บทที่ 9 ก้าวเท้าผิด

ชายผู้นี้ หากว่าไปแล้วคุ้นตาลู่ซินเหว่ย นางมองเขา มองจนขันทีเฮาต้องขยิบตาเตือน

“โอ้ คุณชายท่านนี้ ได้นัดพ่อค้าเอาไว้แล้ว อย่างไรพี่ชายทั้งหลายคงไม่ถือสา ให้เขาทำงานวาดรูปข้าเสร็จเรียบร้อย จากนั้นจะรีบส่งตัวพ่อค้าไร้หัวนอนปลายเท้าไปเรือนพักผ่อนของท่านทุกคน ดีหรือไม่” ขันทีเฮากล่าว และส่งถุงเงินให้ทุกคน

“ฮ่าๆ ๆ นายโลมผู้นี้ มาจากเมืองหลวงใช่หรือไม่ เห็นว่าเจ้ามีชื่อเสียงมาก” อู๋ซีหลุนถาม

เฮาตั๋วแสดงท่าทางได้หวานอ่อนช้อย พร้อมหัวเราะด้วยจริต

“ข้าต่ำต้อยนัก และคืนนี้ได้รับใช้คุณชายแสนใจดี ผู้มีกล้ามแกร่ง ข้าก็ดีใจเหลือเกินแล้ว”

อู๋ซีหลุนมองไปยังคนที่ยืนข้างกายเฮาตั๋วด้วยรู้ว่าชายคนนี้ มาทำการค้ากับคนบนเกาะเผิงหนาน และเป็นลูกค้ารายใหญ่เสียด้วย ผิดแต่อู๋ซีหลุนไม่ถูกชะตาหนัก ทั้งที่ซานเกอบอกว่า อย่าได้ล้ำเส้นอีกฝ่าย ด้วยคนผู้นี้เป็นพยัคฆ์ซ่อนเล็บ คือสัตว์ดุร้ายที่ยามนี้หลับใหล ด้วยต้องการพักผ่อน

“ใต้เท้าโฮ่ว... ขอให้มีความสุขกับการตัดแขนเสื้อขอรับ”

คนที่ถูกล้อเลียน ยกยิ้มตรงมุมปาก และส่งเสียงตอบเข้มจัดว่า “ฮึๆ ๆ เจ้าสนุกปากที่ได้กล่าวดูแคลนผู้อื่น ตัวข้าไม่ถือสา ทว่าหากทำให้คนงามขัดใจ น้องชายคงเดือดร้อนแน่”

อีกฝ่ายกล่าว และมองไปยังเฮาตั๋ว

“โอ้ ใต้เท้าโฮ่ว คนกันเองแท้ๆ อย่าหมางใจเพราะเรื่องโง่เขลาเลย ข้ามันไม่ดี ปากพาซวย เอ้า ตบปากให้สาสมกับการพูด พล่อยๆ ก็แล้วกัน”

อู๋ซีหล่นเอ่ยพร้อมใช้มือข้างหนึ่งตบปากตนพอเป็นพิธี ซึ่งฝ่ายโฮ่วหรงเข่อโบกมือไล่เขาไปให้พ้นๆ หน้า ด้วยรำคาญลูกตาเต็มทน กระทั่งจุดนั้นไม่เหลือหูตาของซานเกอแล้ว ลู่ซินเหว่ยก็ดึงสติกลับคืนได้

“ทะ ท่าน คือแม่ทัพโฮ่ว!”

นางชี้ไปที่คนตัวสูง และเขาพยักหน้ารับ

“อันตรายโดยแท้องค์หญิงเก้า ท่านออกจากวังหลวงเช่นนี้ รู้หรือไม่ ภัยย่อมตามถึงตัวได้ง่ายขึ้น”

ลู่ซินเหว่ยสูดลมหายใจลึก แน่นอนเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางประสบหายนะมากมาย แต่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ ยามนี้ได้พบแม่ทัพผู้ที่จะสามารถรวบกองทัพไปช่วยอี้อ๋อง

“ขะ ข้าจำเป็นต้องพบแม่ทัพโฮ่ว เรื่องนี้สำคัญยิ่ง” แม่ทัพหนุ่มถอนลมหายใจแรงๆ เขาอยู่เกาะเผิงหนาน และเดินทางไปหลายที่ในบริเวณใกล้เคียง ที่สำคัญยามนี้ไม่อยากขึ้นเรือรบ หรือนั่งบนหลังม้า จับดาบ หอก เข่นฆ่าผู้ใด กระนั่นเมื่อเห็นว่า หญิงสาวตรงหน้าเหนื่อยยากดั้งด้นจากวังหลวงมาพบเขา จึงเอ่ยว่า

“โปรดนำสิ่งที่ท่านได้รับจากฮ่องเต้ แสดงต่อข้าเถิด”

ลู่ซินเหว่ยยิ้ม และล้วงเข้าไปในอกเสื้อของตน นางได้ปิ่นทองผสมโลหะ ด้านบนสุดซ่อนตราเคลื่อนทัพรูปจวีหรูเอาไว้

“สิ่งนี้ สมควรมอบให้แก่แม่ทัพโฮ่ว!”

มือใหญ่ฉวยปิ่นมา และถอดสลักออก เพื่อพินิจรูปสลักจวีหรู* ซึ่งลักษณะเหมือนกระต่ายแต่ตัวเท่าหนู มันมีใบหูใหญ่ คือสัตว์ในตำนาน ที่ร้องเสียงคล้ายสุนัข เป็นเสียงดังน่าเกรงขาม นิสัยดุร้าย กล่าวกันว่าจวีหรูปรากฏตัวขึ้นเมื่อใด จะเกิดการรบพุ่ง !

ดวงตากลมโตมองแม่ทัพหนุ่ม ด้วยเห็นเขาเงียบไปเกือบอึดใจใหญ่ๆ

“เร็วสิ... นำอีกฝั่งของท่านออกมาประกบกัน”

ยามนั้นโฮ่วหรงเข่อขมวดคิ้วมุ่น และเขาทำในสิ่งที่ทั้งลู่ซินเหว่ย และเฮาตั๋วต้องตกใจ จนแทบสิ้นสติ มีดสั้นเล่มหนึ่งจ่อไปที่ลำคอระหงของลู่ซินเหว่ย จากนั้นโฮ่วหรงเข่อกล่าวด้วยเสียงเหี้ยม ดุดัน

“โปรดตอบตามความจริง องค์หญิงเก้าอยู่ที่ใด แล้วเหตุใด เจ้าถึงปลอมตัวเป็นนาง!”


“บัดซบ เอามีดออกให้ห่างองค์หญิงเก้าเลยนะ”

เฮาตั๋วร้องเสียงตกใจ สีหน้าเขาแสดงออกมาห่วงลู่ซินเหว่ย อีกทั้งสับสนว่าแม่ทัพหนุ่มตาบอดหรืออย่างไร ถึงเห็นสตรีตรงหน้าเป็นผู้อื่นไม่ใช่องค์หญิงเก้า

“แม่ทัพโฮ่ว หากไม่ปล่อยมีดสั้นเล่มนั้น เราคงได้เห็นดีกัน”

ได้ยินคำขู่ พร้อมขันทีเฮาที่หยิบอาวุธลับออกมา แต่โฮ่ว

หรงเข่อไม่ฟัง ทั้งยังรำคาญอีกด้วย เขาจึงใช้ความเร็วกว่า ซัดกระสวยเหรียญใส่หน้าอกขันทีโฉมงาม อีกฝ่ายเลยล้มหงายหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว

จากนั้นชายหนุ่มก็เค้นเสียงเหี้ยมถามอีก

“แม่นาง... ตอบคำถามข้ามาเสียที องค์หญิงเก้าอยู่ที่ใด”

ยามนั้น ลู่ซินเหว่ยทั้งโกรธ ทั้งหวาดหวั่น แต่นางเอ่ยไปว่า

“ข้าคือ ลู่ซินเหว่ย อย่าได้กระทำสิ่งใดรุนแรง แม่ทัพโฮ่ว”

ชายตัวสูงนิ่วหน้า และความเครียดแผ่กระจายรอบตัวเขา ก่อนเค้นเสียงเข้มๆ กล่าวว่า

“ยังไม่เลิกเล่นละครอีก หากท่านเป็นองค์หญิงเก้า ไฉนตราเคลื่อนทัพนี้ถึงเป็นของปลอม!”

คราวนี้ลู่ซินเหว่ยหน้าถอดสี ขานางอ่อนแรง เกือบทรุดฮวบลงไปบนพื้น โชคดีที่เฮาตั๋วได้สติทัน รีบเข้ามาประคองไว้

“ไม่ใช่ ทะ ท่านโกหก”

โฮ่วหรงเข่อถอนหายใจแรงๆ ใส่หน้าหญิงสาว และส่งตราเคลื่อนทัพคืนนาง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป