บทที่ 6 ตอนที่ 2 ของชิ้นแรกจากท่านชีค (1)
ตอนที่ 2
ของชิ้นแรกจากท่านชีค
เช้าวันใหม่กับการเริ่มทำงานกับที่ใหม่ แม้เมื่อวานจะผ่านการเดินทางอันแสนยาวนานบวกกับมาถึงก็ต้องมาวุ่นวายกับการผ่าตัดเอาลูกกระสุนออกให้ชีคซาลซาเอลอีก และด้วยเหตุนั้นเองทำให้เมื่อคืนอุรัสยาหลับเป็นตาย พอเช้ามาเลยสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เรียกได้ว่าแรงกายแรงของเธอพร้อมเต็มที่ ถึงอย่างนั้นก็มารู้สึกไม่สบายใจนิดๆ ก็ตรงชีคซาลซาเอลนี่แหละ เพิ่งจะผ่าตัดไปเมื่อวานแทนที่จะนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้อง แต่นี่กลับบอกว่าจะไปโรงพยาบาลพร้อมกับเธอ ถ้าไปให้ทางโรงพยาบาลเช็คบาดแผลจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่บอกว่าจะไปทำงานพร้อมกับไปแนะนำเธอให้รู้จักคุณหมอคนอื่นๆ ในฐานะเจ้าของโรงพยาบาล
“ไหวไหมคะท่านชีค ฉันว่าท่านน่าจะหยุดพักผ่อนดีกว่าไหม แค่ไปโรงพยาบาลแค่นี้ ฉันไปอิสลัมสองคนก็ได้”
คุณหมอสาวถามด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเป็นห่วงทันทีที่รถเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล โดยมีคนสนิทอย่างอิสลัมเป็นสารภี
“แผลแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอกน่า เมื่อเช้าคุณเป็นคนล้างแผล คุณก็น่าจะเห็นว่ามันไม่ได้ร้ายแรงหรือน่าวิตกกังวลอะไร และขอร้องเลยนะอยู่ข้างนอกอย่าเอ่ยถึงเรื่องแผลนี้เด็ดขาด”
ชีคซาลซาเอลสั่งเสียงเข้ม อุรัสยาปรายตามองต้นแขนซ้ายที่อยู่ภายใต้ชุดกาลาไบยาสีน้ำตาลแล้วก็เห็นว่าทุกอย่างดูปกติ ถ้าเมื่อวานไม่เห็นกับตาว่าพระองค์มีบาดแผลวันนี้เธอก็ดูไม่รู้หรอก ร่วมไปถึงคนอื่นๆ ด้วย
“รู้หรอกค่ะว่าเรื่องนี้มันลับแค่ไหน ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่กักตัวฉันไว้หรอกจริงไหมคะ”
“รู้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ปากสว่าง”
คุณหมอสาวย่นจมูกใส่ชีคหนุ่มอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีออกไปมองบรรยากาศนอกตัวรถ เห็นแล้วชีคซาลซาเอลก็ได้แต่แย้มพระสรวลขำและทรงคิดไปว่ามันก็น่ารักดี
ร่างบอบบางสมส่วนของคุณหมอสาวที่เดินเคียงคู่กับชีคซาลซาเอลและอิสลัมเข้ามาภายในโรงพยาบาลสามารถเรียกสายตาทั้งจากคนไข้และเหล่าพยาบาลได้เป็นอย่างดี และส่วนมากทุกคนคงจะรู้จักชีคหนุ่มดีว่าเป็นใครจึงต่างพากันลุกขึ้นทำความเคารพและทักทาย ด้วยสีหน้าที่ปลื้มปิติ และชีคซาลซาเอลเองก็ดูไม่ถือตัวพระองค์ทักทายกลับพร้อมถามสารทุกข์สุขดิบดูๆ ไปแล้วพระองค์ก็ไม่ได้แตกต่างจากที่เคยได้ยินอิสลัมพูดเอาไว้เลยว่าพระองค์เป็นชีคที่ใจดีมีเมตตา ยกเว้นกับเธอคนเดียวหรือเปล่าที่พระองค์ดูจะดื้อดึงเอาแต่พระทัย
แม้จะคิดอย่างนั้น แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้เธอรู้สึกอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากรู้สึกดีถึงดีมากๆ และในระหว่างที่หญิงสาวมองเพลินๆ ก็มีเด็กชายคนหนึ่งร้องไห้งอแงวิ่งมาชนเข้ากับร่างสูงที่กำลังทักทายคนไข้อยู่อย่างจังจนเป็นผลให้ร่างเล็กนั้นล้มก้นจ้ำเบ้า
“ว๊าย! ชาร์มิล”
ผู้เป็นแม่กรีดร้องเสียงหลง แต่เมื่อเห็นหน้าคนที่ลูกชายของตนวิ่งชน นางก็รีบวิ่งไปประคองลูกชายพร้อมทั้งรีบละล้ำละลักขอโทษขอโพยชีคหนุ่มเป็นการใหญ่
“ข้าขอประทานโทษแทนลูกชายหม่อมฉันด้วยเพคะท่านชีค”
ชีคซาลซาเอลทรงไม่เพียงไม่กล่าวโทษ แต่กลับทรุดพระองค์ลงนั่งยองๆ ยกพระหัตถ์ไปโยกศีรษะเล็กของเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ พลางเอ่ยตรัสอย่างเอ็นดูว่า
“เป็นอะไรเราร้องไห้งอแงเชียว”
“กลัวหมอ”
เด็กน้อยบอกเสียงสะอึกสะอื้น มองหน้าชีคหนุ่มสลับกับคนเป็นแม่ ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่คนอื่นๆ ที่มองมาอย่างสนใจใคร่รู้ด้วยสายตางงงวย
“กลัวหมอ”
ชีคหนุ่มทวนคำพลางเลิกพระขนงมองใบหน้ากลมที่เปื้อนคราบน้ำตาแล้วทรงพระสรวลเบาๆ ก่อนจะทรงหันไปตรัสถามผู้เป็นแม่ของเด็ก
“พาเด็กมาทำอะไร”
“มาถอนฟันเพคะท่านชีค แต่ก่อนจะถึงคิวมีเด็กคนหนึ่งเข้าไปก่อน และพอออกมาเด็กคนนั้นก็ร้องไห้จ้า ทำให้ลูกของหม่อมฉันเกิดอาการกลัว พอถึงคิวจะพาเข้าไปในห้องถอนฟัน ก็วิ่งหนีมาอย่างที่เห็นนี่แหละเพคะ”
ชีคซาลซาเอลพยักพระพักตร์ ก่อนจะตรัสให้อิสลัมพาอุรัสยาไปรอที่ห้องก่อน ส่วนพระองค์นั้นอาสาจะพาเด็กน้อยเข้าไปในห้องถอนฟันเอง
ตอนแรกเด็กน้อยทำท่าจะไม่ไป แต่พอซาลซาเอลก้มลงกระซิบตรัสบางอย่างเด็กน้อยก็มีสีหน้าลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยอมเดินเคียงจูงพระหัตถ์ชีคหนุ่มเข้าห้องทำฟัน โดยมีผู้เป็นแม่ของเด็กน้อยมองตามด้วยสายตาที่ปลาบปลื้มปิติ เพราะนางเองเคยได้ยินชื่อเสียงล่ำลือเรื่องความใจดีมีเมตตาของชีคซาลซาเอลมานาน แต่ก็ไม่เคยได้ประสบพบพานกับตัวเองเลยสักครั้ง พอมาวันนี้ได้ประจักษ์ด้วยตา นางจะไม่มีวันลืมวันนี้เลยชั่วชีวิต และขอปฏิญาณตนว่าจะขอภักดีต่อชีคซาลซาเอลผู้นี้ตลอดไป
