขนเรียวติดมือไป โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะขืนกายต่อต้านแต่อย่างใด เห็นท่าไม่ดีคิริมาก็ร้องประท้วง

“ฉันจะไปส่งการบ้าน…ปล่อย!”

วินาทีถัดมาเขาก็ปล่อยมือจากแขนเธออย่างง่ายดาย ส่งผลให้คนถูกคุกคามถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าไม่นานกลับต้องเบิกตากว้าง หัวใจเต้นผิดจังหวะ และยืนขาตายอยู่ตรงนั้น เมื่ออยู่ๆ อีกฝ่ายก็เดินเข้าประชิดแบบไม่ทันตั้งตัว แล้วเอ่ยเป็นเชิงสั่งด้วยท่าทางเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ

“ไปสิ…จะไปส่งการบ้านไม่ใช่เหรอ”

“เกี่ยวอะไรกับนายด้วย ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน”

คิริมาสบตาร้ายๆ ของคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ แล้วเชิดหน้าสวนกลับเสียงแข็งๆ ทำเอาหนุ่มฮอตเดาะลิ้นด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ เห็นเธอก้าวหนีเขาก็ก้าวตามอย่างหน้าตาเฉย และการกัดไม่ปล่อยก็ทำให้คนที่เดินลิ่วไปข้างหน้าถึงกับหยุดฝีเท้าลง หันขวับกลับมายังเบื้องหลัง เห็นดังนั้นพงษ์สวัสดิ์ก็เลิกคิ้วท้าทาย ก่อนจะแทบหน้าหงายเมื่ออีกฝ่ายมองเขาคล้ายรำคาญเสียเต็มประดา แล้วเค้นเสียงกระด้างออกมา

“อย่ามายุ่งกับฉัน!”

ยัยแว่นสุดเชยสาดถ้อยคำชวนหงุดหงิดงุ่นง่านพอๆ กับเสียหน้าใส่หนุ่มหล่อสุดป็อปที่สาวๆ ซึ่งอยู่บริเวณนั้นต่างมองตาปรอย แล้ววิ่งจากไปชนิดไม่เหลียวหลัง

“ฮึ่ม! ฝากไว้ก่อนเถอะยัยแว่นตัวแสบ! เจอกันครั้งหน้าฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”

พงษ์สวัสดิ์คำรามด้วยความเดือดดาลสุดขีด หมายมาดว่าหากเจอกันอีกหนเขาจะแกล้งจนยัยเชยจอมเย็นชานั่นสติแตก หรือไม่ก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งจนหาทางกลับบ้านไม่เจอกันเลยทีเดียว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป