บทที่สาม
“เธอตั้งครรภ์ได้สองสามสัปดาห์แล้วครับ อัลฟ่า” นายแพทย์ผมเทาผู้มีหนวดเครากล่าวขึ้น เขาโค้งคำนับอย่างหวาดกลัวพลางถอยห่างจากฉัน
ความรู้สึกเย็นเยียบแล่นปราดไปทั่วสรรพางค์กายเมื่อได้ยินข่าวนั้น มือของฉันร่วงลงไปแตะหน้าท้องอย่างสั่นเทา และภาพของเด็กที่กำลังเติบโตอยู่ข้างในนั้นทำให้หัวใจของฉันกระตุกวูบด้วยความหวาดหวั่น
เพราะนี่ไม่ใช่แค่เด็กคนไหนก็ได้ แต่เป็นลูกของชายผู้ทำลายชีวิตบัดซบของฉัน ฉันอุ้มท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาได้อย่างไรกัน นี่คือบทสรุปอันน่าปวดใจที่สุดของเรื่องราวอันโหดร้ายระหว่างเรา มันเหมือนการตบหน้าฉันฉาดใหญ่ ที่ช่วยให้เขาสืบต่อสายเลือดของตัวเอง ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนจบสิ้นสายเลือดของฉันด้วยการฆ่าเมทของฉัน
ไม่มีอะไรในเรื่องนี้น่าปลอบประโลมหรือน่าตื่นเต้นเลย บางทีเมื่อหลายปีก่อน ฉันอาจเคยวาดภาพว่าตัวเองจะตื่นเต้นดีใจแค่ไหนเมื่อได้ตั้งท้องลูกคนแรก แต่ในตอนนี้ ฉันไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย
“ทิ้งเราไว้ตามลำพัง” ดิเอโก้เอ่ยคำนั้น และในไม่กี่วินาทีต่อมา นายแพทย์ก็รีบเผ่นแน่บออกไปแล้ว
“ฉันจะไม่เก็บเด็กคนนี้ไว้” ฉันคำราม จ้องเขาเขม็งราวกับจะฆ่าให้ตาย แต่ภาพใบหน้าที่หล่อเหลาคมคายทว่าน่าสะพรึงกลัวของเขากลับพร่าเลือนไปด้วยน้ำตาร้อนๆ
“เธอไม่มีทางเลือก โซเฟีย เธอต้องเก็บเด็กไว้”
“ไม่!”
“เธอต้องเก็บ!” เขาตวาดลั่นพลางกระทืบเท้า “รู้ไหมทำไม เพราะเด็กคนนั้นจะเป็นทายาทของฉัน และเธอคงไม่อยากมีปัญหากับเรื่องนี้หรอก!”
“ก็ไปมีทายาทกับคนอื่นสิ!” ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกรีดร้อง แตเรื่องทั้งหมดนี้กำลังจะทำให้ฉันเป็นบ้า “แค่เห็นหน้าคุณฉันก็แทบทนไม่ไหวแล้ว คุณคิดว่าฉันจะรู้สึกดีกับเด็กคนนี้ได้ยังไง”
ใบหน้าของเขาบูดบึ้งและดวงตาหรี่ลง เขามองไปที่ประตูห้องของฉันแล้วกลับมามองฉัน ฉันรู้ตัวช้าไปหน่อยว่าเขาแค่พยายามควบคุมโทสะที่กำลังพลุ่งพล่าน
สงสัยคำพูดของฉันคงไปสะกิดต่อมเขาเข้า หรือไม่ก็เป็นเพราะสันดานดิบของเขาเองที่มีปัญหาเรื่องควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้
“ทนเห็นหน้าฉันไม่ได้งั้นเหรอ” เขาถามย้ำ น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำน่าขนลุกขณะก้าวเข้ามาทีละก้าวสู่ขอบเตียงที่ฉันนั่งอยู่
ฉันเอนตัวไปข้างหลัง สูดหายใจเข้าลึกๆ และกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ฉันเกลียดการที่เขาเข้ามาใกล้ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เพราะฉันรู้สึกว่าเขาน่ารังเกียจ แต่เพราะหัวใจของฉันดูเหมือนจะสั่นไหวเมื่อเราอยู่ใกล้กัน ร่างกายของฉันมักจะโหยหาสิ่งวิปริตที่เขาทำกับฉันนับตั้งแต่ที่เขากักขังฉันไว้ที่นี่ ในนรกของเขา
“ทำไมล่ะ เพราะฉันน่ารังเกียจจริงๆ หรือ…” เสียงของเขาเบาลงหนึ่งอ็อกเทฟขณะที่นิ้วของเขาลากไล้ไปตามต้นขาของฉัน วาดวงกลมในจินตนาการบนนั้น “...หรือเธอแค่กำลังหลอกตัวเองกันแน่”
ลมหายใจของฉันหอบกระชั้น ฉันผลักมือเขาออก แต่เขากลับคว้าใบหน้าของฉันแทนแล้วกระชากเข้ามาใกล้
“เธอต้องอยู่ที่นี่ โซเฟีย อย่าเสือกต่อต้าน เธอจะอยู่ที่นี่และมีลูกให้ฉัน เพราะฉะนั้นทำตัวให้ชินกับการมีฉันอยู่ซะ”
สายตาของเขาจับจ้องอยู่บนริมฝีปากของฉัน และเขาพยายามจะโน้มตัวเข้ามา แต่ฉันบิดหน้าหนีจากอุ้งมือเขาแล้วมองไปทางอื่น แต่นั่นไม่เคยหยุดยั้งเขาจากการจูบฉันอย่างบีบบังคับได้เลย
เขาค้างอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถอยกลับ โชคดีที่เขาเดินเข้าไปใกล้ประตูแล้วออกจากห้องไป
การจากไปของเขาทำให้หัวใจฉันสงบลงอย่างหนักหน่วง เขาบอกให้ฉันทำตัวให้ชินเหรอ ไม่มีวัน ไม่ว่าจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ หรือในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ฉันจะหนีไป ฉันจะออกไปจากที่นี่ให้ได้ ฉันสาบาน
เก้าเดือนต่อมา…
“ยินดีด้วยนะครับคุณผู้หญิง คุณเพิ่งให้กำเนิดฝาแฝด เป็นเด็กชายกับเด็กหญิง…”
นายแพทย์ยิ้มให้ฉันขณะที่ฉันจ้องมองเปลเด็กสองหลังด้วยความอ่อนล้า น้ำตารื้นขึ้นมาในดวงตาเมื่อรู้ว่าฉันไม่มีวันลบล้างการมีอยู่ของพวกเขาได้ แต่หากเลือกได้ ฉันก็คงไม่ต้องการทำเช่นนั้น
ฉันยังไม่ได้อุ้มพวกเขาไว้ในอ้อมแขนด้วยซ้ำ แต่ฉันก็รักพวกเขาแล้ว ฉันไม่ได้คิดจะทำร้ายพวกเขาเลย แต่ที่แน่ๆ คือฉันไม่สามารถพาลูกๆ กลับไปที่คฤหาสน์นรกนั่นกับฉันได้
พวกเขาควรได้รับสิ่งที่ดีกว่าการต้องไปเติบโตในสถานที่ที่เป็นพิษและน่าสะพรึงกลัวอย่างคฤหาสน์หลังนั้น ฉันไม่สนว่าพวกเขาจะเป็นลูกของเขา แต่พวกเขาก็เป็นลูกของฉันด้วย และในฐานะแม่ ฉันควรจะพยายามหาชีวิตที่ดีกว่านี้ให้พวกเขา ชีวิตที่ดีกว่าที่ฉันมี และมันไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์หลังนั้น
“คุณผู้หญิงควรพักผ่อนนะครับ อัลฟ่ากำลังเดินทางมา...”
“ได้โปรดเถอะค่ะ ได้โปรด อย่าบอกอะไรเขานะคะ” ฉันอ้อนวอนทั้งน้ำตาพลางกุมมือหมอไว้ “อย่าบอกว่าฉันคลอดแล้ว อย่าบอกเรื่องลูกๆ...”
“ผมขอโทษครับ คุณผู้หญิง แต่ผมบอกไปแล้ว” หมอตอบพลางดึงมือฉันออกจากตัวเขาอย่างรวดเร็ว เขามีรอยยิ้มจืดชืดแต่ก็ดูเหมือนรู้สึกผิดอย่างจริงใจบนใบหน้า มันทำให้ฉันไม่สามารถเกรี้ยวกราดใส่เขาได้ที่ทำตัวเป็นคนปากสว่าง คือ...เขากลัวดิเอโก้มาก และคงไม่อยากทำอะไรให้ตัวเองต้องไปขัดใจดิเอโก้ ฉันเข้าใจเรื่องนั้นดี
แต่แล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ น้ำตาไหลรินขณะที่ฉันจ้องมองลูกๆ อีกครั้ง ฉันจะช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากพ่อผู้เป็นปีศาจของพวกเขาได้อย่างไร
“ผมขอโทษจริงๆ ครับ คุณผู้หญิง” หมอโค้งคำนับแล้วเดินนับก้าวออกจากห้องไป
ฉันหันหน้าไปด้านข้างขณะคร่ำครวญถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่กำลังจะมาถึง ความเจ็บปวดที่ฉันอาจจะไม่มีวันหนีพ้น...
“คุณอยากจะหนีไปจากเขาจริงๆ หรือ” เสียงทุ้มลึกที่ไม่น่าไว้วางใจเสียงหนึ่งทำให้ฉันสะดุ้ง ฉันหันไปและเห็นหมออีกคนหนึ่ง คือ...เขาดูเหมือนหมอ (สวมเสื้อกาวน์สีขาวครบชุด) แต่ยังหนุ่มแน่น หล่อเหลาและมีประกายอบอุ่นในดวงตา ช่างตรงกันข้ามกับความเย็นชาในดวงตาของดิเอโก้เสียนี่กระไร
ฉันสูดหายใจเฮือก ยังคงจ้องมองเขา “เมื่อกี้...เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ”
“คุณอยากจะหนีไปจากเขาจริงๆ หรือ” เขาทวนคำถามเดิม พิสูจน์ว่าฉันไม่ได้หูแว่วไปเอง
“จาก...ใครคะ” ฉันถามเสียงสั่น
“อัลฟ่าดิเอโก้” เขาตอบพลางยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ความเงียบของฉันยาวนานออกไป และเขาคงจะตีความว่ามันคือคำว่า ‘ใช่’ เพราะในวินาทีต่อมา เขาก็ยิ้มและใช้นิ้วเกลี่ยหน้าผากของฉันเบาๆ
“ผมช่วยคุณหนีออกจากโรงพยาบาลนี้ได้ ผมพาคุณไปไกลจากเขาได้ ผมทำได้ถ้าคุณยอมให้ผมทำ”
คำพูดของเขาดีเกินกว่าจะเป็นจริง เขาเป็นใคร เขารู้ได้อย่างไรว่าฉันอยากหนี และทำไมเขาถึงดูกระตือรือร้นที่จะช่วยฉันนัก ทำไมเขาถึงดูไม่หวาดกลัวดิเอโก้เหมือนคนอื่นๆ ที่ฉันเคยเจอ
“คุณเป็นใคร” ฉันถาม เกลียดตัวเองที่เริ่มคิดจะรับข้อเสนอของเขาเร็วขนาดนี้ ฉันคงจะสิ้นหวังมากจริงๆ
“คุณจะอยู่ตรงนี้ซักถามผมต่อก็ได้ หรือจะไปกับผมตอนนี้เลย แล้วผมจะตอบคำถามของคุณระหว่างทาง เลือกมาและต้องเร็วหน่อย อัลฟ่าดิเอโก้กับคนของเขาจะมาถึงในไม่ช้า”
คำพูดเหล่านั้นทำให้ฉันลนลาน และในนาทีต่อมา ฉันก็ลุกขึ้นคว้าลูกสาวของฉัน เขาก็คว้าลูกชาย แล้วเราก็ย่องออกจากห้องไป ดูเหมือนเขาจะรู้จักโรงพยาบาลนี้เป็นอย่างดี เพราะเขาพาฉันลัดเลาะไปตามเส้นทางเปลี่ยว ผ่านประตูหลัง และขึ้นลิฟต์ จากนั้นเราก็ออกมานอกอาคารและรีบวิ่งขึ้นรถของเขา
ฉันหันกลับไปและเห็นขบวนรถของดิเอโก้กำลังเข้ามาในบริเวณโรงพยาบาล แต่รถของเราก็ขับออกไปด้วยความเร็ว
ฉันถอนหายใจยาวทันทีที่เราผ่านพ้นเขตแดน ออกจากฝูงของดิเอโก้ ฉันหวังว่าจะไม่ต้องเจอเขาอีกเลย
