บทที่ 5 ที่มาของพลัง
พลอยภัทราเงียบกริบ เพราะเธอไม่รู้จะตอบอะไร ในอกมันอึดอัดสายตายามมองมาทำให้เธอรู้สึกละอายแก่ใจ
“ไปให้พ้นเลยเต็มเดือน เรื่องของพ่อแม่ เราเป็นเด็กไม่ควรไปยุ่งด้วย!”
“แต่ฉันต้องยุ่ง ทำไมแม่แกต้องมายุ่งกับพ่อฉันด้วย ถ้าแม่แกไม่มายุ่งกับพ่อฉัน แม่ฉันคงไม่ต้องร้องไห้!”
“ฉันขอโทษ”พลอยภัทราบอกเสียงแผ่ว
“ขอโทษแค่นี้คิดว่ามันพอหรือไง ให้แม่แกเลิกยุ่งกับพ่อฉันสิ”
ริมฝีปากบางเม้มแน่นเธอควรทำอย่างไร ไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับแม่เลย เธอเป็นลูกไม่เคยคิดก้าวก่ายหน้าที่การงานของแม่
“ฉันทำไม่ได้”
“แกว่ายังไงนะ ทำไม่ได้งั้นเหรอ!”แววตาเต็มเดือนกร้าวแข็ง
“ใช่ ฉันทำไม่ได้”
ฝ่ามือง้างขึ้นคิดตบ มิรินจะเข้าห้ามแต่ถูกพรรคพวกเต็มเดือนจับไว้อีกครั้ง พลอยภัทรากัดฟันลุกยืนคว้าข้อมือเพื่อนร่วมห้องด้วยมือซ้าย ใช่... ภาพเหล่านั้นวนมาหาอีกแล้ว และคราวนี้มันรุนแรง เธอจำต้องอดทนแม้ร่างกายจะสั่นเทา บิดข้อมืออีกฝ่ายแล้วผลักจนผงะถอยหลัง
“อย่ามายุ่งกับฉัน!”เธอประกาศกร้าว แววตาเอาจริงจนเต็มเดือนพูดไม่ออก
“นี่แกกล้าสู้ฉันเหรอ!”
“ทำไมไม่กล้า มีมือมีเท้าเหมือนกัน เรื่องพ่อแม่ฉันไม่รู้หรอก ฉันมาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือเท่านั้น!”
ร่างเล็กนั่งลงประจำที่ในตอนนี้เธอไม่อยากสนใจสิ่งใด ในหัวมีเรื่องมากมายจนเกินพอแล้ว และอีกอย่างต้องหาทางจัดการกับมือซ้ายข้างนี้ ก่อนที่เธอจะเห็นอะไรไปมากกว่านี้ เต็มเดือนสะบัดใบหน้ากลับที่ตนเองเช่นกัน
มิรินนั่งลงข้างเพื่อนจ้องมองใบหน้าเอาจริงของพลอยภัทราแล้วยิ้มกว้าง ไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้มาก่อน ถ้าหากพลอยดูแลตนเองได้แบบนี้เธอก็ดีใจ
“พลอยเจ๋งไปเลย”
“เจ๋งอะไรเหรอ”เธอย้อนถาม
“เจ๋งที่กล้าสู้กับยัยเต็มเดือนนั่นไง”
“พลอยแค่ป้องกันตัวเองไม่ให้โดนทำร้ายอีกน่ะ จะให้รินปกป้องไปตลอดคงไม่ได้หรอก”พลอยภัทราอธิบาย
มือเพื่อนตบไหล่บางแล้วยิ้มให้กัน หวังว่ามิตรภาพเหล่านี้จะคงอยู่อีกนาน
“พลอยเย็นนี้พี่เวย์ชวนไปเที่ยวตลาดนัดแหนะ”
“แต่พลอยอยากกลับไปดูแม่น่ะริน”
“แม่โทรมาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอาพิมลไม่เป็นไร”มิรินบอก
“อืม”
“ไปเถอะนะ”
เห็นเพื่อนขอร้องแกมบังคับ มีหรือเธอจะปฏิเสธได้
“ก็ได้จ้ะ”
เลิกเรียนสามคนเลยพากันเดินเที่ยวตลาดนัด พลอยภัทราหยุดเท้าที่ร้านขาวถุงมือ มันเป็นสีเนื้อหากไม่สังเกตคงคิดว่าเป็นมือจริงๆ อยากรู้ถ้าหากใส่ไว้ที่มือซ้ายจะยังเห็นภาพเหล่านั้นอีกหรือเปล่า เธอตัดสินใจซื้อมัน
“ซื้อถุงมือทำไมเหรอพลอย”มิรินถามด้วยความอยากรู้
“อ๋อ พอดีพลอยอยากเอาไว้ใส่น่ะ มือมันชอบเย็น”
เวธัสจ้องมองอีกคนด้วยความแปลกใจ เห็นเพื่อนน้องสาวกำลังสวมถุงมือข้างซ้ายเพียงข้างเดียว คิ้วเข้มของเด็กหนุ่มขมวดขึ้น
“ใส่ข้างเดียวเหรอพลอย”เวธัสถาม
“มือซ้ายพลอยชอบเย็นน่ะค่ะ”
พลอยภัทรามองเพื่อนก่อนค่อยๆ เอื้อมมาจับไว้แน่น มิรินมองหน้าด้วยความแปลกใจก่อนยิ้มกว้าง เธอไม่เห็นอะไรอีกแล้วเด็กสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากนี้เธอคงต้องสวมมันไว้ตลอด
สามคนลงจากรถประจำทางเดินจากซอยเข้าสู่ตัวบ้าน เวธัสหยุดยืนหน้ารั้วมองเข้าในตัวบ้านด้วยความสงสัย เมื่อเห็นรถไม่คุ้นเคยกำลังจอดอยู่ มีชายสองสามคนยืนคุ้มกันด้านหน้า เด็กหนุ่มรู้สึกงุนงงใครกันมามากมาย
“พี่เวย์ นั่นใครเหรอ”มิรินเอ่ยถาม
“พี่ไม่รู้เหมือนกันเพื่อนพ่อหรือเปล่า”
พลอยภัทราชะเง้อมอง รู้สึกในอกมันสั่นไหวชอบกล
“พลอยกลับก่อนนะ”เธอบอกแล้วเดินแยกออกมา วันนี้คงเข้าบ้านนั้นไม่ได้
พี่น้องเปิดรั้วเข้าสู่ตัวบ้านเห็นชายฉกรรจ์หันมามองครู่หนึ่ง เวธัสไม่สนใจจับมือน้องไว้มั่นแล้วเดินเข้าด้านใน เห็นพ่อและแม่กำลังนั่งรวมกับแขกในห้อง จารุนีลุกยืนทันทีที่เห็นลูก
“กลับมาแล้วเหรอลูก”
สองคนยกมือไหว้บิดามารดามองเลยไปยังชายรูปร่างสันทัด ผิวเนื้อดำแดง ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม กำลังหันมาแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“นั่นลูกชายเหรอรุตม์”
“ใช่ครับ”
“โตไวนี่ เมื่อก่อนยังเห็นตัวเล็กนิดเดียว”
“ก็พี่เทพไม่ได้มาเยี่ยมผมหลายปีแล้ว”วิรุตม์บอกแล้วยิ้มกว้าง
จารุนีจูงบุตรชายและบุตรสาวเข้าไปด้านหลังครัว ก่อนตักอาหารใส่ถ้วยให้พร้อมข้าว
“ใครเหรอครับแม่”เวธัสถามแววตาสงสัย
“เพื่อนพ่อน่ะลูก”
“เวย์จำไม่เห็นได้เลย”
“ตอนนั้นลูกยังเล็กอยู่จำไม่ได้หรอก”คนเป็นแม่ตอบ แล้วยกกับข้าวอีกจานมาเสริฟ์ “กินข้าวซะ แม่จะไปคุยธุระต่อ”
“ครับแม่” “ค่ะแม่”
