บทที่ 1 วันที่มืดมนที่สุดในชีวิต
มุมมองของซาร่าห์ เดวิส
วันนี้มันวันซวยอะไรขนาดนี้!
นี่มันวันศุกร์ 13 ในชีวิตของฉันชัดๆ! เป็นวันที่มืดมนที่สุด!
ฉัน ซาร่าห์ เดวิส ไม่เพียงแต่ถูกแม่ไล่ออกจากบ้าน แต่ยังสูญเสียโอกาสที่จะได้อยู่ต่อที่ศูนย์โรคหัวใจนิวยอร์กซิตี้อีกด้วย ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้าสู่โรงเรียนแพทย์ การได้เป็นศัลยแพทย์หัวใจที่นี่คือความฝันของฉันมาตลอด
แต่ทุกอย่างมันพังทลายลงแล้ว
ฉันเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ได้รับโทรศัพท์จากจูเลีย เดวิส ผู้เป็นแม่
“แม่จะแต่งงานแล้วนะ!”
สมองของฉันว่างเปล่าไปชั่วขณะ ตั้งแต่พ่อเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมองเมื่อห้าปีก่อน จูเลียก็ไม่เคยหยุดเดทเลย ไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่ แต่สิ่งเดียวที่พวกเขามีเหมือนกันคือความรวย
สำหรับจูเลียแล้ว ดูเหมือนว่าการตายของสามีไม่ใช่โศกนาฏกรรมในชีวิต แต่เป็นหน้าต่างบานใหม่ที่พระเจ้าเปิดให้เธอต่างหาก
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องแต่งงาน นี่เป็นครั้งแรก
“แม่คะ ยินดีด้วยนะคะที่ได้เจอผู้ชายที่แม่อยากแต่งงานด้วย เขาต้องเป็นคนพิเศษมากแน่ๆ”
จูเลียไม่ได้สนใจคำประชดประชันในน้ำเสียงของฉัน “ส่วนอพาร์ตเมนต์ที่นิวยอร์กตอนนี้ แม่ยกเลิกสัญญาเช่าไปแล้วนะ พรุ่งนี้แม่จะบินกลับแอลเอไปเตรียมงานแต่ง ส่วนของของลูกน่ะเหรอ ก็มีแต่ของเก่าๆ ทั้งนั้น แม่เอาไปฝากไว้ที่ห้องผู้ดูแลอพาร์ตเมนต์แล้ว ไปเอาเองก็แล้วกัน!”
เดี๋ยวสิ
เรื่องที่แม่จะแต่งงานมันไม่เกี่ยวกับฉันก็จริง แต่อพาร์ตเมนต์!
ไม่นะ!
ปกติแม่ก็ไม่เคยสนใจฉันอยู่แล้ว แต่ถ้ายกเลิกสัญญาเช่าอพาร์ตเมนต์ที่นิวยอร์ก คืนนี้ฉันจะไม่มีที่ซุกหัวนอน
ฉันเลยต้องยกเรื่องน้องสาวของฉันขึ้นมาพูด ซึ่งก็คือลูกสาวแท้ๆ ของจูเลีย เพื่อพยายามรักษที่อยู่เพียงแห่งเดียวของฉันไว้
แน่นอนว่าฉันเป็นลูกบุญธรรม
พ่อแม่บุญธรรมของฉันแต่งงานกันมาหลายปีแต่ไม่มีลูกเสียที พวกเขาเลยรับฉันมาเลี้ยง และหนึ่งปีให้หลัง พวกเขาก็มีลูกแท้ๆ ของตัวเอง นั่นก็คือเอมิลี่
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “แต่ว่าแม่คะ เอมิลี่ยังอยู่ที่นิวยอร์ก...”
จูเลียพูดแทรกขึ้นมา
“เอมิลี่ก็จะกลับแอลเอกับแม่!”
“หา? เธอยอมทิ้งงานที่นิวยอร์กแล้วเหรอคะ?”
น้องสาวของฉัน เอมิลี่ ก็เรียนมหาวิทยาลัยที่นิวยอร์กเหมือนกัน นี่คือเหตุผลที่แม่ย้ายจากบ้านที่แอลเอมานิวยอร์ก เอมิลี่เรียนจบพร้อมกับฉันที่เป็นนักศึกษาปริญญาโทสาขาการแพทย์ ได้ยินมาว่าเธอทำงานที่วาณิชธนกิจแห่งหนึ่ง
“ไม่เกี่ยวกับลูก เอมิลี่เป็นลูกสาวของแม่ เธอเก่งขนาดนั้น ที่แอลเอย่อมมีโอกาสที่ดีกว่ารออยู่แล้ว”
ฉันหัวเราะเยาะในใจ ใครจะไปจำได้ว่าฉันก็เป็นลูกสาวของเธอเหมือนกัน
“ส่วนลูกก็อยู่ที่นิวยอร์กต่อไปนั่นแหละ แม่ไม่อยากเห็นลูกไปอ่อยพ่อเลี้ยงคนใหม่!”
สายถูกตัดไป
ฉันรู้สึกหมดแรงอย่างที่สุด
เรื่องเลวร้ายที่พ่อบุญธรรมที่ตายไปแล้วทำกับฉัน จูเลียรู้อยู่แก่ใจ
ฉันเป็นแพทย์ฝึกหัดที่ศูนย์โรคหัวใจนิวยอร์กซิตี้มาเกือบปีแล้ว ขาดอีกแค่เดือนเดียวก็จะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ
พูดตามตรง ฉันยอมอยู่ที่นิวยอร์กคนเดียวเสียยังดีกว่า
หลังจากผ่าตัดช่วงเช้าเสร็จ ฉันก็หาจังหวะดึงลิลลี่ซึ่งเป็นผู้ช่วยผ่าตัดเหมือนกันไว้ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ที่รัก คืนนี้ขอนอนด้วยคนได้ไหม?”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ลิลลี่หัวเราะ เห็นได้ชัดว่าเธอรู้เรื่องสถานการณ์ครอบครัวของฉันดี “แม่คนสวยของเธอรับแฟนหนุ่มคนใหม่มาอยู่ด้วยอีกแล้วเหรอ?”
ลิลลี่กับฉันเข้าแผนกมาพร้อมกัน เราทั้งคู่ยังเป็นแค่แพทย์ฝึกหัด
เธอเช่าอพาร์ตเมนต์เล็กๆ อยู่ใกล้โรงพยาบาล ส่วนฉันผู้น่าสงสาร พอจ่ายหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาหมดในแต่ละเดือน ก็เหลือแค่เงินกินข้าวเท่านั้น ดังนั้นถึงแม้จูเลียจะโยนงานบ้านจิปาถะทุกอย่างมาให้ฉัน ฉันก็ทำได้แค่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่แม่เช่า และทนฟังคำพูดแดกดันของเธอ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ที่เธอเช่าอพาร์ตเมนต์นี้ก็เพื่อมาหาเอมิลี่บ่อยๆ ไม่ใช่เพื่อมาเจอฉัน
บางครั้งแม่ก็จะพาแฟนใหม่กลับมาด้วย ทุกครั้งฉันจะรู้ตัวดีแล้วก็ออกมานอนบ้านลิลลี่ หรือไม่ก็ที่ห้องพักเวร
ฉันถอนหายใจ “แม่ยกเลิกสัญญาเช่าอพาร์ตเมนต์แล้ว! วันนี้แม่โทรมาบอกว่าจะแต่งงาน”
ลิลลี่ทำหน้าลำบากใจ “แต่ว่าที่รัก คืนนี้แฟนใหม่ฉันจะมาค้างด้วยน่ะสิ เธอก็รู้นี่ คืนแห่งความเร่าร้อนน่ะ ถ้าเธอไม่ว่าอะไรก็นอนที่โซฟาห้องนั่งเล่นได้นะ”
ฉันนึกถึงสภาพอันน่าสังเวชของการไปขอนอนค้างครั้งล่าสุดได้ทันที ลิลลี่กับผู้ชายที่สูงจนหัวแทบจะชนเพดานกำลังจูบกันอย่างดูดดื่มพลางลูบไล้กันและกัน เสื้อผ้าของพวกเขากระจายเกลื่อนตั้งแต่ห้องนั่งเล่นไปจนถึงห้องนอน
คืนนั้นมัน 'เร่าร้อน' มากจริงๆ
ฉันนอนฟังอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นทั้งคืน วันรุ่งขึ้นไปทำงานตาเป็นหมีแพนด้าเลย
ฉันเลยได้แต่หัวเราะแห้งๆ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปหาคนแลกเวร คืนนี้อยู่เวรก็ได้”
เราคุยกันไปพลางเดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไปพลาง โดยไม่มีใครสังเกตเห็นหัวหน้าแผนก เดวิด มิลเลอร์ ที่เดินผ่านไปข้างหลัง
ในที่สุดก็เลิกงาน ฉันเดินเข้าห้องพักเวรอย่างหดหู่ คืนนี้คงต้องทนอยู่ที่นี่ไปก่อน
แล้วพรุ่งนี้ล่ะ? อนาคตล่ะ?
ฉันรู้สึกกังวลกับอนาคตของตัวเองอย่างสุดซึ้ง
ฉันถอดเสื้อกาวน์ออก กำลังจะสวมเสื้อยืด แต่ทันใดนั้นประตูก็เปิดผางออก
“เฮ้! เดี๋ยวค่ะ!” ฉันรีบเอาเสื้อมาปิดหน้าอกที่เหลือเพียงบราโดยสัญชาตญาณ แล้วหันไปมอง
เดวิด มิลเลอร์?!
ในฐานะหัวหน้าแผนก เขาไม่จำเป็นต้องอยู่เวร แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
“ดร.มิลเลอร์คะ ฉันกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ คุณช่วยออกไปก่อนได้ไหมคะ?”
ฉันรู้สึกโกรธเล็กน้อย แต่การกระทำต่อมาของเดวิดทำให้ฉันตกใจแทบสิ้นสติ
เสื้อยืดในมือของฉันถูก ดร.มิลเลอร์โยนทิ้งไปข้างๆ วินาทีต่อมา เขาก็คว้าข้อมือฉันแล้วผลักฉันติดกำแพง ปากกาบนเสื้อกาวน์ของเขาเสียดสีกับหน้าอกของฉันจนฉันต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
พระเจ้า!
เขาบ้าไปแล้วเหรอ?
“ดร.มิลเลอร์คะ ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ” ฉันพยายามทำน้ำเสียงให้สงบที่สุด พลางใช้คางชี้ไปที่แหวนแต่งงานบนนิ้วของเขา “ดร.ลียังอยู่ห้องทำงานข้างนอกนะคะ เธออาจจะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ ในฐานะคนมีครอบครัวแล้ว คุณคงไม่อยากให้ใครๆ รู้ว่าคุณล่วงละเมิดทางเพศแพทย์ฝึกหัดหรอกใช่ไหมคะ?”
เดวิด มิลเลอร์ไม่ได้สนใจคำพูดของฉันเลย เขากลับหัวเราะออกมา เหมือนกำลังเยาะเย้ยว่าการดิ้นรนของฉันมันไร้ความหมาย
“ดร.ลีไปแล้ว ฉันสั่งให้เธอไปดูวิดีโอบันทึกการผ่าตัด”
สายตาหยาบโลนของเขาจ้องมองมาที่ร่องอกของฉัน “แต่เธอก็พูดถูกนะ ที่นี่มันไม่เหมาะจริงๆ ซาร่าห์ ฉันรู้ว่าคืนนี้เธอไม่มีที่ไป ฉันจ่ายค่าโรงแรมให้ได้นะ”
ที่แท้เขาก็แอบฟังบทสนทนาของฉันกับลิลลี่นี่เอง แล้วก็คำนวณไว้แล้วว่าฉันต้องอยู่ในห้องพักเวร!
“หัวหน้าคะ นี่มันคือการล่วงละเมิดทางเพศ! ฉันแจ้งเรื่องนี้กับคณะกรรมการจริยธรรมได้นะคะ!”
เดวิด มิลเลอร์หัวเราะเยาะ
“ฟ้องฉัน? แน่ใจเหรอ? ฉันเป็นหัวหน้าแผนกนะ พวกเขาจะเชื่อเธอหรือเชื่อฉันกันล่ะ? ซาร่าห์ ที่ฉันจะบอกก็คือ... เธอไม่อยากเป็นแพทย์ประจำเหรอ?”
เขาเอียงศีรษะเข้ามาใกล้หูฉัน งับติ่งหูของฉันเบาๆ แล้วใช้ริมฝีปากที่ชื้นแฉะถูไถซ้ำๆ
“จริงๆ แล้วมันง่ายมาก แค่เธอทำให้ไอ้นั่นของฉันมีความสุขสักคืนก็พอ!”
พูดจบ ริมฝีปากของเขาก็กดลงมาบนปากของฉันอย่างแรง พยายามจะจูบ ฉันรู้สึกขยะแขยงจนแทบจะอ้วกออกมา เลยเบือนหน้าหนี แต่ไอ้ผู้ชายสารเลวนั่นกลับก้มลงมาจูบที่หน้าอกของฉันแทน!
บ้าเอ๊ย!
“หยุดนะ!เดวิด!ช่วยด้วย”
ฉันอดไม่ได้ที่จะร้องเสียงดังออกมา พร้อมกับยกเข่าขึ้น หมายจะเตะไปที่ไอ้นั่นของเขา แต่กลับถูกร่างกายใหญ่โตของเขากดทับไว้ทั้งตัว
มือทั้งสองข้างของเขาบีบข้อมือฉันแน่นขึ้น ร่างกายเบียดชิดเข้ามา จนฉันสัมผัสได้ถึงไอ้นั่นของเขาที่อยู่ใต้เสื้อกาวน์กำลังดันฉันอยู่
“ฉันชอบเวลาเธอดิ้นรนนะ เธอนี่มันร้อนแรงจริงๆ ซาร่าห์ ทำเอาฉันหลงใหลเลย”
เพราะแรงเบียด หน้าอกของฉันแทบจะทะลักออกจากบรา เขาโน้มตัวลงมาแล้วเลียไปตามร่องอกของฉัน
ฉันมองเพดาน ตาแดงก่ำ กัดริมฝีปากตัวเองจนแทบจะมีเลือดซิบ
ฉันยอมตายดีกว่าต้องนอนกับผู้ชายน่าขยะแขยงแบบนี้ แต่ถ้าทำให้เขาไม่พอใจ แล้วฉันจะอยู่ที่ศูนย์โรคหัวใจนิวยอร์กซิตี้ต่อไปได้ยังไง?
ถึงวันนี้จะหนีไปได้ แล้วต่อไปล่ะ?
ตราบใดที่ฉันปฏิเสธเขา เขาก็จะคอยหาเรื่องฉันไม่หยุด คอยล่วงละเมิดทางเพศฉันอยู่เรื่อยไป เผลอๆ พรุ่งนี้ฉันอาจจะไม่ได้เหยียบเข้าห้องผ่าตัดอีกเลย!
ฉันพยายามผลักหัวของเขาออกแรงขึ้น เพื่อให้ลิ้นที่น่ารังเกียจของเขาออกไปจากหน้าอกของฉัน แต่เขากลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
ฉันเลยต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูด
“ดร.มิลเลอร์คะ ฟังฉันก่อนนะคะ” ในที่สุดเดวิดก็หยุดการกระทำและเงยหน้าขึ้นมามองฉัน
ฉันแสร้งทำหน้าตาน่าสงสาร บีบน้ำตาออกมา “ดร.มิลเลอร์คะ ฉัน....ฉัน..ยอมค่ะ คุณจะช่วยให้ฉันได้อยู่โรงพยาบาลต่อจริงๆ ใช่ไหมคะ? ฉันไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ ค่ะ”
เดวิดคลายแรงที่มือลงจริงๆ ด้วย “ซาร่าห์ ฉันรู้ว่าเธอจะเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง นี่สิถึงจะเป็นเด็กดีของฉัน ไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยเธอเอง”
จังหวะนี้แหละ!
อาศัยจังหวะที่เขาคลายแรง ฉันชักมือข้างหนึ่งออกมาได้ คว้ากรรไกรบนโต๊ะข้างๆ แล้วแทงเข้าไปที่แขนของเขาอย่างแรง เดวิดร้องโหยหวน ใช้มือกุมแขนที่เลือดไหลไม่หยุด
“เธอ ซาร่าห์ เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”
ฉันเตะเขาออกไป
“ไอ้พวกข่มขืน! ถ้าแกยังกล้าทำแบบนี้อีก คราวหน้าฉันจะทำให้มือแกใช้การไม่ได้ไปเลย!” พูดจบ ฉันก็หยิบเสื้อยืดบนพื้นขึ้นมา แล้วกระแทกประตูออกไป ทิ้งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของเดวิดไว้ข้างหลัง
“ซาร่าห์ เดวิส อย่าให้ฉันเห็นหน้าเธออีก! ตลอดไป!”
ฉันสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย เดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนอย่างเหม่อลอย ลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่าน ฉันกอดแขนตัวเองไว้แน่น
สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าการเสียอพาร์ตเมนต์ไป ก็คือการตกงานในเวลาเดียวกัน!
วันนี้มันโคตรห่วยแตกจริงๆ
ครั้งนี้ ฉันกลายเป็นคนไร้บ้านอย่างสมบูรณ์แล้วจริงๆ
ทันใดนั้น ไฟนีออนฝั่งตรงข้ามถนนก็สว่างวาบขึ้น
บาร์โจรสลัด
ฉันคิดว่านี่คือการชี้นำจากพระเจ้า แอลกอฮอล์คือยาวิเศษที่ช่วยให้ลืมความเจ็บปวดทุกอย่างได้
แต่ในตอนนั้นฉันไม่ได้ตระหนักเลยว่า คืนนี้จะกลายเป็นคืนที่ฉันจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
