บทที่ 6 เยี่ยมไข้
“ปู่บอกไปแล้วถึงได้เป็นแบบนี้ไง แกก็หาตำแหน่งลอยสักตำแหน่งให้มันหน่อยมันอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่เดี๋ยวปู่จัดการให้เองไม่งั้นมันก็ไม่จบสักที” เจ้าสัวพูดอย่างเหนื่อยใจเพราะลูกสาวคนรองขยันหาเรื่องปวดหัวมาให้ทานบ่อยๆ
“ครับปู่” แม้เขาใอยากทำแต่เพื่อความสบายใจของปู่จึงจำใจต้องทำและจะให้คนประกบตัวมันอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้ก่อความวุ่นวายในบริษัท
“แล้วนี่แฟนแกไม่มาด้วยรึเจ้าพอร์ช”
“ไม่มาครับ”
“แล้วคนนี้คิดจริงจังถึงขั้นไหนล่ะ”
“ไม่รู้ครับ ก็ดูกันไปเรื่อยๆก่อนถ้าไปกันไม่ได้ก็แยกทางกันเดินเท่านั้นเองครับ”
“แกเป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไร แต่แฟนแกเป็นผู้หญิงเธอจะเสียหายได้และตระกูลของเธอก็กว้างขวางไม่น้อยเลยนะ
“ผมกับแนนตกลงคบหากันโดยไม่มีพันธะผูกพันกันและเราเป็นแค่แฟนกันยังไม่ได้เป็นคนรักกันครับ ส่วนความสัมพันธ์ไปไกลแค่ไหนผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ” เขาคิดว่าไม่สามารถไปต่อกับนิวารินได้เพราะสามเหตุจากเรื่องปู่เข้าโรงพยาบาลแล้เธอไม่เห็นความสำคัญทีที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
“ถ้าไม่คิดจริงจังกับเขาก็อย่ายื้อไว้ให้เขาเสียเวลากับชีวิตที่เขาอาจจะเจอคนที่ดีกว่าเรา”
“ที่จริงผมคบใครก็คิดจริงจังนะครับปู่ แต่บางทีการกระทำของพวกเธอทำให้ผมรับไม่ได้อย่างแนนเขาเห็นเรื่องเที่ยวสำคัญกว่าทุกอย่างและผมไม่ต้องการผู้หญิงแบบนี้มาเป็นภรรยาและแม่ของลูก จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ยอมรับครับ” เขายอมรับว่าเห็นแก่ตัวเพราะคนที่จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตนั้นไม่จำเป็นต้องร่ำรวยเพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สินเงินทองแต่ขอแค่มีจิตใจดีรักครอบครัวและสามารถดูแลครอบคัวได้และเป็นแม่ที่ดีของลูกได้ก็พอแล้ว
“เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอกนะเจ้าพอร์ช แต่เอาเถอะเรื่องคู่ครองของแกปู่จะไม่ยุ่งไม่ว่าแกจะรักใครชอบใครปู่ก็จะรักด้วย” เพื่อความสุขของลูกหลานท่านให้ตัดสินใจเรื่องคู่ครองเองเหมือนหลานสาวคนโตที่ถึงเวลาพร้อมจะสร้างครอบครัวก็มาบอกท่านด้วยตัวเอง
“ขอบคุณครับปู่ แล้วนี่หมอจะให้ออกโรงบาลเมื่อไหร่ครับ”
“น่าจะพรุ่งนี้แหละ แกก็กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ ที่นี่มีไสวดูแลปู่คนเดียวก็พอแล้ว”
“งั้นผมกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวผมจะกลับมานอนเป็นเพื่อนปู่นะครับ” พฤทธิ์บอกปู่ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปไม่ฟังท่านพูดอะไรแล้วไปคุยกับหมอเรื่องอาการของปู่และหมอก็ยืนยันว่าท่านไม่ได้เป็นอะไรมากนอกจากความดันสูงเท่านั้น
“แกแน่ใจนะไอ้หมอ”
“แน่ใจสิวะ ฉันตรวจเช็คอย่างละเอียดและพ่อของฉันก็ตรวจเช็คร่างกายของคุณปู่ตลอดทุกปีอยู่แล้วถ้ามีอะไรท่านต้องบอกสิวะ” อำพลหรือหมอต้อมตอบเพื่อนที่มาถามอาการของปู่ด้วยความเป็นห่วง
"ขอบใจมากไอ้หมอ เดี๋ยวกูกลับไปอาบน้ำก่อนแล้วจะมาเฝ้าปู่" พฤทธิ์บอกเพื่อนเพราะลงเครื่องเขาก็มาหาปู่เลย
"แฟนแกไม่มาด้วยเหรอวะ ไปเที่ยวด้วยกันมาไม่ใช่หรือไง" อำพลถามเพื่อนยิ้มๆ
"ไม่มาหรอก กูไปก่อนนะถ้าคืนนี้มึงอยู่เวรเดี๋ยวค่อยคุยกัน" ชายหนุ่มไม่อยากรบกวนเวลางานของเพื่อนเขาแค่อยากรู้อาการของปู่เท่านั้น
"โอเค"
พฤทธ์ก็กลับบ้านเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดและสั่งแม่บ้านเตรียมอาหารให้ปู่และตัวเองกับพี่สาวที่โทรคุยกันแล้วว่าจะทานข้าวกับปู่ที่โรงพยาบาล
ที่บ้านของนิวาริน
ปรีชากับสมิตมาส่งแฟนเจ้านายถึงบ้านแล้วทั้งสองก็ตรงกลับบ้านไปรับเจ้านายไปส่งที่โรงพยาบาลเพื่อนอนเฝ้าปู่คืนนี้เหมือนทุกครั้งที่เจ้าสัวรนภพเข้าโรงพยาบาลพฤทธิ์กับพัชรวลัยไม่เคนทิ้งปู่ให้อยู่คนเดียวจะสลับกันมาเฝ้าตลอด
"นังต้อยอยู่ไหนเอาของฉันไปเก็บด้วย" นิวารินเรียกสาวใช้เสียงดังให้มายกกระเป๋าของเธอไปเก็บ
"ขาคุณแนนนี่" ต้อยวิ่งมาหาเจ้านายที่ดูท่าอารมณ์ไม่ดีเอามากๆจึงรีบไปยกกระเป๋าหน้าบ้านไปเก็บที่ห้องก่อนจะโดนพายุอารมณ์ของเจ้านายสาวถล่มใส่
"อ้าวลูกแนนทำไมกลับมาเร็วนักล่ะแล้วเสียงดังอะไรกัน" คุณหญิงวิไลวรรณถามลูกสาวที่เดินหน้าตึงมาในห้องนั่งเล่นแล้วนั่งลงบนโซฟาอย่างแรง
"ก็พอร์ชน่ะสิคะคุณแม่ทำให้แนนนี่อารมณ์เสียทั้งที่เพิ่งไปเที่ยวเมื่อวานนี้แล้ววันนี้กลับมันน่าโมโหมั้ยล่ะคะ" นิวารินพูดอย่างหงุดหงิด
"แล้วทำไมพอร์ชต้องรีบกลับล่ะลูก"
"ก็ปู่ของเขาไม่สบายเข้าโรงบาลน่ะสิคะ"
"ตาพอร์ชเขาทำถูกแล้วนี่ลูก ปู่ไม่สบายก็ต้องมาดูแลสิแล้วเจ้าสัวเป็นยังไงบ้างลูก" คุณหญิงวิไลวรรณถามอาการของเจ้าสัวเพราะคิดว่ายังไงสองตระกูลก็ต้องเป็นทองแผ่นเดียวกัน
"แนนนี่ไม่ได้ไปค่ะคุณแม่"
"อ้าว แล้วทำไมลูกไม่ไปเยี่ยมเจ้าสัวท่านล่ะ ทำแบบนี้ทางโน้นเขาจะคิดยังไงลูกเป็นแฟนตาพอร์ชนะ" คุณหญิงถามลูกสาวเมื่อญาติผู้ใหญ่ของแฟนไม่สบายก็ควรจะไปเยี่ยมท่านสิ
"แนนนี่ก็จะไปเยี่ยมคุณปู่ของเขาค่ะ แต่พอร์ชบอกว่าไม่ต้องไปก็ได้แนนนี่ก็เลยกลับบ้าน" นิวารินพูดอย่างไม่สนใจในเมื่อพฤทธิ์บอกไม่ต้องไปเธอก็ไม่จำเป็นต้องไปและเธอก็ไม่ชอบไปโรงพยาบาลเหมือนกัน
