บทที่ 5 จับจ้อง
คนที่เอ่ยคืออาฉุน นางเป็นสตรีทึนทึก และยังไม่ออกเรือน เนื่องจากเคยถูกผู้ชายถอดหมั้น และทำให้นางเป็นม่ายทั้งที่ยังไม่เข้าหอ
“ถิงถิง...”
ลู่ซินเหม่ยชี้ที่ตัวเอง
“เอ่อๆ ๆ แม่นางถิงถิง เมื่อครู่ ข้าเห็นใจเจ้านะ แต่ให้ออกไปเจ็บตัวด้วย ข้าก็ไม่เอาหรอก รั่วเฟิง เป็นนางปีศาจของเกาะเผิงหนาน และใครจะรู้ วันข้างหน้าหากนางอาจปีนขึ้นเตียงกับนายท่านสำเร็จ และเมื่อนางได้เป็นฮูหยินใหญ่ ก็คงไล่คิดบัญชีกับคนที่บังอาจทำเรื่องขวางหู ขวางตานางแน่นอน”
ได้ฟังเสิ่นฉุนเอ่ยเช่นนั้น ลู่ซินเหว่ยก็ไม่อยากโทษอีกฝ่าย และนางจำเป็นต้องอยู่รอดบนเกาะนี้
“เจ็บ... ถิงถิง เจ็บ มะ เหม็นด้วย”
นางฟ้องเสิ่นฉุน และทำท่าจะโผเข้าไปกอดอีกฝ่าย
“โถ อดทนหน่อยเถิด ใครใช้ให้เจ้างดงาม มีผิวขาว และร่างบอบบางเพียงนี้ รั่วเฟิงย่อมอิจฉา และข้ายังได้ยินว่า นายท่านอยู่กับเจ้าตั้งสามคืนสามวัน อูย... เรื่องนี้ ไม่ธรรมดาเลย”
ลู่ซินเหย่ามองหน้าเสิ่นฉุน และแก้เรื่องนี้ให้ถูกต้อง ด้วยความจริง หญิงสาวพบซานเกอที่เมืองไป๋จู้ก่อนขึ้นเรือ
ซึ่งในหอมวลผกา ก็เป็นนางที่เข้าห้องเขาผิด ซ้ำร้ายยังใจกล้าช่วยถูเนื้อตัวเขา ซึ่งหวิดจะเป็นฝ่ายนวดขาที่สามให้ชายหนุ่มผ่อนคลายด้วยซ้ำ และนับว่านางยังมีสติอยู่บ้างจึงรอดพ้นคืนพิศวาสนั้น โดยไม่ต้องเสียตัวให้ซานเกอ แต่พอขึ้นเรือ ฝ่ายเขาก็จัดการนางอย่างหื่นกระหาย
“สี่... สะ สี่คืน สะ สามวัน!”
เมื่อลู่ซินเหว่ยเอ่ยอย่างนั้น เสิ่นฉุนก็หัวเราะดังลั่น
“เจ้ามันแน่จริงๆ ปัญญาอาจไม่ทัดเทียมผู้อื่น พูดจาก็ไม่ลื่นไหล แต่เรื่องอุ่นเตียงเจ้าคงถูกสอนมาดีสินะ เอ ว่าแต่...เจ้าไม่ถูกป้อนน้ำแกงสลายการตั้งครรภ์ หรือ ยาลูกกลอนโลหิตเงิน(ลูกอมปรอท) สินะ มิเช่นนั้น คงเดินเหินไม่คล่อง และมีแรงเยอะเช่นนี้”
สิ่งที่เสิ่นฉุนถาม ทำให้ลู่ซินเหว่ยหนาวจับขั้วหัวใจ ใช่...นางยังไม่ได้ดื่มน้ำแกงสลายการตั้งครรภ์ แต่การอาบน้ำขี้เถากับหญ้าฝรั่นนั้น ดูเหมือนว่ากำลังจะเกิดขึ้น ด้วยน้ำอุ่นในอ่างไม้นั้น ถูกผสมบางอย่างลงไป
“เอาล่ะ เปลื้องผ้าออกให้หมด แล้วไปล้างตัว จากนั้นก็มาลงที่อ่าง ข้าจะช่วยถูตัว และแต่งชุดใหม่ให้เจ้า”
ลู่ซินเหว่ยก้าวขาไม่ออกในตอนนั้น แม้ท่าทางเสิ่นฉุนจะมากด้วยไมตรี แต่นางกลัวว่า ตนจะได้รับอันตราย จากการอาบน้ำอุ่นนั้น
“เอ้า อย่ามัวโอเอ้ สักพัก นายท่านก็กลับมาแล้ว ขืนเจ้ายังสกปรกเช่นนี้ คงได้รับโทษเป็นแน่!” เสิ่นฉุนไม่เพียงแค่ออกคำสั่ง นางยังเข้าไปช่วยถอดเสื้อผ้าของลู่ซินเหว่ย ที่ยามนี้แสดงความกลัวออกมาอย่างน่าสงสาร
เพราะลู่ซินเหว่ยร้องเสียงดัง และนางไม่ยอมลงไปอาบน้ำในบ่อน้ำอุ่น ฝ่ายเสิ่นฉุนจึงพยายามจับตัว ล้มลุกคลุกคลานกันจนเจ็บเนื้อเจ็บตัว อันที่จริงลู่ซินเหว่ยไม่อยากทำเช่นนั้น แต่นางกลัวนี่นา ความกล้าหาญนับแต่ก้าวออกจากวังหลวงมันหดหายไปหมดแล้ว คล้ายกับว่าพญายมซานเกอ กัดกินวิญญาณนาง และความรอบรู้ทุกสิ่งไปหมดสิ้น ยามนี้แม้นางไม่ใช่คนสมองฝ่อ แต่ก็ใกล้เคียงเกือบสามส่วน
“แม่นางถิงถิง... เจ้ายิ่งดิ้น ยิ่งจะเจ็บตัว!”
และทั้งหมดที่ลู่ซินเหว่ยเป็นเช่นนั้น เพราะนางกำลังเพ้อด้วยพิษไข้ ซึ่งมีเชื้ออ่อนๆ ตั้งแต่ก่อนก้าวลงเรือ ซึ่งในยามนี้เล่นงานหญิงสาวอย่างหนัก
เสิ่นฉุนเห็นว่าอีกฝ่ายต่อต้านแรงเกินไปจึงกลัวจะเจ็บตัว นางเลยปล่อยให้เป็นอิสระ ในยามนั้น ลู่ซินเหว่ยมีอาการแปลกๆ นางพุ่งไปหลบที่หลังตู้ไม้ ก่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น อาการที่แสดงให้เห็น ทำให้เสิ่นฉุนเหนื่อยใจยิ่ง
“เอาล่ะ... เห็นว่าเจ้าเสียขวัญ และยังถูกกลั่นแกล้งเพียงนี้ ข้าคงไม่ฝืนใจ อยากอาบเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ขอเพียงแค่อย่าเอาศีรษะมุดน้ำจนขาดอากาศหายใจ หากทำเช่นนั้น เจ้าก็ไม่ใช่แค่คนโง่ หากยังขี้ขลาดเสียด้วย”
ลู่ซินเหว่ยถลึงตาใส่คนที่สบประมาทนาง
“ถิงถิง ไม่ได้โง่ และไม่ได้ขี้ขลาด เพียงแต่เสียใจ และเกลียดคนพวกนั้น”
ยามนี้นางอยากสลัดหน้ากากคนเขลาทิ้งไปเสีย แต่ลึกๆ กลับกลัวว่า หูตาของซานเกอ อาจจับจ้องดูอยู่
“ดี และข้าเตือนเอาไว้ สตรีข้างกายนายท่านต้องงดงาม ไม่ใช่คนเจ้าน้ำตา เจ้าเห็นหรือไม่ รั่วเฟิงเฉิดฉายเพียงใด นางจิ้งจอกนั่น จ้องเล่นงานเจ้าอยู่”
กล่าวจบ เสิ่นฉุนก็ปล่อยให้ลู่ซินเหว่ยอยู่เพียงลำพัง
ในห้วงเวลานั้น ทุกอย่างคล้ายถล่มทับลงมาบนร่างของหญิงสาว นางกอดตัวเองแน่น ก้มหน้าต่ำ
ลู่ซินเหว่ย คิดถึงบิดา โหยหาความสุข ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยลำบาก อีกทั้งคิดว่า ตนฉลาด หลักแหลม แต่ทั้งหมดเป็นผู้อื่นที่อยู่ในวังหลวงยอมให้นางเสมอ จวบจนก้าวออกมาสู่โลกภายนอก นางต้องพ่ายแพ้ ยามนี้ชีวิตกำลังจะพังทลาย ราวกับกองทรายที่ถูกคลื่นทะเลซัดเข้าใส่
