บทที่ 1 บทนำ
ปัง!!
เสียงลูกตะกั่วกระทบกับลูกบิดประตูในระยะประชิด หญิงสาวที่หลับไหลอยู่ในห้องกับหญิงชราอีกคนต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ไม่ต้องเดาพวกเธอก็รู้ว่าเป็นเสียงอะไร เพราะนี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เธอย้ายที่อยู่ และสาเหตุที่ต้องย้ายก็มีเพียงแค่เหตุผลเดียวนั่นคือโดนไล่ล่า
“ยายคะ” เธอจับมือของยายไว้แน่น “ไม่ต้องกลัวนะ”
หญิงชราวัย 60 ปีพยักหน้าให้หลานสาว แม้เธอจะอายุ 60 แล้วเธอก็ยังแข็งแรง เพราะเธอมักจะถูกหลานสาวคะยั้นคะยอให้ไปออกกำลังกายด้วยกันอยู่เสมอ
“ยายตามหนูมานะ” เธอลุกขึ้นจากที่นอนก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วก้มลงไปหยิบบันไดที่อยู่ใต้ที่นอนออกมา
เธอเดินไปยังระเบียงห้องก่อนจะมองซ้ายมองขวา เธอพาดบันไดกับระเบียงห้องของเธอและห้องข้าง ๆ สำหรับปีนข้ามไป ลำพังเธอแค่กระโดดข้ามก็ได้ แต่จะให้ยายของเธอทำแบบนั้นไม่ได้
“ระวังนะคะ” เธอบอกยายขณะที่มือยังจับบันไดไว้ให้ยายข้าม
เมื่อยายข้ามไปถึงระเบียงห้องข้าง ๆ เธอก็ไม่ลืมที่จะหันมาล็อคประตูระเบียงจากด้านนอก แล้วก็รีบข้ามตามไปโดยไม่รีรอ บันไดถูกดึงมาเก็บไว้ทันที
“นั่งลงก่อนค่ะ” เธอดึงให้ยายแอบตรงระเบียง เพราะคืนนี้เจ้าของห้องไม่อยู่ เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอม นักศึกษาส่วนใหญ่ในหอพักแห่งนี้จึงกลับบ้าน เหลืออยู่ก็แค่ไม่กี่ห้องเท่านั้น
เพล้ง!!
คราวนี้เป็นเสียงกระจกตรงประตูระเบียงห้องที่โดนสันปืนทุบจนแตก
“นังริบบิ้น!!...แกอยู่ไหน” ชายฉกรรจ์หนึ่งในสองคนที่บุกเข้ามาในห้องเอ่ยเรียกหญิงสาว “ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันรู้ว่าแกแอบอยู่แถวนี้”
หญิงสาวยังคงกอดยายของเธอไว้แน่น ไม่ใช่เธอไม่กลัว แต่เธอจะแสดงความกลัวออกมาไม่ได้ เธอยังมีคนที่เธอต้องปกป้อง ถ้าเธอแสดงอาการหวาดกลัวออกมา แล้วยายของเธอล่ะ?
“หรือมันหนีไปแล้วลูกพี่”
“กูมั่นใจว่ามันยังอยู่” ปืนก็แกว่งไปเรื่อยตามจุดโฟกัสสายตา
“พี่! นี่ผ้าอะไร” ชายหนุ่มอีกคนดึงผ้าที่มัดต่อกันยาว ๆ ขึ้นมา
“นั่งนี่มันร้ายนัก” ผ้าในมือถูกขย้ำจนยับยู่ยี่
“ข้างล่างนั่น” ทั้งสองก้มลงไปก็เห็นรองเท้าหล่นอยู่บนกอหญ้า
เนื่องจากด้านหลังของหอพักเป็นป่ารก ทั้งสองเลยคิดว่ายายหลานคู่นี้คงจะไต่ผ้าลงไปด้านล่างแล้ว
“เอาไงต่อครับ”
“ก็ตามไปสิ ไอ้โง่” พูดจบชายฉกรรจ์ก็เดินตามหลังกันออกไปทันที
ริบบิ้น หรือ รสิตา หญิงสาววัย 27 ปี เธอโตมากับยาย พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตไปตั้งแต่เด็ก เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและมีไหวพริบ
“ยายรออยู่ตรงนี้นะคะ หนูจะกลับไปเอาของใช้ที่จำเป็น เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วค่ะ”
“ระวังตัวด้วยนะลูก”
หลังจากที่ข้ามกลับมารสิตาก็หยิบกระเป๋าที่อยู่ใต้ที่นอนออกมา เนื่องจากไม่ใช่ครั้งแรก เธอเลยเตรียมพร้อมไว้ตลอด รวมไปถึงผ้าที่ถูกผูกไว้เมื่อหลายวันก่อนเพื่อสร้างสถานการณ์ว่าเธอกับยายหนีลงไปทางนั้น รวมไปถึงรองเท้าที่เธอโยนลงไปเพื่อให้ดูสมจริง เนื่องจากเมื่อสามวันก่อนตอนเธอออกไปซื้อของเธอรู้สึกเหมือนโดนสะกดรอยตามนั่นเอง
รสิตาพายายของเธอข้ามมาอีกสองห้อง เนื่องจากห้องนี้ไม่มีคนอยู่ประตูระเบียงเลยไม่ได้ล็อค ทั้งคู่นั่งแท็กซี่มาจนถึงบ่อนคาสิโนแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะเปิด 24 ชั่วโมง ซึ่งสถานที่นี้ เธอแวะมาดูสองครั้งแล้ว ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะมาในอีกสองวันข้างหน้า แต่คืนนี้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันซะก่อน เธอเลยต้องมาคืนนี้
“เรามาทำอะไรที่นี่” หญิงชราถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เราจะมาอยู่ที่นี่ค่ะ”
“ริบบิ้น หนูจะมาทำงานที่นี่เหรอลูก”
ริบบิ้น คือชื่อเล่นที่หญิงชราเป็นคนตั้งให้หลานสาว ซึ่งเดิมพ่อแม่ตั้งชื่อเล่นให้ว่าฟาง แต่เพราะตอนที่ริบบิ้นเป็นทารก เวลานอนเปลเธอก็จะชอบมองริบบิ้นสีแดงที่ยายผูกไว้ที่เปลแล้วหัวเราะชอบใจ นั่นจึงเป็นที่มาชื่อเล่นของรสิตา
“ใช่ค่ะ หนูมาสมัครไว้แล้ว” เธอบอกตามตรง “เข้าไปด้านในกันเถอะค่ะ”
รสิตาพาหญิงชราเข้าไปอีกทางตามที่ผู้จัดการบอกเธอไว้ตอนเธอมาสมัครงาน แต่ระหว่างที่เธอกำลังจะเลี้ยวตรงหัวมุมก็เจอกลุ่มผู้ชายใส่สูทชุดดำเดินออกมาพอดี
“โอ๊ย!!”
“หลบไป” หนึ่งในสองคนปัดมือมาโดนยายของเธอทำให้เซไปจนเกือบล้ม ดีที่รสิตาคว้าเอาไว้ได้ทัน
รสิตาโอบไหล่ยายของเธอแล้วมองคนทั้งสองเดินผ่านไป เธอเข้าใจว่าคงไปหมดแล้ว ขณะที่เธอก้าวเท้าหน้าเธอก็หันกลับมามองด้านหน้าพอดี และแล้วเธอก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเจอชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งกำลังเดินมาใกล้เธอเขาปรายตามองเธอก่อนจะเดินผ่านไป รสิตาก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาเขา เธอรับรู้ว่าผู้ชายคนนี้คงจะเป็นเจ้านายของผู้ชายที่ใส่สูททั้ง 4 คน เพราะมีอีกสองคนที่เดินตามหลังเขาคนนี้มา
