บทที่ 6 บทที่ 5 อย่าคิดไปไกลเกินเอื้อม

ชานนท์เดินไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนแล้วก็พนักงานในอู่ซึ่งตอนนี้กำลังจ้องมองมาทางเขาเป็นตาเดียว ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเล็กน้อยกว่าจะเอ่ยออกมา

"ทำไมมองแบบนั้นล่ะ"

"สรุปสาวน้อยคนนั้นเป็นใคร ทำไมดูสนิทสนมกับมึง"

"นั่นหนูรดาลูกสาวเจ้าของตลาดนี่ แกไปรู้จักกับหนูรดาตอนไหน ปกติไม่เคยเจอกันเลยไม่ใช่เหรอ"

ลุงเกิดเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย ปกติเวลาหนูรดามาเก็บค่าเช่าแทนคุณนายทีไรก็ไม่เคยเห็นเจอกับชานนท์เลย แถมยังไม่ได้เรียนที่เดียวกันด้วยก็เลยคิดว่าไม่น่าจะมีโอกาสได้เจอกัน

"ลูกสาวเจ้าของตลาดเหรอ ใช่อีเจ๊ที่ปากดีด่าพวกเราว่ามั่วสุมเล่นยากันป่ะ"

"เออ ยัยป้านั่นแหละปากดีฉิบหาย"

"โห! แล้วลูกสาวทั้งสวยแล้วก็พูดเพราะ สภาพ! มีแม่ปากตลาดฉิบ"

"ถ้ามึงจะไปเป็นลูกเขยเขาคงจะต้องคิดหนักหน่อยนะ แม่เมียปากหมาขนาดนั้น"

"จริงว่ะ ฮ่า ๆ"

มินทร์ พัฒน์ พีร และธีระหัวเราะออกมาด้วยความขำขัน เชื่อไหมว่าแก๊งของพวกเขาไม่มีใครถูกชะตากับเจ๊เจ้าของตลาดเลยแม้แต่คนเดียว เจอหน้ากันทีไรจะต้องแขวะพวกเขาไม่เรื่องใดก็ต้องเรื่องหนึ่ง แล้วดูเอาเถอะมีลูกสาวสวยน่ารักขนาดนั้น ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งไอ้ชานนท์หลงรักสาวน้อยคนนั้นขึ้นมา ไม่อยากจะคิดเลยว่าอุปสรรคจะเยอะมากแค่ไหน

"พวกมึงก็พูดอะไรเนี่ย กูกับน้องเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย"

"แหม่! เมื่อกี้กูเห็นมึงให้เบอร์น้องเขานี่"

"ถ้าไม่ให้ก็ไม่ยอมไปสักทีไง กูก็แค่รำคาญไม่ได้อยากจะโทรไปจริงสักหน่อย"

เพื่อนของเขาทั้งสี่คนรวมถึงพนักงานในอู่และเฮียหนุ่มจ้องมองใบหน้าของชานนท์ด้วยความจับผิด ดูจากอากัปกิริยาแล้วมีความเป็นไปได้สูงที่หนุ่มหล่อหน้านิ่งจะมีความรู้สึกพิเศษ ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมให้เบอร์โทรแล้วรับปากว่าจะโทรหาหรอก

"อะแฮ่ม...! พวกมึงจับผิดอะไรกันเนี่ย จำไม่ได้หรือไงตอนที่พวกมึงโดนไอ้แก๊งคู่อริกระทืบ กูไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งในซอกตึกกำลังถูกผู้ชายลวนลาม ก็เป็นคนเดียวกับที่กูช่วยนั่นแหละ น้องมันก็คงอยากขอบคุณไม่มีอะไรหรอก"

"เออจริงด้วยว่ะกูก็ว่าหน้าคุ้น ใช่น้องคนนั้นจริงด้วย"

มินทร์ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นร้องอ๋อออกมาทันที จำได้ว่าเพื่อนไปช่วยผู้หญิงคนหนึ่งจากนั้นก็ดึงมือพาออกไปจากตรงนั้น ก็ไม่ค่อยได้เห็นใบหน้าชัดสักเท่าไหร่แต่พอนึกดูอีกทีก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่

"มิน่าล่ะถึงทำกับข้าวมาส่งให้มึง คงอยากขอบคุณล่ะมั้ง"

"มันจะมีอะไรอย่างอื่นได้ยังไงล่ะ มึงช่วยดูสภาพกูด้วยลูกไม่มีพ่อแม่ เป็นเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าใครเขาจะมาสนใจล่ะ กูไม่ได้คิดเรื่องอยากจะมีแฟนหรืออะไรหรอก ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดในแต่ละวันก่อนจะดีกว่า"

เขาเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว หัวใจกระตุกหล่นวูบอย่างประหลาดเพียงแค่นึกขึ้นได้ว่าเขากับรดาไม่ได้มีความเหมาะสมอะไรกันเลยแม้สักทางเดียว อีกอย่างคุณแม่ของเธอเกลียดเขาอย่างกับอะไร เจอหน้ากันทีไรก็จะต้องถูกแขวะว่าเป็นเด็กเกเรพ่อแม่ไม่สั่งสอน เอาแต่ต่อยตีกันจับกลุ่มมั่วสุม ภาพลักษณ์ที่เขามีในตอนนี้ไม่ได้ดูดีเลยแม้แต่น้อย

"ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ แกน่ะมีพรสวรรค์นะเรียนก็เก่ง ถ้าตั้งใจเรียนให้จบแล้วเข้าไปทำงานที่บริษัทดังรับรองเลยว่าจะต้องกลายเป็นผู้จัดการใหญ่แน่นอน"

"ใช่ฉันก็คิดแบบนั้น แกจะต้องตั้งใจเรียนเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุดเลยนะ พวกลุงใครเป็นกำลังใจให้"

เขาหันไปมองสบตากับบรรดาพวกลุงก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย ก็ยังดีที่ยังมีคนเชื่อมั่นว่าเขาสามารถทำให้ตัวเองขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดได้ แม้กระทั่งอาจารย์ที่อยู่ในวิทยาลัยก็คิดแบบนั้น แต่ปัญหาของเขาไม่ได้อยู่ที่การเรียนหรือความสามารถที่ด้อยกว่าใคร ปัญหาหลักมันอยู่ที่ทุนทรัพย์ในการเรียนมากกว่า

"พวกลุงมาพูดอะไรกันเนี่ย ฉันไม่ได้คิดอะไรกับยัยเด็กนั่นสักหน่อย"

เขาเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะหยิบปิ่นโตที่เธอเอามาให้วางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เปิดปิ่นโตออกซึ่งมีกับข้าวอยู่ในนั้นประมาณสี่อย่าง เขาใช้ช้อนลองตักชิมก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย รสชาติถูกปากมากไม่คิดเลยว่าเธอจะทำอาหารอร่อยขนาดนี้

เขาตักเมนูอย่างอื่นลองชิมดูซึ่งก็เป็นรสชาติที่โปรดปรานเช่นกัน ไม่คิดว่าเด็กอายุเพียงแค่นั้นจะมีความสามารถในการทำครัวไม่น้อยไปกว่าผู้ใหญ่

"แหม่! ไม่มีใครอยู่ตรงนี้เลยมั้ง"

"นั่นสิไม่คิดจะแบ่งคนอื่นกินเลยมั้ง"

"ไม่ให้กินโว้ย"

เขาเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะใช้ช้อนตักกินด้วยความรวดเร็ว เฮียหนุ่มเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู ตั้งแต่เลี้ยงดูชานนท์มาไม่ค่อยเห็นเขายิ้มแบบนี้เลยสักครั้ง หรือว่าไอ้เด็กคนนี้จะชอบแม่หนูรดาเข้าแล้ว

"คุยกันเป็นพี่น้องได้นะแต่ถ้าคิดเกินเลยกว่านั้นฉันไม่อยากแนะนำเลย แกก็รู้ว่าคุณนายผึ้งหวงลูกสาวอย่างกับอะไร อยากจะให้ลูกแต่งงานกับคนรวยเป็นเศรษฐี ถ้าเกิดว่าแกไปข้องเกี่ยวกับลูกสาวเขารับรองว่าได้มาด่าถึงที่แน่"

ชานนท์ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะนิ่งเงียบไปไม่พูดอะไร เขารู้ตัวเองดีว่าไม่คู่ควรกับรดาหรือแม้กระทั่งกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น เขาควรที่จะอยู่คนเดียวมากกว่าจะได้ไม่ต้องให้ใครมาลำบากด้วย

"ผมรู้น่าเฮียไม่ต้องบอกหรอก หลังจากนี้เด็กคนนั้นคงไม่มาที่นี่แล้วล่ะ"

"ทำไมน้ำเสียงมึงดูเหมือนคนอกหักเลยวะ"

"อย่าบอกนะว่ามึงรู้สึกกับน้องไปแล้ว"

"อะแฮ่ม! รู้สึกบ้าอะไรล่ะ ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้นแหละ ว่าแต่มาฉลองความสำเร็จให้ไม่ใช่หรือไง จะมาชวนคุยเรื่องไร้สาระทำไมเนี่ย มาดิชนแก้วกัน"

เขายกแก้วเหล้าที่เพื่อนชงให้ขึ้นมาก่อนจะชวนคนที่อยู่ในโต๊ะเปลี่ยนเรื่องคุย เรื่องของรดาเขารู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ อีกอย่างผู้หญิงที่เพียบพร้อมไปด้วยหน้าตาการศึกษาแล้วก็ฐานะ คงไม่หันมามองคนไร้ค่าอย่างเขาหรอก

"ถ้าอย่างนั้นก็มาฉลองความสำเร็จให้กับชานนท์กันหน่อย ยินดีด้วยนะเว้ยเพื่อนที่แกได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดในครั้งนี้ รับรองว่าในงานรับรางวัลมีบริษัทมาติดต่อแกเยอะแยะแน่นอน"

"มันก็แน่นอนอยู่แล้วเว้ย ก็เพราะว่ากูมันเก่งไง"

"จ้า! มึงมันดีเลิศที่สุดอยู่แล้ว"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป