บทที่ 2 ซินหราน

ทว่าคมกระบี่ที่วาดลงมาบั่นศีรษะคนผู้นั้นกระเด็นลงพื้น      การเคลื่อนไหวที่นางมองไม่เห็นทำให้ชายชั่วเหล่านั้นตายอย่างน่าอนาถ  เดิมทีบุรุษบนหลังอาชาไม่มีท่าทีช่วยเหลือนาง แต่เป็นอู่เฉียงที่ยอมวิ่งกลับมาอุ้มนางและพาเดินทางรอนแรมเกือบยี่สิบวันจนมาถึงเกาะเพลิงอัคนี

อู่เฉียงเล่าว่า นางไม่พูดจาตลอดเส้นทาง กระทั้งมาถึงเกาะเพลิงอัคนีแล้วก็ยังไม่ปริปากส่งเสียงพูดสักคำ และเพราะนางไม่ยอมพูดจาแม้แต่คำเดียว นางจึงไม่มีชื่อเรียก พ่อบ้านจูโหย่งเจาตั้งชื่อให้นาง    เรียกนางว่า ‘ซินหราน’ เพื่อหวังให้นางได้พบความสุขในชีวิต พ่อบ้าน    จูโหย่งเจาตั้งชื่อให้นางแล้ว แต่นางยังมีอาการเหม่อลอยไม่ส่งเสียงพูดคุยหรือขานรับใดๆ อู่เฉียงเองไม่รู้ว่าเหตุใดเพียงแค่ท่านจอมมารเดินมาหยุดตรงหน้านาง ก้มหน้ากระซิบพูดคุยที่ไม่มีผู้อื่นได้ยินแล้วเงยตัวขึ้น  เพียงเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป นางจึงหายจากอาการเหม่อลอย ดวงตาจ้องมองแผนหลังท่านจอมมารที่หมุนตัวเดินกลับไปอย่างไม่ไยดี เด็กน้อยกะพริบปริบๆ แล้วมองมาทางเขา ท่าทีลังเลของนางในครั้งนั้น เขายังจำได้เป็นอย่างดี เท้าเล็กๆ ก้าวมาทางเขาช้าๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาก่อนเปล่งเสียงออกมาเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยิน

“พี่อู่เฉียง”

เสียงใสเรียกทำให้ชายหนุ่มได้สติ ปีนี้เขาอายุยี่สิบหกแล้ว อู่เฉียงพยักหน้ารับเป็นเชิงบอกนางว่า ‘อร่อย’ หญิงสาวจึงยิ้มกว้างออกมาได้ หลายปีมานี่ นางเป็น ‘สิ่งมีชีวิต’ เดียวที่ทำให้พรรคเพลิงอัคนีสดใส บนเกาะแห่งนี้มีคนอยู่มากก็จริง เฉพาะที่พรรคมารแห่งนี้มีเพียงเด็กคนเดียวที่เติบโตมาอย่าง ‘ปกติ’ นางไม่ใช่นักฆ่า ไม่มีวรยุทธ ไม่มีพิษ  นางเป็นหญิงสาวแสนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น และหากก้าวเท้าออกจากเกาะแห่งนี้ไป ไม่รู้ว่านางจะใช้ชีวิตภายนอกได้อย่างไร

เด็กหญิงคนหนึ่งถูกเรียกขานว่า ‘ซินหราน’ ผ่านมาถึงเวลานี้เป็นครบแปดปีแล้ว ภายนอกผู้อื่นมองว่านางโง่งม ไม่ทันเล่ห์กลใด แต่ก็ไม่เคยมีใครกล้ารังแกนาง แม้กระทั้งสตรีที่อยู่ข้างกายจอมมารแห่งพรรคเพลิงอัคนี หากไม่เพราะผ่านคืนฝันร้ายนั้นมาแล้ว นางคงตื่นตระหนกหวาดกลัวกับผู้คนในพรรคเพลิงอัคนีไม่น้อย บางคนรูปร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์บนภาพวาดในวัดที่นางเคยเห็น แต่เมื่อเติบโตขึ้น นางจึงรู้ว่าคนเหล่านี้แม้มีใบหน้าดุร้าย โหดเหี้ยมอำมหิต แต่ในส่วนลึกแล้วจิตใจดีนัก อย่างน้อย พวกเขาดีกับนาง เอ็นดูนางเหมือนนางเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง

คนต่างหากที่น่ากลัว นางกลัวคนปกติธรรมดา พวกหน้าเนื้อใจเสือ คนเหล่านั้นฆ่าบิดามารดาและคนในหมู่บ้านอย่างไร้ความปราณี

นางจึงใช้ชีวิตอย่างสงบในสถานที่ที่ใครต่อใครลำลือว่าโหดร้าย  เป็น ‘ซินหราน’ สัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่ ‘อู่เฉียง’ อุ้มกลับมา เขาประกาศว่านางคือ ‘น้องสาวบุญธรรม’ แต่อู่เฉียงเองเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกซื้อตัวมาเลี้ยงแบบนักฆ่า ฝึกฝนจนได้รับตำแหน่งเป็นองครักษ์จอมมาร องครักษ์ที่นับว่ามีฝีอมือได้รับการคัดเลือกมีอยู่สามคนก็คือ อู่เฉียง,อู่ชิง,อู่ยิน    ทั้งสามเป็นเด็กกำพร้าที่ต่างที่มาแต่ถูกส่งมาด้วยจุดหมายเดียวกัน      ทั้งสามจึงสนิทสนมกันดุจพี่น้อง เมื่ออู่เฉียงประกาศว่าซินหรานคือน้องสาวบุญธรรมของเขา อู่ชิงกับอู่ยินก็ต้องยอมรับนางด้วยเช่นกัน

“สายแล้ว เจ้ายังไม่ไปรับใช้ท่านจอมมารอีกรึ” อู่เฉียงเตือน

“ข้าไปมาแล้ว ประเดี๋ยวจะยกน้ำชาไปให้นายท่านที่ห้องอักษร”

นางยิ้มแย้ม ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวที่ต้องเข้าไปรับใช้ราชันจอมมาร  แม้นางจะอยู่ที่นี่ในฐานะน้องสาวบุญธรรมของอู่เฉียง แต่นางมิได้อยู่กินอย่างไร้ประโยชน์ งานการใดๆ ที่ควรทำ พ่อบ้านจูโหย่งเจาเป็นคนเข้มงวด ไม่ว่าจะการชงชาหรือฝนหมึกล้วนฝึก ทุกครั้งที่ทำผิดพลาดนางจะถูกเคาะมือเป็นการทำโทษ แต่นางไม่เคยร้องไห้หรือโกรธแค้น สิ่งที่พ่อบ้านสั่งสอนล้วนนับว่าเป็นประโยชน์กับนางมาก แต่เดิมนางอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ไม่เคยเรียนรู้กฏระเบียนธรรมเนียมใดๆ เมื่องานที่นางได้รับมอบหมายไม่มีสิ่งใดผิดพลาด พ่อบ้านก็จะทำหน้ายุ่งยากเพื่อหาเรื่องมาตำหนินางอีก แต่นางกลับเห็นเป็นเรื่องสนุกชวนขบขันเสียมากกว่า

ส่วนพ่อครัวเจี่ยนมีฝีมือการปรุงอาหารเป็นเลิศ เคยได้ยินว่าเป็นพ่อครัวในวังหลวงมาก่อน แต่เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี้นั้นมีเรื่องเล่าปากต่อปากมากมายนัก พ่อครัวเจี่ยนเอ็นดูนางมาก วิชาความรู้ในครัวสั่งสอนนางราวกับศิษย์เอก กระนั้นนางยังไม่มั่นใจว่าตนเองทำอาหารได้รสดีนัก มักนำมาให้อู่เฉียง อู่ชินและอู่ยิน รวมทั้งคนอื่นๆ ชิมอยู่เสมอ

“เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ”

“อืม” ซินหรานพยักหน้ารับ ขนมเปี๊ยะในถาดหายวับไปกับตา  หญิงสาวเผยรอยยิ้มสดใส กอดถาดไม้ที่ว่างเปล่าแล้วหมุนตัวกลับ

“ประเดี๋ยวก่อน”

ซินหรานได้ยินเสียงอู่ยินเรียกก็หมุนตัวกลับมา ชายหนุ่มล้วงมือไปในอกเสื้อหยิบของบางสิ่งแล้วยื่นให้หญิงสาว

“เจ้าไม่ได้ออกไปข้างนอก ข้าเลยซื้อมาให้” อู่ยินยื่นถุงเล็กๆ ส่งให้ ซินหรานยื่นมือไปรับอย่างประหลาดใจ นางลอบมองสีหน้าของอู่เฉียงเล็กน้อย เห็นเขาไม่มีท่าทีอะไร นางจึงเปิดออกดู พบว่าข้างในเป็นลูกปัดหลากสีและหลายรูปแบบ

“เห็นเจ้าชอบทำเครื่องประดับเอง ข้าเลยซื้อมาฝาก” นี่เขายอมควักเงินออกมาให้นางเลยนะ อู่ยินยกมือขึ้นกอดอกมองดูรอยยิ้มที่สดใสของหญิงสาวเบื้องหน้า

“ขอบคุณพี่อู่ยินมาก” นางรับมาด้วยความตื่นเต้น แม้อยู่ที่นี่อาหารการกิน เสื้อผ้าหรือที่อยู่อาศัยไม่ได้ลำบากอะไร นางเป็นหญิงย่อมมีความอยากได้เครื่องประดับบ้าง แต่เพราะนางเจียมตนว่าตนเป็นเพียงสาวใช้ จึงมักทำอะไรๆ ใช้เองเสมอ

“รีบไปได้แล้ว”

อู่เฉียงเตือนอีกครั้ง ซินหรานหันไปแลบลิ้นใส่แล้วรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสามจึงเห็นเพียงแผ่นหลังของนาง และผมเปียที่แกว่งไปมา

“ปีนี้นางอายุสิบหกแล้วไม่ใช่หรือ? ยังถักผมเปียเป็นเด็กอยู่เลย”

“นางเป็นสาวใช้ ต้องรวบผมให้เรียบร้อย” อู่เฉียงเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ มองขนมเปี๊ยะที่แย่งชิ้นสุดท้ายมาครอบครองได้ในมือ

“ปีนี่นางอายุสิบหกแล้วนะ” อู่ชิงยื่นมือไปจับไหล่สหาย เขารู้ดีว่าในสายตาของอู่เฉียงมิได้มองซินหรานเช่นพี่ชายมองน้องสาวมานานแล้ว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป