บทที่ 6 วางแผนชิงตัวสนม
เมืองหลวงแคว้นต้าหยาง
คึกครื้นไปด้วยพ่อค้าและผู้คนที่สัญจรกันมาตามถนนที่พลุกพล่าน เสียงพูดคุยของผู้คนปะปนไปกับเสียงเหรียญที่กระทบกัน และเสียงกระทบกันของเกวียนไม้ อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่หลากหลาย ชาหอมๆ และกลิ่นอาหารข้างทางที่ทำสดใหม่
พระราชวังสูงตระหง่านที่ยิ่งใหญ่ตั้งเด่นอยู่เหนือสถาปัตยกรรมที่วิจิตรการใจกลางของเมืองต้าหยาง หลังคากระเบื้องลวดลายงดงามสลับซับซ้อน เหนืออาคารราชวังทอดยาวไปสู่ท้องฟ้าราวกับงานศิลปะที่เสกขึ้นมาด้วยเวทย์มนต์ ธงสีสันสดใสปลิวไปตามสายลม เสียงร้องขายสินค้าของพ่อค้าแม่ค้าต่างๆ ที่เรียงรายอยู่ตามจัตุรัสตลาดดังกึกก้องไปทั่วพื้นที่
ผู้คนจำนวนมากขวักไขว่ไปตามตรอกซอกซอยแคบ ๆ และตลาดที่พลุกพล่านไปด้วยกองกำลังทหาร แม้ว่าปัญหาเรื่องการก่อกฎชิงบัลลังก์ของฮ่องเต้องค์ใหม่ จะทำให้ผู้คนหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่สินค้าจำเป็นอย่างเสื้อคลุมขนสัตว์ สมุนไพร อาหาร หรือของมีค่าอย่างเครื่องประดับหยก และเครื่องลายครามที่ทาสีอย่างวิจิตรบรรจงก็ยังมีวางขายเรียงรายจนเกลื่อนไปหมด พ่อค้าจากดินแดนห่างไกลมารวมตัวกันกับคนในท้องถิ่น เครื่องแต่งกายที่หลากหลายและภาษาแปลกหูช่วยเพิ่มสีสันให้กับเมืองแห่งนี้
ฉินจื่อเหลี่ยนและเจินฮุ่ยหมิง เดินไปตามถนนที่พลุกพล่านของเมืองหลวงต้าหยาง ด้วยความระมัดระวัง พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่กลมกลืนไปกับชาวบ้านและผู้คนที่สัญจรอยู่ในพื้นที่
คนทั้งสองขอกองกำลังทหารจากแคว้นพันธมิตร และเดินทางกลับมาที่ต้าหยาง โดยมีเป้าหมายสำคัญคือกลับมาช่วยคนตระกูลเจินหลบหนีออกไปด้วยกัน แม้จะรู้ว่านี่เป็นเหยื่อล่อให้พวกเขาออกมา แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะหากคนตรกูลเจินไม่สามารถเป็นเหยื่อล่อให้พวกเขาออกมาได้ ท้ายที่สุดฉินฉื่อเหยาก็จะต้องจัดการกับคนตระกูลเจินอย่างสิ้นซากแน่นอน
"สายของเรารายงานว่า ในวังกำลังวุ่นอยู่กับพิธีแต่งตั้งสนมเอก ตอนนี้ข่าวการแต่งงานถูกส่งไปทุกแคว้นที่มีเขตติดต่อกับต้าหยาง" เจินฮุ่ยหมิงบอกกับฉินจื่อเหลียน หลังจากที่ได้แยกกันออกไปสืบข่าว
"ใครกันที่ได้รับเลือกให้เป็นสนม"
"ท่านพี่ลี่หลัว" เพียงได้ยินนามของสตรีที่ถูกเลือก ฉินจื่อเหลียนก็ต้องเบิกตากว้าง
"ไม่มีทาง ฉื่อเหยาเกลียดแค้นชิงชังคนตระกูลเจินเสียยิ่งกว่าอะไร" ถึงฉินจื่อเหลียนไม่บอก เจินฮุ่ยหมิงก็รู้ข้อนี้ดี
"ข้ารู้อยู่เต็มอก ถึงได้คิดว่านี่คือแผนของฉินฉื่อเหยา ที่ต้องการล่อพวกเราให้มาติดกับ" แม่ทัพหนุ่มออกความเห็น
"ตอนนี้คนตระกูลเจินอยู่ที่ไหน" ฉินจื่อเหลียนถามต่อ เขาไม่คิดว่าน้องชายของตัวเองจะยอมให้พวกเขาได้อยู่อย่างสุขสบายแน่ เพียงแต่ว่าที่วังหลวงต้าหยาง มีสถานที่คุมขังนักโทษหลายแห่ง เขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าฉินฉื่อเหยาน้องชายของเขา จะพาคนตระกูลเจินไปคุมขังไว้ที่ใด
"ท่านน้ากับน้าสะใภ้ กับหลานๆ อยู่ที่คุกใต้ดิน แต่ท่านพี่ลี่หลัว ยังไม่ทราบว่าถูกแยกไปขังไว้ที่ใด" ขุนนางที่เป็นฝ่ายฉินจื่อเหลียนถูกกำจัดไปจนเกือบหมด ทำให้การเข้ามาสืบหาเบาะแสต่างๆ ในครั้งนี้ยากไปเสียหมด
"ถ้าหากฉื่อเหยาต้องการล่อให้พวกเราไปติดกับดัก มันต้องเอาลี่หลัวไปไว้ในที่ที่จะดักจับเราได้ง่ายๆ"
"ถ่ายกำลังหมายถึง..."
"วังหลัง" ฉินจื่อเหลียนพูดอย่างมั่นใจ เจินฮุ่ยหมิงก็รู้สึกเห็นด้วย แต่ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง ต้องมีกองกำลังคุ้มกันแน่นหนามากแน่ และจากจำนวนกองกำลังของพวกเขา คงไม่มีทางเลยที่จะบุกเข้าไปชิงตัวเจินลี่หลัวออกมาได้
"ข้าคิดว่าเราควรถอยไปก่อน กลับไปวางแผน แล้วหากำลังเสริม..."
"ไม่!!! หากข้าไม่ได้พาลี่หลัวกลับไปด้วย ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น" ฉินจื่อเหลียนยืนยันเสียงแข็ง เขาจะไม่มีทางทิ้งเจินลี่หลัวไว้เป็นครั้งที่สองแน่นอน
"แต่..."
"ถ้าเจ้าไม่กล้า ก็พาทหารกลับไปวางแผนกันใหม่ แล้วค่อยตามมาช่วยข้า ส่วนข้าจะหาทางเข้าไปช่วยลี่หลัวเอง" ฉินจื่อเหลียนยืนยันหนักแน่น
"ข้าเข้าใจว่าท่านเป็นห่วงท่านพี่ลี่หลัว ข้าเองก็ร้อนใจไม่น้อยไปกว่าท่านเลย แต่ตอนนี้กำลังพลเราไม่พร้อม หากบุกเข้าไปก็มีแต่จะเสียเปรียบและถูกจับกันหมด..."
"ข้าไม่สามารถกลับไปโดยปราศจากลี่หลัวได้ ข้าทิ้งนางไว้แล้วเราตัวรอดไปเพียงลำพังมาหนหนึ่งแล้ว หากข้อทำเช่นนั้นอีก ข้าก็คงไม่มีหน้าจะพบกับนางได้อีกแล้ว เจ้าเข้าใจหรือไม่อาฮุ่ย" ฉินจื่อเหลียนในตอนนี้ ไม่สามารถจะควบคุมได้เลย แม้เขาจะไม่มีอำนาจอะไรแล้วก็ตาม เจินฮุ่ยหมิงได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อกดข่มอารมณ์โมโหเอาไว้ ในฐานะที่เขานั้นเป็นแม่ทัพ ย่อมรู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้เขากำลังเสียเปรียบเป็นอย่างมาก แต่เหมือนว่าการอธิบายให้ฉินจื่อเหลียนเข้าใจก็ยากไม่แพ้กัน
"ก็ได้ หากท่านต้องการเช่นนั้น แต่ว่าเราต้องวางแผนกันให้รอบคอบเสียก่อน" เจินฮุ่ยหมิงตัดสินใจยอมทำตามความต้องการของฉินจื่อเหยา เพราะเขาไม่มีทางเลือก สิ่งที่เขาพอจะทำได้ในตอนนี้ ก็คือเตรียมทางหนีเอาไว้ และคิดแผนสำรองเมื่อต้องถอย
เจินฮุ่ยหมิงเรียกกองกำลังทหารให้มาประชุมกัน ทุกคนล้วนคิดตรงกันว่าแผนนี้ต้องล่มอย่างแน่นอน
"กองกำลังของพวกเราเสียเปรียบมาก ไม่มีทางเลยที่เราจะทำตามแผนได้สำเร็จ" นายทหารผู้หญิงเอ่ยขึ้น เจินฮุ่ยหมิงได้แต่หันมองคนต้นคิด เขาบอกไปแล้วแต่ฉินจื่อเหลียนก็ไม่ยอมเชื่อ ให้เป็นใครก็คิดแบบนี้กันทั้งนั้น
"ข้าต้องการคนสมัครใจ หากใครไม่ยินดีที่จะร่วมทำตามแผนนี้ ก็ให้ถอนกำลังกลับไปได้" เจินฮุ่ยหมิงหันมองหน้าฉินจื่อเหลี่ยนอีกครั้ง หากเขาพูดเช่นนี้ใครกันจะอยู่ต่อ
"แต่ว่าพวกข้าล้วนเป็นทหาร หากผู้นำทัพสั่ง ก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้" นายทหารอีกคนพูดขึ้นบ้าง
"ข้าไม่ใช่ผู้นำทัพของพวกเจ้า และข้าก็ไม่ต้องการให้ใครมาเดือดร้อนด้วย หน้าที่ของพวกเจ้าคือมาส่งข้ากับคนของข้าให้ถึงเมืองต้าหยาง และพวกเจ้าก็ได้ทำภารกิจนั้นเสร็จสิ้นแล้ว" เจินฮุ่ยหมิงเริ่มรู้สึกเหนื่อยกับฉินจื่อเหลียนเสียแล้ว เขาไม่มีประสบการณ์ในกรรบ และมุ่งแต่จะเข้าไปช่วยเจินลี่หลัวเสียจนไม่มองความเป็นจริงเลยสักนิด
