บทที่ 4 ลวงรักแม่สาวจอมเฉิ่มตอนที่4
“คงไม่มาถึงบ้านเรามั้งจ๊ะ...ขวัญคิดแบบนั้นนะ”
พาขวัญคิดว่าบ้านของเธอค่อนข้างอยู่ลึกผู้คนก็ไม่ค่อยผ่านคงไม่มีใครสังเกต
“น้าก็ขอให้เป็นอย่างนั้นแต่มีคนมาถามน้าเหมือนกันว่าลูกใครน้าก็บอกว่าลูกหนูขวัญก็ไม่มีใครสงสัยนะเพราะหนูขวัญเองก็พึ่งกลับมาจากภูเก็ต”
มานีก็ภาวนาให้เป็นอย่างที่จันทร์เจ้าคิดแต่เธอเองก็ได้ลองบอกกับคนที่ถามเรื่องเด็กที่เธอรับจ้างเลี้ยงใหม่เหมือนกันว่าเป็นลูกใครเธอลองตอบว่าเป็นของพาขวัญก็ไม่มีใครสงสัยเพราะต่างคนก็รู้กันว่าพาขวัญไปทำงานที่ภูเก็ตพึ่งจะกลับมา
“แล้วนี่พายยังไม่กลับเเหรอจ๊ะน้านี”
พาขวัญเห็นว่านี่มันก็เย็นแล้วพระพายก็น่าจะกลับแล้วเพราะเธอรู้ว่าเพื่อนเธอทำงานเป็นเวลาแต่ไม่เห็นจะอยู่บ้าน
“เห็นว่ามันทำงานพิเศษช่วงกลางคืนล่ะมั้งทำได้สองสามวันแล้วนะ”
“เเหรอจ๊ะ...”
พาขวัญอยากรู้จริงๆว่างานที่พระพายทำพิเศษคืออะไรหากได้เงินดีเธอเองก็อยากจะไปทำบ้างเพราะตอนนี้หางานประจำยากเสียเหลือเกิน
กรุงเทพมหานคร
“และเราก็กำจัดไปได้อีกหนึ่ง...หึ่...อย่าหวังว่าเงินร้อยล้านจะปลิวไปให้เด็กนั่นง่ายๆ”
หลังจากที่เสร็จสิ้นงานศพของเพียงฟ้าและอรรณพไปแล้วแขไขก็ดีใจยิ่งนักที่แผนของเธอผ่านไปด้วยดีตำรวจแกะไม่ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาเพราะอำนาจเงินของเธอ
ที่เธอต้องกำจัดครอบครัวของอรรณพออกไปเพราะอรรณพเป็นลูกชายคนโตที่มีสิทธิ์ที่จะได้ทุกอย่างของตระกูลมากที่สุดเธอจึงต้องกำจัดให้พ้นทางเสียก่อนนั่นเอง
“แต่ตำรวจก็ยังหาเด็กไม่เจอนี่คะคุณแม่...ถ้าเด็กนั่นมันได้กลับมาสมบัติของทั้งพ่อและแม่ไหนจะผัวแม่ที่จะให้มันอีกนังเด็กนั่นได้เต็มๆเลยนะคะ”
เอมิกาคิดว่าตอนนี้ถ้าหากยังหาลูกของเพียงฟ้าไม่เจอก็เดาไม่ได้ว่าเด็กนั่นตายแล้วหากเด็กนั่นกลับมาสมบัติทุกอย่างก็จะตกเป็นของเด็กนั่นทั้งหมดแบบนี้เธอก็ต้องพูดให้แม่เธอได้คิดจะได้ไม่ต้องมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ายังไงสมบัติก็จะไม่ตกไปเป็นของลูกเพียงฟ้าแน่ๆ
“โอ้ยย...แกยังหวังให้มันกลับมาอีกเเหรอไม่รู้ว่าใครขโมยไปขายหรือว่าศพกระเด็นตกน้ำไปแล้วมั้ง...ทีนี้ก็เหลือแต่ไอ้เหนือเมฆที่ต้องกำจัดให้พ้นทางของทุกอย่างของอธิษฐ์เวหาก็จะได้เป็นของฉันคนเดียว”
แขไขมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าลูกของเพียงฟ้าจะไม่มีโอกาสกลับมาอีกแน่เธอเชื่อแบบนั้นพร้อมทังยังคิดแผนขั้นต่อไปที่จะทำให้สมบัติทั้งหมดตกมาเป็นของเธอให้จนได้
“คุณเหนือ...กำจัดคุณเหนือไม่ได้นะแม่หนูอยากได้เค้า”
เอมิกาส่ายหัวหงึกหงักห้ามคนเป็นแม่ของเธอเพราะเธอนั้นแอบชอบเหนือเมฆมานานแล้วเธอพยายามอ่อยชายหนุ่มหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ยักเห็นอีกฝ่ายจะสนใจเธอเสียทีแต่เธอเองก็ไม่ย่อท้อยังไงเธอก็มั่นใจว่าต้องได้เหนือเมฆแน่นอน
“มันสนใจแกสักนิดไหม....ถ้ามันสนใจแกแล้วแกได้มันฉันจะไม่คิดทำลายมันเลยแต่นี่ไม่ใช่...หยิ่งจองหองกับฉันแบบนั้นฉันไม่เอาไว้หรอก”
แขไขไม่เห็นมีทีท่าว่าเหนือเมฆจะสนใจลุกสาวเธอสักนิดเหมือนดั่งใจหวังในคราแรกยิ่งชายหนุ่มทำตัวหยิ่งผยองกับเธอเธอเองก็ยิ่งไม่ชอบทั้งเคียดแค้นชายหนุ่มอย่างมาก
“ถือว่าหนูขอนะแม่นะ...หนูจะทำให้เค้าเป็นของหนูให้ได้”
เอมิกาชอบในตัวเหนือเมฆจริงๆถึงกับเอ่ยปากอ้อนวอนคนเป็นแม่ของเธอว่าอย่าทำอะไรชายหนุ่ม
“ฉันให้เวลาแกหกเดือนหากเอามันมาเป็นของแกไม่ได้มันได้มีสภาพไม่ต่างกับพี่ชายมันแน่”
“หื่มม....แม่อะ...หกเดือนก็หกเดือน”
เอมิกาต้องจำใจยอมรับในคำประกาศิตของแม่เธออย่างเลี่ยงไม่ได้
เพนท์เฮ้าส์
“ตำรวจที่นั่นทำงานกันยังไงหลานฉันถึงหาไม่เจอสักที”
เหนือเมฆค่อนข้างหัวเสียที่เหมือนกับคดีที่ให้ตำรวจจัดการมันไม่คืบหน้าไปอย่างไรเลย
“ตอนนี้ผมก็ได้ข่าวว่าทางด้านคุณนิกรก็สืบเรื่องนี้อยู่แบบเงียบๆครับเพราะเค้าเองก็ไม่ปักใจเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุ”
นภัสได้รู้จากสายของเขามาว่าเรื่องนี้นิกรคนสนิทของนายใหญ่เขานั้นก็สืบเรื่องนี้อยู่เหมือนกันคงเห็นไม่ต่างกับเขาในเรื่องนี้ว่าตำรวจนั้นทำงานช้า
“ต้องแอบสืบสินะเพราะถ้าพ่อฉันรู้คงเห็นว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระให้พ่อฉันตั้งหน้าตั้งตาสืบเรื่องหลานฉันอย่างเดียวก็พอ”
เหนือเมฆหงุดหงิดอยู่ในใจที่ขนาดคนสนิทของพ่อเขายังคิดได้ว่าเรื่องนี้มันแปลกๆแต่พ่อของเขากลับไม่ใส่ใจเขาเองก็ไม่อยากไปกระตุ้นอะไรมากอย่างน้อยตอนนี้พ่อของเขาก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเสาะหาหลานของเขาอยู่บ้าง
“คุณเหนือจะเอายังไงต่อครับ”
นภัสอยากจะได้ยินคำสั่งจากเจ้านายของเขาว่าจะเอายังไงต่อในเรื่องนี้เพราะเขาเองก็จะได้รีบจัดการให้ได้อย่างไวที่สุด
“ฉันจะไปลำปางนายติดต่อภูผาให้ฉันที”
เหนือเมฆคิดว่าเขาต้องขึ้นไปที่ลำปางด้วยตัวเองพร้อมให้นภัสติดต่อกับภูผาหัวหน้ากรมป่าไม้ที่อยู่ที่นั่นว่าเขาจะไป
“ครับคุณเหนือ”
นภัสคิดไว้แล้วว่าคนอย่างเหนือเมฆคงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างช้าๆแน่ถ้าหากเจ้านายของเขาเข้าถึงพื้นที่เมื่อไรคงไม่นานเรื่องทุกอย่างก็จะกระจ่างเป็นแน่
บ้านอธิษฐ์เวหา
21.00 น.
“เครียดอะไรเเหรอคะคุณ”
แขไขเห็นอิทธิวัฒน์ยืนคิดอะไรที่ริมหน้าต่างอยู่นานแล้วเธอจึงต้องเดินเข้าไปถามเพราะว่าอยากจะรู้ความคิดของวสามีของเธอในตอนนี้
“อยากจะรู้ว่าหลานผมอยู่ที่ไหนป่านนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย”
อิทธิวัฒน์พ่นคำพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดเขารู้สึกเป็นห่วงลูกของอรรณพเหลือเกิน
