บทที่ 7 ม่ายสาว
"ตายแล้วยัยแนน ลูกพูดแบบนี้แล้วตาพอร์ชจะคิดยังไงปู่ของเขาทั้งคนนะลูกจะมัวแต่ห่วงเที่ยวได้ยังไงกัน" คุณหญิงวิไลวรรณพูดกับลูกสาวอย่างหนักใจเพราะเรื่องครอบครัวมันเป็นเรื่องที่เซ้นซิทีฟมาก
"ไม่รู้สิคะ แต่พอร์ชไม่ให้แนนี่ไปเยี่ยมปู่ของเขาเองนี่คะ"
"ยังไงลูกก็ต้องไป เดี๋ยวแม่จะให้คนเตรียมกระเช้าให้แล้วเย็นนี้เราไปเยี่ยมเจ้าสัวด้วยกัน"
"แต่แนนนี่ไม่อยากไปโรงพยาบาลนี่คะคุณแม่ ยี้ เหม็นจะตาย" นิวารินทำหน้าสยองเพราะเธฮไม่ชอบไปโรงพยาบาลยกเว้นไปทำศัลยกรรม
"ถ้าลูกอยากเป็นสะใภ้ตระกูลรัตนโสภณก็ต้องหมั่นไปเยี่ยมเจ้าสัวท่าน ทำให้ท่านเห็นว่าลูกให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวของเขาไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม ถ้าลูกไม่เห็นความสำคัญคนในครอบครัวของพอร์ชเขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้" คุณหญิงวิไลวรรณพูดกับลูกสาวเพราะพฤทธิ์เหมาสมกับลูกสาวของเธอทั้งหน้าตาชื่อเสียงฐานะชาติตระกูล
"ก็ได้ค่ะคุณแม่" นิวารินพูดกับแม่และจำใจต้องไปเพื่อเรียกคะแนนจากผู้ใหญ่ของแฟนหนุ่ม
เวลาผ่านไปสองดือน
คอนโดหรูสูงสามสิบชั้นย่านสุขุมวิทเป็นโครงการใหญ่ของบริษัทไทยแลนด์ ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นโครงการแรกของพฤทธิ์ที่เข้ามารับตำแหน่งรองประธานบริษัทมีทั้งหมดสี่ตึกติดถนนใหญ่และสถานีรถไฟฟ้าการเดินทางสะดวกสบายสำหรับคนทำงานในกรุงเทพซึ่งแต่ละห้องมีราคาเท่ากันเพราะมีขนาดห้องต่างกันและหนึ่งในนั้นก็มีห้องพักของ อรินดา อาภาศิริ หรือ อิ๋น อาศัยอยู่กับฃูกชาย เด็กชายอินทัช อาภาศิริ หรือ น้องอิน ลูกชายวัยสี่ขวบครึ่งกำลังน่ารักน่าชังช่างพูดช่างเจรจาออดอ้อนเก่งที่สุดขนาดพี่เลี้ยงยังต้องยอมให้เด็กชายตัวน้อย และหลังจากอรินดาได้ลาออกจากที่ทำงานเก่าแล้วไปฝึกงานที่บริษัทใหม่ที่พี่สาวชองเพื่อนแนะนำและเธอก็พอใจทั้งรายได้และสวัสดิการของบริษัทและเจอเจ้านายใจดีทำให้เธอทำงานราบรื่นและเดือนหน้าเจ้านายสาวจะแต่งงานเธอจึงรับหน้าที่ดูแลประสานงานกับทีมออแกไนซ์และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
"เย้ๆๆ อินชนะแล้วค้าบ" เสียงเล็กร้องออกมาอย่างสนุกสนานเมื่อชนะพี่เลี้ยง
“พี่พันเหนื่อยแล้วขอพักก่อนได้มั้ยคะน้องอินขา” พันนีพี่เลี้ยงสาววัยยี่สิบสองปีพูดกับน้องอินที่เล่นวิ่งไล่จับกันรอบห้องจนเหนื่อย
“พี่พันเหนื่อยแล้วเหรอครับ แต่อินยังไม่เหนื่อยเลยครับ” เด็กน้อยบอกพี่เลี้ยงสาวเพราะกำลังสนุก
“พี่พันขอพักสิบนาทีค่ะ รอเข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขเก้าก่อนนะคะ”
“โอเคครับพี่พัน” น้องอินตอบพี่เลี้ยงสาวแล้วทิ้งตัวลงนอนเกลือกกลิ้งบนพื้นพรหมไปมาตามประสาเด็กที่มีพลังเยอะและวันนี้เป็นวันหยุดแต่มามี้ของเขาต้องไปทำงานอีกแล้ว
“น้องอินอยู่ไหนลูก” เสียงหวานของมามี้คนสวยแกล้งเรียกลูกชายเมื่อเห็นแต่พี่เลี้ยงนั่งอยู่และคิดว่าแอบอยู่ตรงไหนสักที่ในห้องรับแขก
“พันไม่เห็นคะคุณอิ๋น” พันนีก็เล่นตามเจ้านายสาว
“ไม่เป็นไรจ้ะพัน งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ” อรินดาพูดกับพี่เลี้ยงแล้วยิ้ม
“อินอยู่นี่ค้าบมามี้” น้องอินรีบพูดแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็วกลัวแม่จะไปทำงานก่อน
“อ้าว น้องอินอยู่นี่เองเหรอครับลูก” อรินดายิ้มขำลูกชายที่นั่งหลบอยู่หลังโซฟา
“มามี้จะไปทำงานแล้วเหรอค้าบ”
“ใช่จ้ะลูก วันนี้น้องอินอยู่กับพี่พันแล้วอย่าดื้อต้องเชื่อฟังพี่พันนะครับลูก” เป็นคำพูดที่อรินดาพูดกับลูกชายทุกวันก่อนจะออกไปทำงาน
“แต่อินอยากอยู่กับมามี้ค้าบ อินไปกับมามี้ได้มั้ยค้าบ” น้องอินอ้อนแม่เพราะวันนี้วันหยุดแทนที่จะได้ไปว่ายน้ำกับแม่แต่เขาต้องอยู่แต่ห้องกับพี่เลี้ยง
“ไม่ได้ครับลูก วันนี้มามี้ไปทำงานแล้วพรุ่งนี้มามี้จะพาน้องอินไปเที่ยวดีมั้ยครับ”
“ดีครับ อินอยากไปดูพี่เสือ พี่สิงโต พี่ช้างอีกค้าบ” น้องอินพูดอย่างตื่นเต้นดีใจที่จะได้ไปเที่ยวกับแม่และชอบไปเที่ยวสวนสัตว์เป็นที่สุด
“งั้นน้องอินต้องเชื่อฟังพี่พันนะครับลูก”
“โอเคค้าบมามี้ อินจะเชื่อฟังพี่พันจะไม่ดื้อไม่ซนด้วยค้าบ” น้องอินตอบแม่แล้วปล่อยมือให้แม่ไปทำงาน
“งั้นมามี้ขอกำลังใจหน่อยครับสุดหล่อของมามี้ จุ๊บๆๆ..” อรินดาก้มลงให้ลูกชายหอมแก้มแล้วหอแก้มลูกชายด้วยความรักใคร่และไม่เสียใจเลยที่เธอเลิกกับอดีตสามีเพราะน้องอินคือของขวัญที่วิเศษที่สุดของเธอ เพราะหลังจากเธอแท้งลูกก็มีความสัมพันธ์กับอดีตสามีแค่สองสามครั้งไม่คิดว่าลูกจะกลับมาอยู่กับเธอเร็วแบบนี้แล้วไม่ใช่ว่าเธอไม่เสียใจที่เสียลูกชายคนแรกไปและอยากแก้ตัวกับครอบครัวของเขาที่กล่าวหาเธอทำร้ายลูกชายตัวเองจึงไม่คิดจะคุมกำเนิดแล้วก่อนจะห่างกันเพราะเขามีผู้หญิงคนใหม่แล้วก็หย่ากันในที่สุด และเขาไม่มีวันรู้ว่าเขามีลูกชายที่น่ารักฉลาดหลักแหลมคนหนึ่งอยู่บนโชกใบนี้
“จุ๊บๆ สู้ๆค้าบมามี้”
“สู้ๆครับ จุ๊บๆ มามี้มีกำลังใจไปทำงานแล้วครับ” อรินดาโบกมือให้ลูกชายก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปทำงานและเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเพื่อความสะดวกไม่ต้องกลัวรถติดแค่สิบนาทีก็ถึงที่ทำงานแล้วไม่เหมือนที่ทำงานเก่าเธอต้องฝ่ารถติดไปทำงานและต้องขอบคุณพี่สาวของเพื่อนที่ทำให้เธอได้งานนี้และเจ้านายสาวก็ใจดีมากด้วยและเธอก็บอกเจ้านายสาวว่ามีลูกชายหนึ่งคนและอาจจะมีกิจกรรมของโรงเรียนซึ่งเธอจำเป็นต้องไปและเจ้านายก็ไม่มีปัญหาทำให้เธอทำงานอย่างมีความสุข
