บทที่ 14 เรื่องจรองบ้าง ไม่จริงบ้าง
ทางด้านเว่ยเจี้ยนป๋อกับเหลียนอี้ปิงที่วันนี้นำปลาไปส่งที่เหลาอาหารพร้อมทั้งกระต่ายกับไก่ที่เว่ยจื้อโหยวล่ามาได้ ทำให้วันนี้พวกเขาได้เงินมาไม่น้อย เพราะจำนวนปลาที่จับได้มากขึ้นและมีขนาดตัวที่ใหญ่ ส่วนปลาตัวเล็กนั้นพวกเขาปล่อยกลับลงลำธารไป
ทั้งสองคนติดสินใจว่าจะมาขุดหลุมดักปลาเพิ่ม เพราะหลงจู๊บอกว่าปลาที่พวกเขานำไปส่งเมื่อวานไม่พอขาย ถึงแม้วันนี้จะได้ปลาเพิ่มมาจากเมื่อวานนับ 100 ชั่ง แต่หลงจู๊คิดว่าไม่น่าจะพอขาย เพราะไม่มีใครสามารถจับปลามาส่งที่เหลาอาหารแบบที่ยังมีชีวิตอยู่และไร้บาดแผลเช่นนี้มาก่อน ทำให้เวลานำปลาไปปรุงอาหารจะได้รสชาติสดใหม่และอร่อยยิ่งขึ้น ตอนนี้อาหารเมนูปลาจึงเป็นอาหารขึ้นชื่อของเหลาอาหารไปแล้ว
“น้องเขย ข้าว่าเรากลับไปขุดหลุมกับดักเพิ่มสัก 3 หลุมดีหรือไม่ ขุดห่างกันออกไปหน่อยลำธารสายนี้ไม่ค่อยมีชาวบ้านเดินผ่านมาเพราะมันอยู่ติดกับชายป่า เหมาะสำหรับให้พวกเราขุดหลุมดักปลา”
“ข้าเห็นด้วยกับพี่ใหญ่ กระต่ายป่าและไก่ป่าของอาโหยวก็ขายได้ราคาดีไม่น้อย เลยเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงนางมาก นางสามารถดูแลตัวเองได้ หากข้าไม่ตัดสินใจแยกบ้านออกมาพวกเราคงจะไม่มีวันคืนที่ดีเช่นนี้”
“เอาเถอะเรื่องมันก็ผ่านมาแล้วต่อไปนี้พวกเจ้าใช้ชีวิตให้ดีก็พอ ตอนนี้ต้องยอมรับว่าเป็นเพราะอาโหยวพวกเราทั้งสองครอบครัวถึงได้มีลู่ทางทำเงิน อีกไม่นานพวกเราคงมีเงินสร้างบ้านใหม่และซื้อที่ดินเพิ่ม ต่อไปพวกเราจะมีแต่ความสุขดังเช่นอาโหยวพูด”
“ข้าก็เชื่อมั่นในตัวนางขอรับ หากข้าไม่แยกบ้านออกมาอาโหยวคงไม่แสดงความสามารถออกมาเป็นแน่ เพราะต่อให้นางมีความสามารถขนาดไหน ท่านแม่ข้าก็คงไม่เห็นครอบครัวของข้าอยู่ในสายตา”
“เอาเถอะ วันข้างหน้าหากเจ้าอยู่ดีกินดีแล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาคงเสียใจจนอยากตายเลยทีเดียว”
“ขอรับ”
“เช่นนั้นเดี๋ยวเราขับเกวียนเลยไปบ้านอาโหยวเลยก็แล้วกันจะได้ไม่ต้องเดินย้อนไปย้อนมา และเงินที่ได้มาวันนี้จะได้เอาให้นางเลย”
“ตกลงขอรับพี่ใหญ่”
เว่ยจื้อโหยวไม่คิดไม่ฝันเลยว่าท่านพ่อและท่านลุงของนางจะตัดสินใจเช่นนี้และมุ่งหน้ามาที่บ้านของนางประจวบเหมาะกับตอนที่นางเดินแบกกวางตัวใหญ่เขายาวออกจากป่าพอดี
จากที่คิดว่าจะบอกกับพ่อตัวเองเรื่องพละกำลังและเรื่องต่าง ๆ นานาของตัวเองทั้งเรื่องจริงบ้างเรื่องไม่จริงบ้างในตอนไปรับน้องทั้งสองคน แต่นึกไม่ถึงว่านางจะได้สารภาพเรื่องจริงบ้างและเรื่องไม่จริงบ้างของนางกับท่านพ่อและท่านลุงเร็วขนาดนี้
ระหว่างทางที่กลับมาบ้านโชคดีที่ไม่พบเจอกับชาวบ้าน คงเพราะป่าทางด้านซ้ายไม่มีชาวบ้านกล้าเข้าไปหาของป่าและเก็บผักป่ากันจึงให้ไม่มีใครเห็นนางแบกกวางตัวใหญ่เขายาวออกมาจากป่า
เมื่อเว่ยจื้อโหยวแบกกวางเดินเปิดประตูด้านกลังบ้านเข้ามา พอดีกับที่เว่ยเจี้ยนป๋อถือจอบกำลังจะเดินไปที่ลำธารพ่อลูกประจัญหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายและไม่ได้ตั้งใจ
เหลียนอี้ปิงหลังจากที่นำล่อไปผูกเอาไว้และหาน้ำให้แล้วก็เดินสะพายตะกร้าเตรียมตัวจะไปช่วยเว่ยเจี้ยนป๋อขุดหลุมดักปลา แต่เมื่อเดินมาถึงก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นน้องเขยตัวเองยืนนิ่งสายตาจ้องมองไปยังประตูหลังบ้านของหลานสาว
“น้องเขยเจ้ามองอันใด มีอะไรอย่างนั้นรึทำไมยังไม่ไปที่ลำธารอีก” เพราะเว่ยเจี้ยนป๋อรูปร่างสูงใหญ่ทำให้เหลียนอี้ปิงมองไม่เห็นเว่ยจื้อโหยวที่ยืนอยู่หน้าประตู
“พะ... พี่ใหญ่นั่นใช่อาโหยวลูกข้าหรือไม่”
“อะไรของเจ้า ถามอะไรแปลก ๆ ไหนกันอาโหยวไม่ใช่นางไปหาของป่าหรอกหรือ”
“นั่นขอรับ หน้าประตูขอรับ”
“เจ้าถอยออกมาก่อนตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่นข้ามองไม่เห็น”
พอเว่ยเจี้ยนป๋อขยับออกไปทางซ้าย สิ่งที่ปรากฎสู่สายตาของเหลียนอี้ปิงทำเอาเขาพูดไม่ออก ได้แต่ พูด "นะ…นั่น นั่น" อยู่เป็นนานสองนาน
เว่ยจื้อโหยวไม่คิดว่าท่านพ่อกับท่านลุงจะมาที่บ้านในเวลานี้ นางเองก็ตกใจเช่นเดียวกันแต่ในเมื่อความมันแตกแล้วก็ต้องอธิบายนั่นล่ะ ถึงอย่างไรท่านพ่อก็รักนางมากที่สุดไม่ว่าจะยังไงท่านพ่อจะต้องเชื่อนาง
“ท่านพ่อ ท่านลุง กำลังจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ”
"อาโหยว ลูก เหตุใดเจ้าถึง"
“นั่นสิอาโหยว เหตุใดเจ้าถึงมีกวางกลับมาด้วยไม่ใช่เจ้าบอกลุงกับพ่อเจ้าเพียงจะเข้าป่าไปเก็บผักป่าและวางกับดักเล็กน้อยหรือ”
“ท่านลุง ท่านพ่อเข้าบ้านก่อนเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะบอกท่านลุงกับท่านพ่อทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าเริ่มหนักแล้วท่านพ่อหลบทางข้าก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ถ้าเจ้าหนักวางมันลงพ่อจะแบกเข้าบ้านไปให้เจ้า”
“นั่นสิให้พ่อเจ้าแบกดีกว่า เจ้าตัวแค่นี้แบกมันมาได้อย่างไรกัน วางมันลงเร็ว ๆ เข้า”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านลุง ข้าไม่ได้หนักมากมายอะไร”
หลังจากที่หลบทางให้เว่ยจื้อโหยวเดินเข้ามาในบ้านแล้วนางวางกวางเขายาวตัวใหญ่ลงบนลานหลังบ้าน จากนั้นนางจึงบอกกับท่านพ่อและท่านลุงของนางว่าต้องการให้พวกเขานำกวางเข้าไปขายในเมือง ส่วนเรื่องอะไรที่ท่านพ่อและท่านลุงต้องการรู้ นางจะบอกพร้อมกันทุกคนในตอนค่ำพร้อมกับท่านตาท่านยายและทุกคน
“ท่านพ่อ ท่านลุงพวกท่านรีบเอากวางตัวนี้เข้าไปขายในเมืองเถอะเจ้าค่ะ ไปตอนนี้ยังพอมีเวลา หากว่ารอพรุ่งนี้เช้าข้ากลัวว่าเนื้อจะไม่สดทำให้ขายไม่ได้ราคาเจ้าค่ะ”
“เจ้ามีอะไรที่ยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่ของเจ้าหรือไม่อาโหยว”
“ท่านพ่อเจ้าคะ เดิมทีข้าเองก็มีเรื่องที่จะบอกกล่าวกับท่านพ่อท่านแม่และทุกคนเพียงแต่ว่าข้ายังไม่มีโอกาส เดิมทีข้าตั้งใจว่าจะบอกเรื่องบางอย่างกับทุกคนเย็นนี้เจ้าค่ะ”
“พ่อรอไม่ได้ เจ้าบอกพ่อมาก่อน ตอนนี้พ่อร้อนใจจะแย่แล้ว ใช่เจ้าเข้าป่าด้านซ้ายมาใช่หรือไม่”
“ใช่เจ้าค่ะท่านพ่อ แต่ท่านพ่อเจ้าคะท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วงข้านะเจ้าคะ ข้าแข็งแรงมาก อีกอย่างท่านพ่อจำตอนที่ข้าโดนท่านย่าทุบตีแล้วสลบก่อนที่เราจะแยกบ้านได้หรือไม่เจ้าคะ”
“พ่อย่อมต้องจำมันได้ไม่มีวันลืม ว่าแต่มันเกี่ยวอันใดกัน”
“ความจริงแล้วเดิมทีข้ามีพละกำลังเหนือกว่าผู้อื่น พูดง่าย ๆ ว่าข้าแข็งแรงมาก แต่เพราะข้ากลัวท่านย่าและคนอื่นจะหาว่าข้าเป็นตัวประหลาดเป็นปีศาจแล้วจับข้าไปเผาไฟข้าเลยต้องเก็บงำความสามารถเอาไว้จึงได้แสร้งเป็นอ่อนแอให้ผู้อื่นรังแกทุบที เพราะข้าเกรงว่าท่านพ่อท่านแม่จะเดือดร้อน อีกอย่างหากข้าแสดงความสามารถออกมาท่านย่าก็ไม่เคยเห็นพวกเราอยู่ในสายตา นอกจากจะเอาเงินที่ครอบครัวเราหามาได้เข้ากองกลางจนหมดแล้วยังจะหาว่าข้าเป็นตัวกาลกิณีอีก แล้วในตอนที่ข้าสลบไปวิญญาณข้าได้หลุดลอยไปไกลแสนไกล ชายชราที่มาพาข้าไปบอกว่าที่แห่งนั้นคือโลกอนาคตในอีกหลายหมื่นปี ข้าได้ความรู้มากมายมาจากที่นั่นเจ้าค่ะ”
“หละ..หลานพูดจริงหรืออาโหยว นั่นไม่ใช่ว่าเจ้าเกือบจะตายไปแล้วไม่ใช่หรือ หากว่าวิญญาณเจ้าออกจากร่างไปแล้วกลับเข้าร่างไม่ได้ไม่เท่ากับเจ้าได้ตายไปแล้วจริง ๆ หรอกหรือ”
“นั่นสิ อาโหยว พ่อขอโทษเจ้ามาก ที่พ่อเองไม่เอาไหน เพราะคำว่ากตัญญูมันค้ำคอ พ่อเกือบจะเสียเจ้าไปแล้ว พ่อมันโง่เอง สำหรับย่าเจ้าที่เกลียดพ่อ ต่อให้พ่อกตัญญูแค่ไหนในสายตาย่าเจ้าก็ไม่เคยมีพ่ออยู่ ขอบคุณสวรรค์ที่พาเจ้ากลับมานะ” เว่ยเจี้ยนป๋อพูดทั้งน้ำตา
“ลุงว่าเรื่องนี้ให้รู้แค่นี้เถอะ หากท่านพ่อท่านแม่ และน้องสาวรู้เข้านางคงไม่สบายใจ ในเมื่อหลานกลับมาก็ดีแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีอะไรมาทำร้ายเจ้าได้อีก”
“พ่อเห็นด้วยกับลุงของเจ้า อย่าให้แม่ของเจ้ารู้เลย นางจะไม่สบายใจและเสียใจ แล้วเรื่องที่เจ้าเข้าป่าด้านซ้ายมาเจ้าจะว่ายังไง”
“ท่านพ่อ ความจริงแล้วในป่านั้นมีของมีค่ามากมาย อีกทั้งสัตว์ป่าก็มากมายด้วย ในเมื่อชาวบ้านกลัวไม่กล้าเข้าไป ข้าเองก็มีพละกำลังมาก ข้าไม่กลัวป่าเจ้าค่ะ แต่ข้ากลัวอดตาย ข้ายังอยากหาเงินให้มาก จะได้มีเงินสร้างบ้านใหม่ซื้อที่ดินเพิ่มเยอะ ๆ ต่อไปข้าจะปลูกผักผลไม้ขายด้วยเจ้าค่ะ”
“หากลูกคิดว่าดูแลตัวเองได้พ่อก็จะไม่ห้าม แต่เข้าอย่าเข้าไปในป่าลึกให้มาก หรือจะเอาเช่นนี้ ให้ลุงของเจ้าไปส่งปลาในเมืองแล้วพ่อเข้าป่าไปกับเจ้าดีหรือไม่”
"ไม่ดีเจ้าค่ะ ท่านพ่อก็น่าจะรู้ยามเกิดศึกสงคราม ชาวบ้านอดอยากย่อมต้องมีคนผันตัวมาเป็นโจรปล้นชิง ท่านพ่อกับท่านลุงไปด้วยกันดีแล้วเจ้าค่ะหากเกิดอันใดขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันได้
“เอาเช่นนั้นก็ได้ เอาตามที่อาโหยวว่าเถอะ ตอนนี้เรารีบไปกันก่อนเถอะ จะได้รีบไปรีบกลับข้ากลัวว่าจะกลับมาค่ำมืด”
“ขอรับพี่ใหญ่”
คล้อยหลังท่านพ่อละท่านลุงเอากวางเข้าไปขายในเมือง เว่ยจื้อโหยวจึงเตรียมตัวเข้าป่าไปอีกครั้ง และในครั้งนี้นางตั้งใจจะเข้าป่าไปขุดเอาต้นผลไม้ลงมาปลูกในสวนนางไม่แน่ใจว่าผลไม้ที่นี่มีอะไรบ้าง
เว่ยจื้อโหยวตั้งใจว่าจะไปขุดต้นผิงกั่ว ต้นสาลี่ ในป่าทางด้านขวาที่นางพบเมื่อวันก่อน วันหลังนางค่อยเข้าไปหาเพิ่มที่ป่าทางด้านขวา ใช่แล้วองุ่นป่าพวกนั้นนางจะย้ายลงมาปลูกในสวนหลังจากที่นางเก็บองุ่นที่สุกแล้วจนหมด หลังจากนั้นนางจะขุดเอาต้นย้ายลงมาปลูกที่สวนของนาง
ทางด้านเว่ยเจี้ยนป๋อและเหลียนอี้ปิงตอนนี้กำลังเดินทางกลับเข้าเมืองอีกครั้งเพื่อนำกวางตัวใหญ่ไปขายให้กับเหลาอาหารที่พวกเขานำปลามาส่ง
เมื่อมาถึงเหลาอาหาร หลงจู๊ที่ออกมาที่ลานรับซื้อของจากชาวบ้านมองเห็นทั้งสองขับเกวียนเข้ามา หลงจู๊คิดว่าทั้งสองคนเอาปลามาขายอีกรอบจึงได้ยืนรออยู่ไม่ได้กลับเข้าไปในเหลาอาหาร
แต่ในตอนที่เกวียนเคลื่อนที่มาจอดด้านหน้าของเขาสิ่งที่หลงจู๊เห็นมันไม่ใช่ถังใส่ปลาแต่มันเป็นเสื่อไม้ไผ่ที่คลุมกวางเขายาวเอาไว้ไม่มิดต่างหาก
“หลงจู๊พวกเรากลับมาอีกครั้ง ไม่ทราบว่ากวางตัวนี้ท่านจะรับซื้อหรือไม่ขอรับ”
“รับสิรับ ทำไมข้าจะไม่รับเล่า ข้าต้องขอบใจเจ้าสองคนมาก ที่ทำให้เหลาของเรามีปลาสด ๆ ให้ทำอาหารทุกวัน สำหรับกวางตัวนี้ข้าให้ราคาชั่งละ 1 ตำลึงเงิน อย่างที่เจ้ารู้เนื้อกวางราคาแพงมากไม่มีพรานคนไหนหาเนื้อกวางได้มาหลายปีแล้ว ราคานี้ถือว่าเหมาะสมมากพวกเจ้าจะว่าเช่นไร”
“พวกเรายินดีขายขอรับ”
“อืม เช่นนั้นเขากวางข้าจะตัดคืนให้ เจ้านำไปขายที่โรงหมอน่าจะได้ราคาดี ครั้งหน้าหากพวกเจ้ามีของดีอย่าลืมเหลาของข้าก็พอ”
“ขอบคุณหลงจู๊ขอรับ พวกข้าย่อมไม่ลืมท่านแน่นอน”
“เจ้าสองคนรอสักครู่ ข้าจะให้เสี่ยวเอ้อร์นำไปชั่งน้ำหนัก และตัดเขากวางมาคืนให้”
“ขอบพระคุณหลงจู๊มากขอรับ”
