บทที่ 6 3 หลบหนี (2)

หลังออกจากห้องน้ำแม่บ้านก็พาฉันออกมาข้างนอก ให้นั่งลงบนโซฟา ฉันพยักหน้าพลางสำรวจห้องหับของริกกี้ไปด้วย มีโปสเตอร์รถยนต์หลายคันรวมถึงศิลปินระดับตำนานและภาพเขียนที่ท่าทางราคาแพงห้อยติดผนังทุกมุม นอกจากนั้นก็มีกีตาร์ไฟฟ้าหลายรุ่นวางเรียงอยู่ติดผนังคล้ายเป็นแค่ของโชว์เท่านั้น ถ้าไม่นับทางเดินไปที่ครัวก็จะมีประตูอีกสองบานที่ปิดเอาไว้ เดาว่าน่าจะเป็นห้องย่อยไม่ก็ห้องเก็บของ

กลิ่นหอมกรุ่นที่โชยมาแตะจมูกเรียกน้ำย่อยในกระเพาะได้เป็นอย่างดี แม่บ้านไม่ปล่อยให้ฉันรอนานเดินกลับมาพร้อมกับชามข้าวต้มอุ่นๆ

“มาแล้วค่ะคุณหนู ค่อยๆ ทานนะคะ”

“ค่ะ....”

“คุณหนูชื่ออะไรคะ ป้าเคยถามคุณริกกี้แล้วแต่คุณริกกี้บอกให้ป้ามาถามคุณหนูเอง”

“เอ่อ.... คะนิ้งค่ะ”

“ชื่อเพราะดีนะคะ”

ฉันยิ้มเบาๆ เมื่อถูกชม ทานต่อได้ไม่กี่คำก็วางช้อนลงอย่างรู้สึกตันๆ ในกระเพาะ แม่บ้านเซ้าซี้ฉันให้ทานต่อแต่ฉันส่ายหน้าเธอจึงจัดยาหลังอาหารมาให้ก่อนจะจัดแจงให้ฉันนอนบนโซฟา

“คุณหนูนอนตรงนี้ก่อนนะคะ ป้าต้องจัดการผ้าปูเตียงก่อนคุณริกกี้สั่งไว้ให้ทำความสะอาด”

ฉันแกล้งหลับตาระหว่างแม่บ้านกำลังวุ่นวายอยู่กับการทำความสะอาดเตียง รอให้เธอเอาผ้าปูที่นอนไปซักข้างนอกฉันฉวยโอกาสนั้นลุกขึ้น กวาดตามองหากระเป๋า ริกกี้น่าจะเอามาด้วย แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ เขาไลน์ไปบอกพ่อฉันได้ไงนะ หรือว่าโกหก สายตาฉันสะดุดเข้ากับโทรศัพท์บ้าน รีบโทรกลับบ้านทันที

ระหว่างเสียงสัญญาณดังฉันลุ้นด้วยใจระทึก.... มือที่ยกหูโทรศัพท์อยู่สั่นพั่บๆ

แต่ว่าไม่มีใครรับ จริงสิ.... คงทำงานอยู่ทั้งคู่เลย

ฉันถอดใจหลังจากโทรหาพ่อกับอาโยคนละรอบแล้วไม่มีใครรับ โทรหาเพื่อนแทน ระหว่างนั้นก็ลอบมองประตูอย่างร้อนรน

รับสิ....

(ฮะโหล)

แกร๊ก!

เสียงหมุนลูกบิดประตูทำฉันผวารีบวางหูโทรศัพท์ทันทีทั้งๆ ที่ได้ยินเสียงปลายสายตอบรับแล้ว หัวใจจะวาย รีบเดินกลับมาที่โซฟาแต่ก็ได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นก็เจอแม่บ้านซะก่อน

“อ้าวคุณหนู ลุกขึ้นมาทำไมคะ”

“เอ่อนิ้งหิวน้ำค่ะ”

“อ้าวเหรอคะ ป้าผิดเองที่ไม่เตรียมเอาไว้ให้ แล้วนี่นานหรือยังคะ”

ฉันส่ายหน้า.... แม่บ้านทำหน้ารู้สึกผิด กุลีกุจอหาน้ำให้ฉันดื่มอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่นอนอยู่บนโซฟาฉันครุ่นคิดหาวิธีที่จะหลบออกไปจากที่นี่ สุดท้ายก็นึกได้ แกล้งทำเป็นปวดท้องประจำเดือนซะเลย

“โอ๊ย!”

“คุณหนูเป็นไรคะ”

“ปวดท้องค่ะ”

“ปวดท้องประจำเดือนหรือเปล่า”

“ใช่ค่ะ มียาแก้ปวดประจำเดือนในกระเป๋านิ้งป้าพอเห็นไหมคะ”

“กระเป๋า... ไม่ค่ะคุณริกกี้ไม่ได้บอกป้าไว้ คุณหนูทานยาพาราแทนได้ไหม”

“เคยทานพาราแล้วไม่หาย ถ้าหากระเป๋าไม่เจองั้นป้าช่วยไปซื้อให้นิ้งได้ไหม”

แม่บ้านทำท่าคิดหนัก.... แต่คงทนเห็นใบหน้าเจ็บปวดฉันไม่ไหวสุดท้ายก็พยักหน้ายินยอม “ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าไปซื้อให้”

ฉันบอกชื่อยาให้แม่บ้านทราบ มองตามหลังแกไปด้วยสายตาเจ็บปวด กระทั่งเสียงประตูปิดดังแกร๊ก ฉันกลั้นใจดึงเข็มน้ำเกลือออกจากหลังมือทันที เจ็บหนึบเลยล่ะ เดินมาเปิดตู้เสื้อผ้าริกกี้หยิบแจ็คเกตตัวหนึ่งออกมาสวมทับเสื้อบางๆ แถมยังโนบราของตัวเอง แล้วก้าวขาสั่นๆ ออกจากห้องโดยไม่มีเงินติดตัวสักบาท

ฉันสับสนและหวาดหวั่น ออกจากห้องริกกี้ได้แล้วแต่ดันไม่รู้ควรไปทางไหน ระเบียงที่ทอดยาวสุดสายตา ห้องริกกี้ดันอยู่ตรงกลาง เอาวะลองเสี่ยงดวงดูก็ได้ ฉันเลือกเดินไปทางซ้ายแล้วก็เจอกับประตูลิฟต์เข้าจริงๆ รีบกดลิฟต์อย่างใจสั่น

ติ้ง!

ลิฟต์ว่าง โชคดีชะมัด

ฉันก้าวเข้าไปข้างในอย่างไม่รั้งรอ กดลงไปที่ชั้น G ตัวเลขบนผนังลิฟต์ค่อยๆ กะพริบจากชั้นสู่ชั้นเหมือนนับถอยหลัง มันทำเอาฉันตื่นเต้นไปด้วย อีกไม่กี่นาทีฉันก็จะเป็นอิสระ

ติ้ง!

ลิฟต์เปิด

ด้านล่างเป็นล็อบบี้เหมือนอยู่ในโรงแรมหรู มีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ร้านอาหาร เบเกอร์รี่ บ่อน้ำพุ ผู้คนพลุ่กพล่านประมาณหนึ่งแต่ไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานมากกว่า ฉันเดินฝ่าคนสามสี่คนที่ยืนรอเข้าลิฟต์ออกมาอย่างไม่สนใจสายตาที่มองมา หันซ้ายหันขวาหาทางไปครู่หนึ่งก็เจอทางออก รีบวิ่งมาที่จุดเรียกแท็กซี่แจ้งรปภ.ที่ยืนประจำตำแหน่งอยู่ เขาก็วอเรียกรถให้ ทุกวินาทีที่เคลื่อนผ่านดูจะเชื่องช้าสำหรับฉันที่ต้องการออกไปให้พ้นจากที่นี่เร็วๆ

เอี๊ยด!

ระหว่างนั้นรถคันหนึ่งก็วิ่งเข้ามาเบรกอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่แท็กซี่.... ฉันมองอย่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รปภ.ทำหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน รีบตะโกนบอกคนขับให้ออกไปเพราะนี่เป็นจุดจอดแท็กซี่ไม่อนุญาตให้รถทั่วไปเข้ามาเสียบ

ระหว่างนั้นกระจกฝั่งคนขับก็เลื่อนลง ฉันนิ่งอึ้ง

หมอ!!!?

ผมยาวปรกบ่าไม่ได้ถูกรวบมัดเหมือนวันนั้น หนวดเขายาวขึ้นประมาณเซนหนึ่งยิ่งทำให้หน้าคมๆ นั่นโฉดเหมือนหัวหน้าแก๊ง ดวงตาสีน้ำตาลดุดันตวัดมองรปภ.อย่างไม่ยี่หระ

“ฉันมีธุระกับเจ้าของห้องข้างบนและผู้หญิงคนนี้ก็เป็นเมียเพื่อนฉันด้วย เธองอนแฟนก็เลยหนีลงมาฉันจะพาเธอไปส่งเอง”

หน้าฉันชาวาบ รปภ.หันมามองฉันด้วยสายตาเป็นคำถาม ไล่มองเสื้อผ้าที่ฉันสวมซึ่งไม่เหมาะกับการออกมาข้างนอก ถ้าบอกว่าทะเลาะกับแฟนแล้วหนีลงมาก็น่าเชื่อกว่า แต่มันไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย ฉันกำลังจะส่ายหน้าเสียงแตร์แท็กซี่ที่วิ่งมาจ่อด้านหลังก็ดังขึ้น ฉันไม่สนใจหมอ รีบสาวเท้ายาวๆ ไปยังแท็กซี่นั่นทันที แต่ว่า

หมับ!

แรงฉุดที่รุนแรงทำฉันร้องออกมาอย่างตกใจ หันกลับไปมองหน้าเจ้าของมืออย่างแตกตื่น

มะหมอ! เขาลงมาจากรถแล้วหยุดฉันที่กำลังจะเดินไปหาแท็กซี่เอาไว้ จ้องฉันด้วยแววตาคมกริบ

“ถ้าไม่อยากซวยกันหมดก็ขึ้นรถ”

“ไม่ ปล่อยฉัน”

ฉันหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากรปภ.ที่ทำท่ายึกยักไม่มั่นใจในสถานการณ์

“ช่วยด้วยค่ะ ผู้ชายคนนี้จะทำร้ายฉัน เขาโกหก ฉันถูกลักพาตัวมา”

“เฮ้ย เงียบ!”

“อื้อ!~”

หมอเอามือปิดปากฉัน ออกคำสั่งเสียงดุ ฉันดิ้นพล่านสุดฤทธิ์ ยังไงก็ไม่ยอมถูกจับขึ้นไปขังบนห้องนั่นอีกเด็ดขาด ถ้าฉันกลับไปริกกี้อาจจะฆ่าฉันจริงๆ ก็ได้ ฉันอ้าปากงับมือหมอทันทีที่ได้จังหวะ

“โอ๊ย!”

หมอสะบัดมือเร่าๆ แรงที่ฉุดฉันอยู่ก็คลายออกเล็กน้อย ฉันไม่รอช้า วิ่งพรวดไปหาแท็กซี่ ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือไปด้วย จนรปภ.ที่สังเกตการณ์อยู่เริ่มทนไม่ไหว วิ่งเข้ามาตะครุบตัวหมอเอาไว้เพื่อห้ามเขาไม่ให้เข้ามาทำร้ายฉัน แต่ก็ได้ไม่นาน รปภ.ก็ถูกคนที่เรียกตัวเองว่าหมอสะบัดหลุด ทว่า.... วินาทีนั้นฉันก็ก้าวเข้ามาอยู่ในรถแท็กซี่แล้ว

“ออกรถเลยค่ะ”

“หยุดนะโว้ย!” หมอวิ่งตามมาตบประตูรถ ตะโกนสั่งให้หยุดรถ แต่ฝันไปเถอะ ฉันไม่มองเขาด้วยซ้ำเร่งคนขับแท็กซี่ให้ออกรถไวๆ จนรถวิ่งออกมาในที่สุด

ฉันรอดแล้ว! ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก หันกลับไปมองด้านหลังที่รถวิ่งผ่านเห็นหมอวิ่งตามท้ายรถมาอย่างเอาเรื่องแต่ท้ายที่สุดเขาก็หมดแรงตามไม่ทัน

ทำเอาใจหายใจคว่ำหมด พอแน่ใจแล้วว่าปลอดภัยฉันก็หันกลับมาบอกจุดหมายปลายทางกับคนขับแท็กซี่ทันที

บทก่อนหน้า
บทถัดไป