บทที่ 12 เศษเสี้ยวแห่งความทรงจำ
ทำให้ครอบครัวของเด็กหนุ่มต้องจบชีวิตลงเหลือเพียงตัวคนเดียว พอได้ฟังเธอเห็นใจและยินดีที่สามีจะรับมาเลี้ยงในฐานะลูกบุญธรรม
“วันนี้มีกับข้าวอร่อยทั้งนั้นเลย ไม่ต้องเกรงใจนะลูก ไปกินกันเถอะ”
“แม่ไม่รอพี่นนท์เหรอ”เด็กสาวเอ่ยถาม
“นนท์ทำงานน่ะดา อย่าไปกวนเลย เดี๋ยวพี่เค้าหิวคงลงมาเอง”เด็กสาวเบ้ปาก รับรู้นิสัยพี่ชายดี ชอบเก็บตัวแถมยังอารมณ์ไม่ปกติอยู่เรื่อย
อาหารน่าตาน่าทานถูกวางไว้เรียงราย เวธัสมองดูราวกับไม่เชื่อสายตา ปกติบ้านหลังนี้ทานอาหารมากขนาดนี้เลยเหรอ อยู่กันแค่สี่คนเท่านั้นเอง กับข้าวมากกว่าที่แม่ทำให้สามเท่าเลย
“ทานเลยจ้ะ ไม่อิ่มบอกแม่ได้นะ”วิไลวรรรณบอกแล้วยิ้มให้ เธอพยายามทำให้เด็กหนุ่มสบายใจที่สุด
“ขอบคุณมากครับ”
เขาตักอาหารเข้าปากทานอย่างเอร็ดอร่อย ภาพครอบครัวพร้อมหน้าในร้านอาหารวันนั้นผุดขึ้นมา สุดท้ายไม่อาจทนต่อความรู้สึกภายในน้ำตาจึงไหลออกมา เคยไหม... ความรู้สึกนี้ นี่เขากำลังกินข้าวทั้งน้ำตา
วิไลวรรณนิ่งเงียบรวมถึงบุตรสาว สองคนแม่ลูกทำได้แค่เพียงอยู่รวมวงไม่กล้าปลอบใจ เพราะรู้ดีคงไม่ทำให้อะไรดีขึ้นนอกจากตัวเวธัสจะผ่านมันไปด้วยตนเอง
เสียงเพลงสากลขับกล่องแว่วหวานกังวาน แขกระดับเศรษฐีวัยกลางคนต่างหลับตานิ่งฟังด้วยความเคลิบเคลิ้ม กับเสียงอันไพเราะของนักร้อง พิมลตราดาวแห่งไนต์คลับโกลด์สตาร์กำลังวาดลีล่าพลิ้วไหวบนเวที ใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ชุดเกาะอกสีปีกแมลงทับปักเลื่อมเมื่อต้องแสงไฟส่องแสงระยิบระยับ โดดเด่นอยู่บนเวที
ชัยเชษฐ์จ้องมองร่างบอบบางนั้นไม่วางตา เธอเหมือนภาพวาดอันแสนงดงามที่เขาเฝ้าตามหามานานแสนนาน และวันนี้ได้พบมัน นักร้องไนต์คลับเดินลงจากเวที บริกรรีบตรงเข้าหาเพื่อนำข้อเสนอที่แขกต้องการมาบอกทันที
“พี่พิมล พอดีมีแขกอยากให้พี่นั่งดื่มด้วย”
พิมลตราหยุดเท้าปรายตามองแขกผู้นั้นแล้วยิ้มหวาน ก่อนหันมองบริกรในร้านที่คุ้นเคยสนิทสนมกันดี
“ให้เท่าไหร่”
“หมื่นหนึ่งพี่”
“ไม่เอา!”
“ทำไมล่ะพี่ หมื่นหนึ่งเชียวนะ”บริกรยังคงคะยั้นคะยอ
“วันนี้พี่เหนื่อยแล้วเก่ง พี่อยากกลับบ้าน”เธอเครียดหลายเรื่องเป็นห่วงบุตรสาวด้วย ตอนนี้อาการยังไม่ปกติดี เกรงจะอันตรายหากเดินคนเดียว หรือทำอะไรด้วยตัวเอง
“แล้วถ้าผมให้แสนหนึ่งคุณจะอยู่กับผมทั้งคืนไหม”เสียงทุ้มแทรกเข้ามา บริกรชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นใครเลยเดินเลี่ยงออกไป
พิมลตราช้อนสายตามองเขา แววตาช่างเย้ายวนมีอะไรบางอย่างดึงดูด ชายคนนี้อันตรายเธอจำเป็นต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับมือเสีย ก่อนตนเองจะถูกเขาเล่นงาน
“อย่าดีกว่าค่ะ เงินมากขนาดนั้นคุณสามารถซื้อผู้หญิงที่คุณต้องการได้นับสิบเลยนะคะ”
“แต่เผอิญว่าผมพอใจแค่คุณคนเดียว”เขาตอบแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฉันแก่แล้วนะคะ คุณไปหาเด็กๆ ไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“ผมไม่เห็นว่าคุณแก่อย่างที่พูด ถ้าหากคุณแก่จริง ทำไมแขกคนอื่นถึงต้องการคุณเหมือนผมล่ะ”
เธอพูดไม่ออก ดูเหมือนเขาจะช่ำชอง เป็นนักรักตัวยงเลยทีเดียว พิมลตรายิ้มยั่วแล้วปรายตามอง
“แน่ใจเหรอคะว่าคุณจะยอมเสียเงินที่ว่า”
“แน่ใจสิครับ ผมชัยเชษฐ์พูดคำไหนคำนั้น”พิมลตราเม้มริมฝีปากชั่งใจ
เขาคือชัยเชษฐ์เจ้าของห้างดัง เธอเคยเห็นหน้าในงานศพของคุณวิรุตม์สองสามครั้งแต่ไม่เคยทักทายกัน ได้ข่าวว่าเวย์เองไปอยู่กับเขาในฐานะลูกบุญธรรม หากทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เธอหวัง บางทีอาจได้เลิกทำงานแบบนี้ก็เป็นได้
“ก็ได้ค่ะ ราคาตามที่คุณบอกนะคะ”
“ตกลงครับ”
สองร่างเดินออกจากไนต์คลับสายตาหลายคู่จ้องมอง ในใจพิมลตรารู้ดีว่าทุกคนมองว่าเธอเป็นคนเช่นไร แต่ทว่าเพื่อลูก เพื่ออนาคต แม้ร่างกายนี้แหลกสลายยอมได้เสมอ หนทางข้างหน้าจะเป็นคนขีดไว้ให้ลูกได้เดิน แม้ถูกตราหน้าอย่างไรไม่แคร์
เปลือกตาค่อยๆ เปิดออกในรุ่งเช้าพิมลตราขยับกายลุกนั่ง ร่างกายเธอปวดเมื่อยไปหมด หนึ่งแสนดูเหมือนชัยเชษฐ์จะเรียกเสียคุ้ม เธอชำเลืองมองใบหน้ายามหลับใหลของอีกฝ่าย มาถึงจุดนี้ได้อย่างไรเมื่อถามตัวเองแล้วยังไม่ได้คำตอบ ร่างบอบบางลุกจากเตียงกว้างหยิบผ้าขนหนูพันกายเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตนเอง ไม่นานนักเธอออกมาในสภาพสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย
ดวงตาสองคู่ผสานกันเห็นชัยเชษฐ์นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว ช้อนสายตามองมาทางเธอ พิมลตรารู้สึกประหม่าเป็นครั้งแรกทำไมต้องเขินด้วยไม่เข้าใจตนเอง ทั้งที่เมื่อคืนผ่านบทรักอันเร่าร้อนมาด้วยกันจนเกือบเช้า
“คุณจะกลับแล้วเหรอ”เขาถามเสียงแผ่ว
“ใช่ค่ะ อย่าลืมจ่ายเงินตามที่ตกลงกันนะคะ”
“ถ้าผมจะให้คุณมากกว่านั้น คุณจะว่ายังไง”
คนฟังชะงัก ดวงตาเบิกกว้างราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาใกล้โอบกอดเธอจากด้านหลัง
“คุณหมายความว่ายังไงคะ”พิมลตราถามเสียงสั่น
“ผมอยากให้คุณเป็นของผมคนเดียว ผมจะซื้อบ้าน ซื้อรถ ให้ทุกอย่างที่คุณต้องการ คุณไม่ต้องทำงานที่ไนท์คลับแล้วผมจะเลี้ยงดูคุณเอง”
ในอกพิมลตราเต้นรัว ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะรวดเร็วขนาดนี้ ใช่... เธอหวังให้เป็นแบบนี้ เพราะไม่ต้องการเปลืองตัว ลูกถูกตราหน้าจากชาวบ้านทุกวันสงสารลูก เธอหันมาเผชิญหน้ากับเขา
“คุณพูดจริงเหรอคะ?”
“จริง ผมพูดจริง” เขายิ้ม “ผมเคยเจอคุณสามครั้งแล้วนะ หรือคุณจำไม่ได้พิมลตรา”
เธอนิ่งงัน เขาจำได้ด้วยหรือ “คุณจำได้เหรอคะ”
“จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ ถ้าผมไม่เคยเจอคุณมาก่อน คิดเหรอว่าผมจะยอมดูแลคุณง่ายๆ แบบนี้”
“คุณแน่ใจแล้วนะคะ ที่จะดูแลพิมลนะคะ”
“ผมแน่ใจ คนอย่างผมถ้าไม่เอาจริงไม่พูดหรอก”
เธอซบหน้ากับแผงอกแล้วสะอื้น ลูกเธอคงไม่ต้องทนทุกข์อีกแล้ว
