บทที่ 3 RIKKIE :1

ปัง!

ผมเหนี่ยวไกอย่างไม่อ้อมค้อม คุยกับไอ้คลื่นมันต้องคุยด้วยลูกปืนไม่งั้นไม่รู้เรื่อง แต่ว่าสิ่งที่ทำเอาผมช็อกสุดๆ คือยัยเฉิ่มที่ผมจับเอาไว้ดันสะบัดผมออกแล้ววิ่งเข้าไปขวางทางลูกปืนแทนไอ้คลื่นซะได้

ผมถือปืนค้างในท่าเดิม มองร่างบางที่ค่อยๆ ทรุดตัวลง

บ้าเอ๊ย!

ผมสบถก้าวยาวๆ เข้าไปรับร่างยัยนั่นเอาไว้ไม่ให้ล้มกระแทกพื้นในขณะที่ไอ้คลื่นกระโจนตัวหมอบลงบนพื้นเพื่อหลบวิถีกระสุน มันเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัยก่อนจะเหลือบเห็นร่างของยัยนั่นที่นอนเลือดอาบอกอยู่ในมือผม

“เกิดอะไรขึ้นวะ” มันลุกขึ้นมาด้วยสีหน้างงๆ ก่อนที่พวกของมันจะเดินเข้าไปกระซิบบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไอ้คลื่นมองผู้หญิงโง่ๆ ในมือผมด้วยสายตาประหลาดใจ หน้าหล่อเข้มของมันแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดสืบเท้าเข้ามาเหมือนจะดูอาการยัยนี่ผมยกปืนขึ้นขู่มันทันที

“ถ้ามึงก้าวเข้ามาคราวนี้ได้ตายจริงแน่”

“ริกกี้ รีบพายัยนั่นไปโรงพยาบาลเถอะว่ะ” คลื่นบอกด้วยสีหน้าร้อนใจ ก่อนหน้านี้มึงยังกวนกูอยู่เลยไม่ใช่เหรอ!

ผมมองท่าทางเป็นห่วงของไอ้คลื่นอย่างสงสัย แต่เลือดอุ่นๆ ที่เริ่มซึมออกมาเลอะตัวผมทำให้ผมเริ่มร้อนใจไม่ต่างกัน ช้อนร่างยัยจืดขึ้นอุ้มหันไปตะโกนบอกคนของตัวเองที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“เรียกไอ้เก่งให้ด้วย ให้มันไปหากูที่คอนโดเดี๋ยวนี้ บอกมีเคสสำคัญ”

“คะครับเฮีย”

แล้วผมก็อุ้มยัยนั่นแหวกฝูงชนในงานเลี้ยงออกมาที่ลานจอดรถ

ผมวางยัยนั่นลงบนเตียง ไอ้เก่ง หรือชื่อเต็ม เก่งกาจ มาถึงช้ากว่าผมห้านาที มันเป็นหมอเถื่อนที่กำลังเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งแต่ชอบรับงานนอกตามคลินิกศัลยกรรมความงาม หมอนั่นถามผมเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้นเพื่อนในทีมก็โทรมา ผมมองชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอมือถือครู่หนึ่งก่อนจะหันไปเล่าเรื่องคร่าวๆ ให้ไอ้เก่งฟัง จากนั้นก็ทิ้งคนป่วยให้มันดูแล

ได้ยินเสียงสบถด่าทอไล่หลังแต่ผมไม่มีเวลาไปสนใจ เดินมาเปิดตู้เสื้อผ้า ถอดเสื้อที่เปื้อนเลือดคาวๆ ทิ้งแล้วสวมตัวใหม่แทน เห็นไอ้เก่งกำลังเตรียมอุปกรณ์ผ่าตัด ผมถามมันอย่างรีบๆ

“เอาผู้ช่วยไหม”

“ก็ดี! แต่มึงช่วยไปหามาภายในห้านาทีด่วน”

“เออคงไม่ทัน ช่วยตัวเองไปก่อนแล้วกัน”

“ไอ้เวรนี่ มึงรีบไปไกลๆ ตีนกูก่อนจะกลายเป็นศพ”

มันหันมาขึงตาไล่ผมอย่างไม่พอใจ “เออกูไปแน่มึงไม่ต้องไล่”

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ผมอยู่ในงานเลี้ยงที่กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากกร่อยไปเพราะเกิดเรื่องไม่คาดคิดแบบนั้นขึ้นแต่ไม่นานก็กลับมาครึกครื้นเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกไอ้คลื่นก็ไสหัวกันไปหมดแล้ว มันคงคิดว่าผมไม่กล้ายิงจริง หึ!

ในเต็นท์ที่เป็นจุดศูนย์กลางของงานเลี้ยงฉลองมีรถหรูที่ถูกปรับแต่งอย่างเยี่ยมยุทธ์สามคันจอดเรียงกันอยู่กับรถบรรทุกเล็กที่จุพวกเครื่องเสียงและของอำนวยความสะดวกอื่นๆ เต็มคัน

“ไงริกกี้”

เฮียหมูเอ่ยทักผมก่อนเป็นคนแรก ชื่อจริงๆ ของเฮียคือไทเกอร์แต่เพราะรูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์กับใบหน้ากลมๆ ของเฮียมันไม่เหมาะกับชื่อนั้นทุกคนเลยตั้งฉายาให้แกใหม่เป็น เฮียหมู บางครั้งก็มีคนเรียกเฮียว่าเสือหมูเหมือนกัน

เฮียย้อมผมสีดำสนิทและทำไฮไลท์ตรงปลายผมด้านหน้าเป็นสีแดง บวกกับดวงตาสีฟ้าอ่อนอย่างชาวตะวันตกทำให้เฮียดูเท่ในสายตาสาวๆ แต่สำหรับผมมันก็แอบตลกนิดหน่อย

“มาแล้วเหรอ” แฮคผู้ชายที่เก่งกาจและช่ำชองเรื่องเครื่องยนต์มากที่สุดหันมาพยักหน้าทักทายสั้นๆ ก่อนจะหันไปเขี่ยเมาท์คอมพิวเตอร์ ทำโปรแกรมจำลองเครื่องยนต์อะไรของมันไปตามประสาพวกสมองเฟื่องแต่บนตักมันตอนนี้มีสาวอกบึ้มนั่งทับอยู่

ผมรู้จักกับแฮคตอนเรียนม.ปลาย ตอนนั้นหมอนั่นไม่มีเพื่อนเพราะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง แถมยังใส่แว่นสายตาหนาเตอะ สิวเขรอะหน้ามันแผล็บ ดัดฟันเหมือนเนิร์ดโรคจิต ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่รังเกียจแม้แต่เด็กผู้ชายด้วยกันยังชอบล้อเลียนและกลั่นแกล้งมันเป็นว่าเล่น

แต่มันสู้นะ ผมจำได้ว่าสมัยเรียนตอนนั้นแฮคมีพลาสเตอร์ติดแผลแปะอยู่ที่หน้าอย่างน้อยก็สองแผ่นทุกวัน มีครั้งหนึ่งที่มันโดนหลอกมากระทืบที่รั้วหลังโรงเรียน ผมกระโดดข้ามกำแพงมาเห็นพอดี ตอนนั้นถูกแฟนทิ้งผมไม่รู้จะไประบายที่ไหน เห็นคนกำลังรุมไอ้แฮคอยู่ก็เลยเอาความแค้นไปลงที่พวกนั้น กลายเป็นว่าผมช่วยแฮคโดยไม่ตั้งใจและกลายเป็นเพื่อนกันมาจนถึงทุกวันนี้

หน้าตาไอ้แฮคตอนนี้ก็ไม่เนิร์ดเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วย ร่างกายสูงแกร่งกำยำ ตัดผมสกินเฮดแถมยังทำสีน้ำเงินเข้มหน้าตาออกลูกเสี้ยวนัยน์ตาหวานมีเสน่ห์ แต่งตัวดีเป็นเจ้าพ่อแฟชั่นแห่งทีม RED SUN นอกจากดูแลเรื่องประสิทธิภาพของเครื่องยนต์แล้วยังออกแบบเสื้อผ้าทีมอีกด้วย ผมมารู้ทีหลังว่าแม่หมอนั่นเป็นดีไซเนอร์ชื่อดังก็ตอนที่เข้ามหาลัยปีแรก

“ตกลงว่าเกิดห่าอะไรขึ้นริกกี้ กูมาถึงทุกคนก็จืดไปหมด บางส่วนก็กลับไปแล้ว”

เรซ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท มันนั่งอยู่บนโต๊ะกับสาวงามท่าทางสง่าคนหนึ่ง ผมจำได้เธอเป็นลูกสาวของสปอนเซอร์หลักตัวหนึ่งที่เพิ่งจะทำสัญญากันไม่ถึงสามเดือน บนโต๊ะมีเครื่องดื่มราคาแพงวางอยู่แต่พร่องไปแล้วกว่าครึ่ง ท่าทางเรซมันกำลังได้ที่สังเกตจากแววตาที่ฉ่ำเป็นพิเศษ

ถ้าเปรียบเฮียหมูเป็นกุนซือ วางแผนการแข่ง แฮคเป็นเครื่องยนต์กลไก เรซก็คืออาหารที่หล่อเลี้ยงทีมดูแลบัญชีและคอยหาเงินสนับสนุนทีม ผมให้หมอนั่นเป็นรองหัวหน้าถ้าหากวันไหนที่ผมไม่อยู่ก็ให้มันรักษาการแทน

นอกจากตัวนำหลักๆ สี่คนแล้วก็มีเด็กในทีมอีกหลายสิบชีวิตที่สนใจเข้าร่วมสังกัด RED SUN ผมจำได้เกือบหมดยกเว้นคนที่เข้าใหม่ แต่จะมีเรียกใช้และสนิทอยู่ไม่กี่คน

ส่วนไอ้หมอเก่งไม่นับว่าเป็นเพื่อนร่วมทีมเพราะหมอนั่นไม่เก่งเรื่องซิ่งรถ มันแค่รู้จักกับผมเป็นการส่วนตัวและมาช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจเท่านั้น เรื่องของเรื่องคือผมกับมันรู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล มีปัญหาก็พึ่งพากันได้ตลอด

บทก่อนหน้า
บทถัดไป