บทที่ 6 แก้วนี้ฉันให้สองหมื่น
“รู้สึกว่าวันนี้เธอจะเข้ากะบ่ายครับ” จักรพงศ์จำได้ว่าเมื่อวานรสิตาเข้างานกะบ่ายซึ่งวันนี้ก็คงไม่ต่างกัน
“มีที่อยู่ของเธอหรือเปล่า” รณกรก็ยังไม่ละความพยายามที่จะเจอรสิตาให้ได้
“เธอพักอยู่ในที่พักพนักงานของเราครับ”
“อย่างนั้นเหรอ”
คำตอบของจักรพงศ์ทำให้รณกรพอใจอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ต้องไปหาไกล เพราะเธออยู่ใต้จมูกของเขานี่เอง
“ครับ...คือผมขออนุญาตถามได้มั้ยครับ” จักรพงศ์ลังเลเพราะเขาอยากรู้ว่าทำไมรณกรถึงได้ถามหารสิตา
“อะไร”
“เธอไปทำอะไรให้คุณกรไม่พอใจหรือเปล่าครับ” เพราะจักรพงศ์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเลยคาดเดาไปก่อน
“ไม่มี เพียงแต่ผมมีเรื่องจะคุยกับเธอก็แค่นั้น” รณกรตอบไปตามความจริง
“อ๋อครับ” จักรพงศ์รู้สึกโล่งใจ ซึ่งรณกรก็สังเกตเห็นท่าทางนั้น “เรื่องสำคัญหรือเปล่า ให้ผมไปตามให้มั้ยครับ”
เมื่อได้รู้ว่ารสิตาไม่ได้สร้างเรื่องอะไร จักรพงศ์ก็ไม่ต้องเป็นห่วงหากเธอจะมาพบรณกรตอนนี้ และยินดีที่จะไปตามรสิตาให้
“ไม่ต้อง...ให้มาทำงานก่อนค่อยตามมาพบผม” รณกรคิดว่าเวลานี้คงจะเป็นเวลาพักผ่อนของหญิงสาวเขาเลยปฏิเสธจักรพงศ์ออกไป “เดี๋ยวผมต้องออกไปธุระข้างนอกด้วย”
“คุณกรครับ คุณท่านดีขึ้นบ้างมั้ยครับ”
“ดีขึ้นเยอะแล้ว ตอนนี้กำลังฝึกเดินอยู่”
เนื่องจากหลายเดือนก่อนพ่อของรณกรลื่นล้มในบ้านทำให้กระดูกขาร้าว จึงต้องเข้ารับการผ่าตัดซึ่งตอนนี้ก็รักษาตัวอยู่ที่บ้าน
“อ๋อครับ”
“ไม่มีอะไรแล้วกลับไปทำงานเถอะ”
“ครับ” ขณะที่กำลังจะขอตัวออกมาจักรพงศ์ก็เอื้อมมือจะหยิบป้ายชื่อของรสิตาออกมาด้วย แต่รณกรก็ยื่นมือมาเก็บไปก่อน ทำให้จักรพงศ์แก้เขินด้วยการเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ใกล้ ๆ แทน
บ่ายสองเป็นเวลาเข้างานของรสิตา แต่วันนี้เธอมาเร็วกว่าปกติ เพราะเธอหาป้ายชื่อไม่เจอ และจำไม่ได้ว่าเอาไปวางไว้ที่ไหน เธอเดินเข้าออกตรงห้องเปลี่ยนชุดอยู่หลายรอบ สุดท้ายก็ไม่เจอ เธอจึงต้องทำงานโดยไม่ได้ติดป้ายชื่อ และแน่นอนตามกฏเธอต้องโดนหักเงินที่ไม่แต่งกายให้เรียบร้อย
“ริบบิ้น” ขณะที่รสิตาเดินผ่านก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเรียกเธอไว้
“คะพี่เฟิร์ส” รสิตาขานรับทันที
เฟิร์สหรือ เอมิกา เธอคือพนักงานกลุ่มที่สอง เธอเป็นคนหนึ่งที่รสิตาค่อนข้างสนิทด้วย เพราะมักจะเข้างานกะเดียวกันอยู่บ่อย ๆ
“ดูแลแขกให้พี่ก่อนได้มั้ย พี่จะไปเข้าห้องน้ำ” เธอนั่งอั้นฉี่มาสักพักแล้ว พอเห็นรสิตาเดินผ่านมาเลยวานให้ช่วยดูลูกค้าให้
“อ๋อได้ค่ะ” รสิตาก็ไม่ได้ปฏิเสธ
เมื่อเอมิกาลุกออกไป รสิตาก็นั่งลงโดยเว้นระยะห่างกับลูกค้าเล็กน้อย แต่อยู่ ๆ ลูกค้าก็ขยับเข้ามาใกล้เธอแล้วพยายามเอามือโอบไหล่ เธอถอยจนติดพนักโซฟา
“โอ๊ย!!” ทันทีที่มือปลาหมึกวางไปบนขาอ่อนของรสิตา เธอก็จับเขาบิดข้อมือจนต้องร้องออกมา
“ขอโทษค่ะ ฉันสะบัดแรงไปหน่อย” รสิตาลุกขึ้นคำนับลูกค้า “ฉันเป็นพนักงานเสิร์ฟค่ะ ไม่ใช่พนักงานนั่งดริ้ง”
“ฉันจะให้ทิปหนักๆ เลย ดื่มให้ฉันสักแก้ว” เขาดึงเงินพับใหญ่ในกระเป๋าออกมา จากนั้นก็ส่งให้รสิตาเป็นแบงค์เทา 5 ใบพร้อมกับแก้วเหล้าในมือ
รสิตามีความลังเล เธออยากได้เงิน แต่เธอไม่อยากดื่มแก้วเดียวกับเสี่ยคนนี้
เมื่อเห็นว่ารสิตายังไม่รับแก้วเหล้าในมือ หนุ่มใหญ่คนนี้เลยเพิ่มแบงค์เทาอีก 5 ใบ
ในที่สุดรสิตาก็หยิบแก้วในมือของเสี่ยมาถือไว้ ก่อนจะก้มไปหยิบแก้วเปล่าที่วางอยู่ เธอเทเหล้าใส่แก้วใหม่แล้วดื่มรวดเดียวจนหมด ขณะก้มลงวางแก้วเธอก็ยื่นมือไปหยิบแบงค์พันในมือของเสี่ยทั้งสิบใบมาใส่กระเป๋าไว้อย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จนคนที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกที่ทันได้เห็นเหตุการณ์ยังแปลกใจ
“แก้วนี้ฉันให้สองหมื่น” เสี่ยชูแก้วในมือขึ้นคราวนี้เขาเทเหล้าเพียว ๆ ลงไปครึ่งแก้ว
คราวนี้รสิตารับมาโดยไม่ลังเล แต่ขณะที่เธอกำลังจะกระดกเหล้าเข้าปากกลับมีคนเอามือมาจับแขนของเธอไว้
“นายเรียกพบ” ราเชนทร์เป็นคนรับคำสั่งมาเรียกรสิตาไปพบรณกร
“ขอหนูดื่มเหล้าแก้วนี้ก่อน” พูดจบรสิตาก็จะกระดกเหล้าเข้าปากแต่ก็โดนห้ามไว้เหมือนเดิม “แป๊บเดียวพี่ ไม่เกินห้าวิ”
“นายบอกว่าเดี๋ยวนี้” ราเชนทร์ย้ำ เพราะเจ้านายของเขาเน้นย้ำว่าด่วน ๆ
“ก็ให้นายพี่รอไปก่อน หนูทำงานอยู่” รสิตาก็ไม่ได้รีบร้อนกับคำสั่งนั้น เธอคิดว่าแป๊บเดียวเขาคงรอได้
“ถ้าช้าอาจจะโดนไล่ออก” ราเชนทร์ขู่
ปั่ก!
เพียงแค่ได้ยินว่าไล่ออกรสิตาก็รีบวางแก้วลงทันที เพราะการอยู่ที่นี่ สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด
“ขอโทษด้วยนะคะเสี่ย คืนพรุ่งนี้ถ้ามาอีกหนูจะมาเล่นด้วย” พูดจบเธอก็ขยิบตาให้เสี่ยไปหนึ่งที
วิโรจน์รู้สึกเสียดาย เขากำลังสนุกอยู่เลย นาน ๆ จะเจอพนักงานที่ถูกใจแบบนี้สักครั้ง และดูเหมือนเธอจะไม่ใช่พนักงานสาวทั่วไป
ท่าทางขี้เล่นนั้นตกอยู่ในสายตาคนที่ยืนรอเธออยู่หน้าห้อง เพราะเขาไม่ยอมเข้าไป เขาอยากรู้ว่ารสิตาทำอะไรเลยหยุดมองอยู่ตรงนั้น...
